xs
xsm
sm
md
lg

"ลุงตู่"คุมเกมอยู่หมัด-นับถอยหลังปลดล็อกนักการเมือง !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**สังเกตหรือไม่ว่าช่วงเวลานี้เริ่มมีการพูดถึงเรื่องการปลดล็อกพรรคการเมือง เพื่อเปิดทางให้ทำกิจกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการส่งสัญญาณออกมาจากระดับผู้กุมอำนาจรัฐในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนเต็มร้อย แต่พอเข้าใจความหมายจากคำว่า "โรดแมปยังไม่เปลี่ยนแปลง" มันก็ยังสื่อความหมายให้เข้าใจกันได้ว่า พิจารณาจากสถานการณ์ในขณะนี้ ทุกอย่างยังเดินไปตามเส้นทางที่กำหนดเอาไว้
แม้ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะขยักเอาไว้บ้างว่า "ทุกคนเป็นคนกำหนดสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวผมคนเดียว หากทุกอย่างเรียบร้อยมีความมั่นคง ไม่วุ่นวาย ก็เดินไปตามโรดแมป" คำพูดดังกล่าวถึงแม้ว่าไม่ใช่ลอกมาแบบคำต่อคำ แต่ความหมายรวมๆ ก็ประมาณนี้แหละ ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยังถือว่าเป็น"เบอร์สอง" ก็พูดในทำนองเดียวกัน
ดังนั้นหากพิจารณาจากท่าทีและคำพูดของคนที่มีอำนาจดังกล่าว รวมไปถึงย้อนกลับไปตรวจสอบคำพูดก่อนหน้านี้ มันก็จะมีการเลือกตั้งในปลายปีหน้า และนั่นหมายถึง เวลาของรัฐบาลชุดนี้ยังเหลืออีกประมาณ 1 ปี เท่านั้น
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาจากความคืบหน้าของบรรดาการร่างกฎหมายลูกหรือกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เร่งด่วนอย่างน้อย 4 ฉบับ คือกฎหมายที่เกี่ยวกับ การเลือกตั้ง เกี่ยวกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง กฎหมายพรรคการเมือง และกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.และส.ว. ก็ใกล้เสร็จเต็มทีแล้ว เพราะมีเวลากำหนดเอาไว้ว่าต้องเสร็จและประกาศใช้เมื่อใด และนี่ก็คือปัจจัยเร่งอย่างหนึ่งที่ทำให้ต้องมีการพูดถึงประเด็นต่อเนื่องที่ต้องเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ นั่นคือการ "ปลดล็อก" พรรคการเมืองและนักการเมือง ให้สามารถทำกิจกรรมทางการเมืองได้
**ขณะเดียวกันเวลาที่กำหนดตามโรดแมป ว่าต้องมีการเลือกตั้งปลายปีหน้า มันก็ย่อมถือว่าเตรียมนับถอยหลังสำหรับการปลดล็อกทางการเมืองกันอยู่แล้ว เพราะมันเป็นไม่ได้ที่จะมีการเลือกตั้งแล้ว บรรยากาศทางการเมืองยังแข็งทื่อแบบนี้ และการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่กล่าวในทำนองว่า จะมีการเลือกตั้งและประชาธิปไตยในแบบ "สากล" ความหมายมันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นแบบไหน
นั่นคือต้องมีบรรยากาศการแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์ แต่ขณะเดียวกันมันคงไม่ถึงกับหวนกลับไปเป็นแบบเดิม ในยุคที่นักการเมืองเป็นใหญ่ก่อนหน้านี้ เพราะแบบนั้นชาวบ้านเขาเอือม เขาเบื่อไม่ต้องการแล้ว
