xs
xsm
sm
md
lg

“มีชัย” จัดให้! ยาแรง พ.ร.บ.พรรคการเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

สะเก็ดไฟ

เปิดคัมภีร์พรรคการเมือง ฉบับที่ 7 ของประเทศไทยนับแต่ปี พ.ศ. 2498 จากฝีมือสำนัก กรธ. อรหันต์ทองคำ มีทั้งสิ้น 37 หน้ากระดาษ 10 หมวด 129 มาตรา เจ้าสำนักเซียน “ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์” ภูมิใจนำเสนอยาแรงชนิดไม่ต้องเขย่าขวดก่อนดื่ม

ใครได้ลิ้มรสจะเคลิบเคลิ้มง่วงงันนอนหลับปุ๋ยฝันหวานถึงการเมืองไทยใสสะอาด ปราศจากเชื้อโรคในอดีตแสนโสมม ด้วย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง ฉบับเบื้องต้น แต่พอชำแหละแล้วเรียบเรียงรายมาตรากลับไม่เคลิ้มฟุ้งทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ตามที่ “ซือแป๋” พรีเซนเตชัน เสียงคนก่นด่านินทาอื้ออึงมาจากแวดวงประดานักการเมือง

เริ่มที่การตั้งพรรคเปิดสำนักการเมือง ผู้ร่วมก่อตั้งในนามพรรค 15 คน ต้องเจียดเงินมาประเดิมขั้นต่ำไม่ต่ำกว่าคนละ 2,000 บาท แต่ไม่เกิน 500,000 บาท จากนั้น ต้องไปหาสมาชิกแฟนคลับเริ่มต้นเพื่อขอจดเเจ้งให้ได้ 500 คน เป็นประเดิม

มองผิวเผิน กระบวนท่าวิชานี้ไม่พิลึกเท่าไหร่ ดูไม่ต่างจาก พ.ร.บ.พรรคการเมืองที่ประเทศไทยเคยมีมาเเล้ว 6 ฉบับมากนัก

แต่เงื่อนไขในมาตราใกล้เคียงโคตรเเหวกเเนวในตรรกะที่อ้างเรื่องอัตราก้าวหน้าในการดำเนินการกิจกรรมทางการเมือง เกิดคำถามว่า ทำได้จริงหรือไม่ในกรณี กรธ.กำหนด 1 ปีแรก พรรคการเมืองต้องหาสมาชิกเพิ่มให้ได้ 5 พันคน และใน 4 ปี จะต้องเพิ่มจำนวนสมาชิกพรรคให้ได้ 2 หมื่นคน

ยัง ยังไม่หมด!

จากนี้ใครจะตั้งสำนักพรรคการเมืองจะต้องตั้งสาขาพรรคปักหมุดเอาไว้ในแต่ละภาคให้ครบถ้วน ต้องจัดตั้งตัวแทนพรรคประจำทุกจังหวัด และต้องมีสมาชิกพรรคทุกจังหวัดด้วย

จะจัดทำแฟรนไชส์ขายตรงเครื่องสำอางประเภทครีมกันเเดด หรือดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเพื่อสรรหาบุคคลส่งสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้เเทนมาแก้ปัญหาประเทศกันแน่

การกำหนดห้ามบุคคลผู้ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หรือนอมนีมาจุ้นการดำเนินการพรรค เพื่อขจัดนายทุนปัญหาเน่าๆ เเบบการเมืองไทยในอดีตนั้น เห็นด้วย เเต่เมื่อไปมองเรื่องบุคคลที่จะสมัครเป็นสมาชิกเเต่ละพรรคการเมือง มันดูทะแม่งๆ

ใครจะเป็นสมาชิกพรรค จะต้องเจียดเงินคนละ 100 บาท ต่อ 1 ปี มันเท่ากับสนับสนุนให้นายทุนเข้ามาครอบงำพรรคการเมือง นั่งรอคอยถอนทุนจากงบประมาณรัฐที่มาจากภาษีพี่น้องประชาชนไปปู้ยี่ปู้ยำ มากกว่าเดิมหรือไม่

ทั้งเอื้อพรรคการเมืองใหญนายทุนหนา และบีบพรรคการเมืองขนาดกลาง ขนาดเล็ก ให้ไม่ได้เกิดในคราวเดียวกัน

เข้าใจดีว่า กรธ.พยายามจะสร้างมูลค่า ให้ประชาชนตระหนัก ตื่นตัว รู้สึกเป็นเจ้าของพรรคการเมืองอย่างแท้จริง จูงใจการมีส่วนร่วมกิจกรรมการเมืองผ่านการจ่ายเงินบำรุงพรรค และคิดว่าการกำหนดเงิน 100 บาทต่อปี ไม่มากเกินไป

