“ประยุทธ์” เผย ครม.จ่ายเงินช่วยเหลือให้แก่ผู้มีรายได้น้อย 1.5-3 พันบาท ขออย่าใช้คำว่ารัฐแจกเงิน แจงเพื่อดูแลอาชีพอื่นนอกจากเกษตรกร แย้มให้รอมาตรการวันขึ้นปีใหม่ รับต้องเห็นใจ จนท.ช่วงไฮซีซัน พร้อมดูแลทัวร์ถูก กม. ขอให้เข้าใจการนำเข้าข้าวสาลี ระบุพร้อมวางแผนแก้ปัญหาทั้งระบบ เล็งสร้างไซโล-ยุ้งฉางของ ปชช. ยันช่วยชาวนาให้ได้เมล็ดพันธุ์ถูก โต้เอื้อประโยชน์เอกชน
วันนี้ (22 พ.ย.) เมื่อเวลา 13.20 น. ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรีถึงมาตรการเพิ่มรายได้ให้ผู้ที่มีรายได้น้อย ตามที่กระทรวงการคลังเสนอว่า ขอร้องว่ามาตรการดังกล่าวอย่าใช้คำว่ารัฐบาลแจกเงิน ถือเป็นมาตรการช่วยเหลือให้แก่ผู้มีรายได้น้อย ตามที่เราเคยประกาศไว้แล้วให้มีการไปขึ้นทะเบียนสำหรับผู้ที่มีรายได้น้อย วัตถุประสงค์เพื่อต้องการดูแลประชาชนที่มีอาชีพอื่นๆ ด้วยนอกเหนือจากเกษตรกร เรื่องนี้เป็นการทำต่อเนื่องจากมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรซึ่งได้ทำมาแล้วหลายครั้ง ตนจึงมีความเป็นห่วงประชาชนที่มีอาชีพอื่นๆ ด้วย จึงได้ดำเนินการต่อเนื่องสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล และมีมาตรการอื่นออกมาอีก เช่น การดูแลค่าใช้จ่ายการเดินทาง การใช้ตั๋วร่วม รวมทั้งหารเชื่อมโยงการขึ้นรถเมล์ และรถไฟฟรี เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ทุกคน ทั้งหมดมี 8 ล้านคน โดยมีเกษตรกรรวมอยู่ด้วย และได้รับการช่วยเหลือไปแล้วประมาณ 3 ล้านคน ซึ่งจะได้รับการช่วยเหลือสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 3 หมื่นบาทต่อปีก็จะได้รับเงินช่วยเหลือ 3,000 บาท และผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,001 บาท ไม่เกิน 1 แสนบาท จะได้รับเงินช่วยเหลือ 1,500 บาท ตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ ซึ่งได้มีการตรวจสอบตามขั้นตอนของกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ก็จะมีการจ่ายเงินให้ ซึ่งมาตรการช่วยเหลือรัฐบาลจะมีอย่างต่อเนื่อง
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น แน่นอนว่าเมื่อมีเงินลงไปก็จะมีการใช้เงินกันมากขึ้น จะเกิดกระบวนการตั้งแต่ผู้บริโภคถึงผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่ายก็จะเกิดการใช้จ่ายเงินในระบบมากขึ้น ในส่วนของมาตรการวันขึ้นปีใหม่นั้น จะมีการกำหนดในหลายๆ มาตรการซึ่งต้องรอฟังอีกครั้งว่าในช่วงปีใหม่จะมีอะไรออกมา ทั้งเรื่องการจับจ่ายใช้สอย การท่องเที่ยว การใช่จ่ายเงินในการซื้อของ จะมีการประกาศออกมา
นายกฯ กล่าวด้วยว่า ช่วงปีใหม่นี้ขอให้ทุกหน่วยงานทุกกระทรวงมีเรื่องการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น การจัดสัมมนาถ้าเป็นไปได้ขอให้จัดในประเทศ ขณะเดียวกันเราจำเป็นต้องเอานักท่องเที่ยวเข้ามาในไทยมากขึ้นในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะเป็นช่วงวาระพิเศษ ฉะนั้นจะติเตียนใครมากไม่ได้ ทุกคนพยายามเต็มที่แล้ว และขออย่าไปพูดเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น วันนี้ต้องพูดถึงทัวร์ที่ผิดกฎหมายกับถูกกฎหมาย ใครทำถูกเราจะเข้าไปช่วยเหลือ ดูแลให้มีประสิทธิภาพ