ดังนั้น ถ้าย้ำอีกทีจากคำพูดของผู้มีอำนาจข้างต้น รวมทั้งคำพูดของ นรชิต สิงหเสนี โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงสุดท้ายแล้ว ซึ่ง กรธ.กำลังทบทวนรายละเอียดในแต่ละมาตราที่เกี่ยวโยงกันว่ามีตรงไหนที่ขัดกันหรือไม่ ซึ่งตอนนี้มีร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองเบื้องต้นที่เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว ยังต้องปรับแก้อีกเล็กน้อย และถ้าเสร็จสมบูรณ์ก็จะเปิดเผยต่อสาธารณชนและสามารถส่งให้ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช)ไปศึกษาดูก่อนได้ คาดว่าจะเสร็จภายในสัปดาห์นี้ แต่ถ้าเป็นร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองฉบับสมบูรณ์นั้น มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.บอกแล้วว่าจะส่งร่างฉบับสมบูรณ์ให้ สนช.ทันทีหลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้แล้วในวันถัดไป
ถามว่า มีบางพรรคการเมืองแสดงความกังวลเรื่องทุนประเดิมในการตั้งพรรค นายนรชิต กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่เราอยากให้พรรคการเมืองเป็นของสมาชิกพรรคทุกคน และให้สมาชิกพรรคมีความสนใจในพรรคจริงๆ ส่วนเรื่องสมาชิกพรรคที่มีเสียงท้วงติงจากพรรคการเมืองขนาดเล็กและพรรคการเมืองเก่าตามรัฐธรรมนูญปี 2550 ว่าบางคนโดนสวมชื่อไปอยู่พรรคนั้นพรรคนี้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้เรื่อง ตรงนี้ทำให้ กรธ.มากำหนดว่าสมาชิกพรรคจะต้องยืนยันตัวตนกับ กกต.ว่าเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใด ส่วนค่าสมาชิกพรรคนั้นกำลังคิดว่าจะกำหนดให้เหมาะสมว่าจะต้องเสียค่าสมาชิกคนละเท่าไหร่ ซึ่งอยู่ระหว่าง 100-200 บาทตามที่มีผู้เสนอเข้ามายัง กรธ. ซึ่งเราพยายามควบคุมพรรคการเมืองให้ใช้จ่ายอย่างเหมาะสม เช่น เงินหาเสียง, ป้ายโฆษณา เป็นต้น รวมทั้งเงินที่พรรคจะได้รับจาก กกต.และผู้บริจาคด้วย
"ขอยืนยันอีกครั้งว่า กรธ.ไม่มีการเซตซีโรพรรคการเมือง หรือคณะกรรมการบริหารพรรคตามที่มีข่าวออกมา ตรงนี้ยังเป็นเหมือนเดิมไม่ยุ่งยากอะไร ทั้งนี้เชื่อว่าการเลือกตั้งก็ยังเป็นไปตามโรดแมปเหมือนเดิม และถ้าร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองประกาศใช้ตรงนี้พรรคการเมืองก็จะสามารถทำกิจกรรมได้ทันที"
ก็ต้องบอกว่าชัดยิ่งกว่าชัด ว่าอีกไม่นานจะมีการ"ปลดล็อก" พรรคการเมืองและนักการเมืองให้ทำกิจกรรมได้ แต่ก็นั่นแหละการปลดล็อกดังกล่าวมันก็ย่อมหมายถึงความมั่นใจว่าสามารถ "ควบคุมสถานการณ์" เอาไว้ได้แบบอยู่หมัดแล้วอะไรประมาณนั้น อีกทั้งไม่น่ากังวลกับกระแสความนิยมศรัทธาของประชาชนที่มีต่อบรรดานักการเมือง เมื่อเปรียบเทียบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะนาทีนี้ถือว่ายัง"กินขาด"ซึ่งชาวบ้านรับรู้กันดีว่า ใครเหนือกว่า
**ดังนั้นเมื่อประเมินแล้วว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงมันก็ถึงเวลา เพราะตามโรดแมปยังเหลือเวลาอีกปีกว่าๆ เมื่อต้องทำให้บรรยากาศเป็นสากลมันก็ต้องเดินหน้าตามกำหนดตามเส้นทางที่กำหนดเอาไว้แล้ว !!
กำลังโหลดความคิดเห็น