ก็ทำอย่างกับประเทศไทยมีค่าครองชีพที่เหมาะสม ไร้ความเหลื่อมล้ำกันนักนี่ พี่น้องชาวเขาทุรกันดาร ชาวนาชนบท หรือแม้เเต่คนเมืองหาเช้ากินค่ำใน กทม.เองก็เถอะ เงิน 100 บาท มีค่าสำหรับเขามาก จะไม่มากได้อย่างไร ในเมื่อรัฐบาลให้ค่าประชาชน ประกาศขึ้นค่าแรงยกตัวอย่างปรับขึ้นให้มากที่สุดแค่ 10 บาทต่อวัน รวมขึ้นเเค่ 310 บาท ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล เฉลี่ย 30 วันหรือ 1 เดือน เท่ากับรัฐปรับขึ้น 300 บาทต่อเดือน ถ้าเทียบ 1 ปี เท่ากับขึ้น 3,600 บาท! ลำพังเงินเดือนขั้นต่ำ 300 บาท แทบไม่พอยาไส้กันเลย

แล้วนี่ กรธ.จะให้ประชาชนหาเช้ากินค่ำเจียดเงินที่รัฐปรับขึ้นให้ใหม่ เพื่อเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ใครจะยอม เก็บเอาไว้จ่ายค่ากับข้าวและค่านมลูกไม่ดีกว่าหรือ?

แฟนคลับแม่ยกพรรคคงได้หน้าเดิมๆ ไม่ได้สร้างความตื่นตัวเป็นเจ้าของพรรคตามที่ กรธ.ท่านคาดหวังแน่จะบอกให้ นักการเมืองหัวหมอรู้จุดด้อยนี้ดี ก็เกณฑ์คนง่ายดาย ทำกันใต้ดิน หัวคะแนนก็มีอยู่ จ่ายง่าย ไม่มีใบเสร็จ ไม่ต่างจากอดีตเลย เป็นสมาชิกพรรคแถมรับเงินกลับบ้าน กับเป็นสมาชิกพรรค แต่ต้องจ่ายเงินตั้ง 100 บาท ก็คิดกันเอา

ต่างที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ กำลังส่งเสริมให้นายทุนแอบเข้ามาซื้อสิทธิขายเสียงกันตั้งแต่ยังไม่จัดเลือกตั้งง่ายกว่าเดิมหรือไม่? และท่านอย่าฝันจะหวังพึ่ง กกต.มาทำงานจับทุจริต คนโกงยัดคุก ลำพังเก้าอี้ประธาน กกต.ยังเลื่อยขากันไม่จบเลย

อีกยาชุดสุดแรง ไม่มีพรรคไหนอยากอมเพราะขมปี๋อยู่ในมาตรา 23 กำหนดเรื่องการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองเอาไว้กว้างๆ ดั่งแม่น้ำฮวงโห แยงซีเกียง ประกอบไปด้วยนโยบายพรรคต้องไม่สร้างความแตกเเยกคนในชาติ ไม่ขัดความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดี ต้องเสนอการแก้ปัญหาประเทศอย่างมีเหตุผล ส่งเสริมสมาชิก ประชาชนมีความสามัคคีปรองดอง รู้จักการยอมรับความคิดเห็นทางการเมืองที่เห็นต่าง แก้ไขปัญหาการเมืองด้วยสันติวิธี เพื่อประโยชน์สุขประเทศชาติประชาชน

ตีความง่ายๆ ต่อจากนี้ห้ามสมาชิกพรรคการเมืองไปก่อม็อบลงท้องถนนเย้วๆ สร้างความแตกแยก ไม่ว่าจะอมนกหวีด หรือถือตีนตบก็ตามที หรือถ้าจะทำต้องไม่เป็นสมาชิกพรรค หรือลาออกจากพรรคก่อนได้หรือเปล่า?

ที่แน่ๆ ชัดเจน ถ้าฝ่าฝืนมาตรา 23 อาจเจอยุบพรรค! หนักที่สุดในบรรดายาฝาดจากสำนัก “ซือแป๋” คือ เรื่องกรรมการบริหารพรรค ต่อจากนี้ใครกระสันนั่ง กก.บห. คงต้องคิดให้หนัก เเม้คราวนี้ดูเหมือนยาไม่แรงเหมือนก่อนๆ ที่เคยมีกรณีลูกพรรคทำผิด แต่พรรคถูกยุบทั้งเข่ง

รอบนี้ กก.บห.ต้องคอยสอดส่องดูเเลทั้งลูกพรรค และสมาชิกพรรค ไม่ให้ผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และระเบียบ กกต.อย่างเคร่งครัด สมมติมีสมาชิกมีส่วนรู้เห็นทุจริตเลือกตั้ง หากตรวจสอบเห็นว่า กก.บห.ไม่ระงับยับยั้ง อาจถูกตะเพิดพ้นตำแหน่งทันที พ่วงท้ายด้วยชนักห้ามจุ้นการเมืองอีก 20 ปี

แต่เชื่อว่า “ซือแป๋” แก่เเล้ว มีอาวุโสวุฒิภาวะพอ คงไม่ร่างกติกาเอื้อพรรคใด เพราะพอเปิดซิง แห่ยาเเรงเนื้อหา พ.ร.บ.พรรคการเมืองตามหน้าสื่อสาธารณชนมาตลอด 1 สัปดาห์ “พรรคขนาดใหญ่ พรรคขนาดกลาง พรรคเอสเอ็มอี” ล้วนบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น