หัวหน้าพรรคคนไทย หนุนมหาดไทยจัดเลือกตั้ง ชี้ กกต.กลับสร้างปัญหาเสียเอง ค้านคนกลุ่มเดียวมีอำนาจเหนือกว่าคะแนนเสียงประชาชน แนะตัดออกไปลย จวกแค่ประชามติใช้งบไป 3 พันล้านยังประชาสัมพันธ์ได้ไม่ทั่วถึง ไร้ประสิทธิภาพ
วันนี้่ (18 ก.ย.) นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงกรณีที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เสนอให้กระทรวงมหาดไทยเข้ามาจัดการเลือกตั้งแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าส่วนตัวสนับสนุนการให้กระทรวงมหาดไทยเข้ามาเป็นผู้จัดการเลือกตั้งแทน กกต.เหมือนในอดีต เนื่องจากเห็นว่าตั้งแต่มี กกต.มานั้นการจัดเลือกตั้งแต่ละครั้ง กกต.ก็ต้องไปขอความร่วมมือจากหน่วยงานอื่นโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยอยู่ดี ขณะที่ กกต.เองแม้มีอำนาจตามกฎหมาย แต่ก็ยังขาดเครื่องมือหรือเจ้าหน้าที่ที่จะจัดการเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหลายครั้ง กกต.ที่ควรจะมีบทบาทเป็นผู้กำกับดูแลให้เกิดความเรียบร้อย กลับเป็นคนสร้างปัญหาขึ้นเสียเอง จนถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้ง
หัวหน้าพรรคคนไทยกล่าวว่า นอกจากนี้ อดีต กกต.เองก็ก่อปัญหาจนต้องเข้าคุกเข้าตารางมาแล้วด้วย อีกทั้งการใช้ดุลพินิจของ กกต.ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาก็ถูกตั้งคำถามมาโดยตลอดในเรื่องมาตรฐานการวินิจฉัยและความ โปร่งใส จึงไม่เหมาะที่จะให้คนเพียง 5 หรือ 7 คนมาตัดสินอนาคตชาติบ้านเมือง หรือมีอำนาจเหนือกว่าคะแนนเสียงที่ผู้สมัครได้รับเลือกจากประชาชน ดังนั้น การให้กระทรวงมหาดไทยที่มีความพร้อมทั้งเครื่องมือและบุคลากรจัดการเลือกตั้งจึงมีความเหมาะสมมากกว่า ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ควรใช้โอกาสในการแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญที่มีในขณะนี้ตัดกลไกในส่วนของ กกต.ออกไปจากวงจรการเมืองไทยเสียเลย
“เหมือน กรธ.กำลังปะกางเกงที่ขาดอยู่จุดหนึ่ง แต่ไปเห็นปัญหาหรือรอยขาดอีกจุดหนึ่งก็ไม่ควรมองข้าม ไหนๆ แก้ไขแล้วก็ควรแก้ไขให้สมบูรณ์ดีไปเลย” นายอุเทนกล่าว
นายอุเทนกล่าวต่อด้วยว่า การตัดหรือยกเลิก กกต.ให้พ้นการมีส่วนร่วมในการจัดการเลือกตั้งนั้น ยังสามารถประหยัดงบประมาณได้อีกมาก อย่างการทำประชามติเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา กกต.ก็ใช้งบประมาณไปมากกว่า 3 พันล้านบาท แต่แค่การประชาสัมพันธ์ก็ยังทำได้ไม่ทั่วถึง จนรัฐบาลต้องสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยทหารมาช่วยเป็นกำลังเสริม ซึ่งก็สูญเสียงบประมาณเช่นกันในลักษณะที่ซ้ำซ้อนสิ้นเปลือง สุดท้ายผู้ออกมาใช้สิทธิ์ก็ต่ำกว่าเป้าที่วางไว้มาก จึงสะท้อนว่างบประมาณบริหารการเลือกตั้งที่ใช้ผ่าน กกต.จำนวนนวมหาศาลนั้นไร้ซึ่งประสิทธิภาพ ไม่สอดคล้องกับสภาวะของประเทศในช่วงนี้ที่ไม่ควรที่จะสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