รองหัวหน้า ปชป.หวัง กรธ.ฟังข้อท้วงติงร่าง พ.ร.ป.พรรคการเมือง เพื่อแก้ไขให้ได้รับการยอมรับ เตือนระวังสร้างปมปัญหาใหม่ อย่ารอนสิทธิประชาชนร่วมพรรคการเมือง เชื่อพรรคการเมืองทางเลือกเกิดยาก
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่มีการวิจารณ์ท้วงติงเนื้อหาบางส่วนของร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง เป็นการท้วงติงเพื่อประโยชน์ของนักการเมืองและทำเพื่อตัวเองว่า การวิพากษ์วิจารณ์ท้วงติงเป็นไปเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ใช่ทำเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์แต่อย่างใด หลายเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และสมาชิกพรรคคนอื่นๆ ท้วงติงนั้น หากกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) พิจารณาให้ถ่องแท้ก็จะเห็นว่าเป็นการท้วงติงด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ไม่ได้ติเรือทั้งโกลนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เราอยากเห็นกฎหมายพรรคการเมืองมีส่วนทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ถูกครอบงำ หรือชี้นำโดยบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมือง และนายทุนพรรค รวมทั้งการเปิดโอกาสให้สมาชิกมีส่วนร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง แต่ กรธ.ก็ควรคำนึงถึงสภาพความเป็นจริงของสังคมไทยและความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติด้วย จึงอยากฝากให้ กรธ.คำนึงแนวทางในการร่างกฎหมายพรรคการเมือง 4 ประการ คือ 1. คำนึงถึงความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติที่สามารถทำให้เป็นจริงได้ 2. ระมัดระวังการสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมาแทนปัญหาเก่า 3. ระมัดระวังเรื่องการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน 4. ส่งเสริมการสร้างพรรคมวลชนเชิงอุดมการณ์
“เชื่อมั่นว่า ถ้า กรธ.คำนึง ถึงแนวทาง 4 ประการนี้ด้วยจะช่วยทำให้ร่างกฎหมายพรรคการเมืองมีความสมบูรณ์มากขึ้น”
นายองอาจ ยังกล่าวถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองที่มีข้อจำกัดมากขึ้น และมีเงื่อนไขทางการเงินเพิ่มมากขึ้นว่าอาจมีส่วนทำให้คนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่อยากตั้งพรรคทางเลือก เช่น พรรคกรีน พรรคสิ่งแวดล้อม พรรคคุ้มครองผู้บริโภค มีโอกาสตั้งพรรคยากขึ้น เพราะต้องใช้คนเริ่มต้นตั้งพรรค 500 คน ต้องหาสมาชิกให้ได้ 500 คนภายใน 1 ปี และต้องเพิ่มจำนวนสมาชิกให้มีจำนวนไม่น้อยกว่า 20,000 คนภายใน 4 ปี ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์คงไม่มีปัญหาอะไรถ้ากฎหมายออกมาจริงเราน่าจะปฏิบัติได้แต่พรรคทางเลือกคงเกิดยาก จึงอยากฝากให้ กรธ.คำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชนอีกกลุ่มหนึ่งด้วย หวังว่า กรธ.จะรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ เพื่อปรับแก้ไขกฎหมายพรรคการเมืองให้ได้รับการยอมรับเมื่อบังคับใช้ต่อ