รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โยนสื่อถาม “มีชัย” ปมกฎหมายลูกพรรคการเมือง แนะ กรธ.กับนักการเมืองคุยกัน ส่วนโรดแมป คสช.ยังเหมือนเดิม ถ้าไม่มีเหตุและคาดคงไม่มี รับไม่รู้อนาคตจะเกิดอะไร แต่บ้านเมืองดีขึ้น ถามมีเลือกตั้งแล้วตีกันไหวเหรอ บอกถึงเวลาจะเปิดให้โต้เมื่อทุกฝ่ายเข้าใจว่าต้องอยู่ร่วมกัน
วันนี้ (9 ธ.ค.) ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เผยแพร่ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง โดยฝ่ายการเมืองวิจารณ์ว่ามีเงื่อนไขเยอะ และตั้งพรรคใหม่ยาก ว่าตนไม่รับผิดชอบในเรื่องนี้ ขอให้ไปถามนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.จะดีกว่าว่ามีเหตุผลอย่างไรถึงออกกฎหมายในลักษณะนี้ เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้รับทราบ ส่วนเงื่อนไขต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดนั้นตนคิดว่าทาง กรธ.และพรรคการเมืองต้องพูดคุยกันให้เข้าใจกัน ขณะที่โรดแมปของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งโรดแมปจะนำไปสู่การเลือกตั้ง ถ้าไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น ตนคิดว่าคงจะไม่มีอะไรทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น
เมื่อถามว่า ฝ่ายความมั่นคงได้ประเมินสถานการณ์ปี 2560 ว่าจะเกิดปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง แล้วจะป้องกันอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมยังไม่รู้เลยว่าอนาคตจะเกิดอะไร ซึ่งความแตกแยกในชาติบ้านเมืองก็ดีขึ้นตามลำดับ ส่วนเรื่องอื่นๆ ความไม่เข้าใจอะไรต่างๆ ผมไม่รู้ว่าประชาชนเข้าใจมากน้อยแค่ไหน เกี่ยวกับเรื่องรัฐธรรมนูญ กฏหมายพรรคการเมือง ก็เป็นเรื่องที่กรธ.ต้องชี้แจงในภาพรวม”
“เรื่องเหล่านี้จะคุยกันหรือไม่ ผมไม่รู้ เป็นหน้าที่ของใครก็ต้องรับผิดชอบ แล้วจากนั้นก็ต้องดำเนินการร่วมกันทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าให้ได้ แต่ถ้ามีการเลือกตั้งแล้วกลับมาตีกันอีก คิดว่าไหวหรือ ถ้าไม่ไหวก็ต้องร่วมมือกัน” พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า ในเมื่อต้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกัน แต่ คสช.ยังไม่เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นในการร่างกฎหมายพรรคการเมืองเลย รองนายกฯ ประวิตรกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เปิด ถ้าเปิดโอกาสเดี๋ยวจะตีกันอีกหรือเปล่า เราก็ไม่รู้ แต่คิดว่าตอนนี้มันดีอยู่แล้ว และยังมีเวลาอีกเป็นปี ตนอยากถามว่าจะรีบร้อนไปไหน ถึงเวลา คสช.ก็เปิดให้เอง ดังนั้นไม่ต้องห่วงหรอกในเมื่อทุกฝ่ายมีความเข้าใจว่าต้องอยู่ร่วมกันต่อไปในอนาคต