ขณะที่ พ.ต.หญิง ทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ สำหรับผู้ที่มีรายได้น้อยตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ที่ประชุมมีมติเห็นชอบในมาตรการการช่วยเหลือคือ 1.สำหรับผู้ที่ไม่มีรายได้ หรือมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี รัฐบาลมอบเงินช่วยเหลือให้ 3,000 บาท โดยมีผู้ที่ลงทะเบียนจำนวน 3.1 ล้านคน 2.ผู้ที่มีรายได้ตั้งแต่ 30,001 ขึ้นไปแต่ไม่เกิน 1 แสนบาทต่อปี รัฐบาลมอบเงินช่วยเหลือให้ 1,500 บาท จำนวน 2.3 ล้านคน ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 12,750 ล้านบาท โดยจะเริ่มจ่ายตั้งแต่วันที่ 1-30 ธ.ค. 2559 ผ่านบัญชีธนาคารธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) ออมสิน และกรุงไทย ตามที่ได้ลงทะเบียนไว้ สำหรับผู้ที่มีบัญชีมากกว่า 1 บัญชีจะโอนเข้าบัญชีที่มีความเคลื่อนไหวล่าสุด และสำหรับผู้ที่ไม่มีบัญชีให้ไปเปิดบัญชีในสาขาที่ลงทะเบียนเพื่อรับเงิน
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงเรื่องชาวไร่ข้าวโพดเตรียมฟ้องกระทรวงพาณิชย์ ก็ต้องดูกันให้ดีว่าฟ้องร้องแล้วมันได้อะไรขึ้นมาหรือไม่ ต้องดูด้วยการนำเข้าเป็นไปตามข้อตกลงทางการค้าอะไรหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ก็มีการกำหนดอัตราการระหว่างข้าวสาลีนำเข้า กับข้าวโพดที่มีในประเทศ ในสัดส่วน 1:3 แล้ว คือต้องใช้ข้าวโพดในประเทศมากกว่า เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบมาก แต่ก็ต้องไปดูว่าข้าวโพดของเรามาจากไหน มาจากการปลูกในพื้นที่ผิดกฎหมายเป็นส่วนใหญ่ เราอยากให้ยกเลิก แม้ว่าความต้องการข้าวโพดมีมาก แต่ก็ต้องให้เลิกปลูกในพื้นที่ผิดกฎหมาย เราไม่ส่งเสริมมีการบุกรุกพื้นที่ป่าในการปลูกข้าวโพด ดังนั้นตอนนี้เราก็มีการขอให้ภาคเอกชนให้ช่วยมารับซื้อข้าวโพดให้ได้ตามแผน เป็นการแก้ปัญหาแบบครบวงจร ทั้งพื้นที่ปลูก การผลิต การแปรรูป การนำเข้าส่งออกสู่ตลาด
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ต้องการให้ประเทศเดินหน้าไปให้ได้ โดยระยะที่1 ทำไปแล้วเหมือนกับรักษาเสถียรภาพประเทศไว้ให้ได้ เอาปัญหาที่หยุดชะงักมาเดินหน้าในปี 2557-2558 จากนั้นปี 2559-2560 ต้องสร้างความเข้มแข็งเพิ่มขีดความสามารถ โดยงบประมาณปี 2560-2561 จะมุ่งเน้นเชิงโครงสร้าง ซึ่งรัฐบาลได้พยายามทำเกษตรแปลงใหญ่ รัฐวิสาหกิจชุมชน บริษัทประชารัฐ และจะส่งเสริมให้ทำยุ้งฉางขึ้นมาอีก พร้อมกันนี้จะวางแผนเชื่อมโยงสร้างไซโลต่อในอนาคต เพื่อเก็บรักษาได้ในระยะเวลานาน แต่เป็นของประขาชน โดยร่วมกับภาคเอกชนแบบประชารัฐ ส่วนธุรกิจเอกชนก็ทำของตัวเองไป สิ่งที่รัฐบาลทำนั้นเพื่อให้ประชาชนมีทางเลือก สามารถถ่วงดุลราคาในวันข้างหน้า ตนคิดแบบนี้ไม่ใช่แต่จะให้เงิน เพราะไม่ยั่งยืน แต่มันก็จำเป็นเพราะสถานการณ์เศรษฐกิจวันนี้มีปัญหาทั้งโลก
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนกรณีเรื่องกรมส่งเสริมการเกษตรที่ร่วมกับบริษัทเอกชนในการช่วยเหลือชาวนา ตรงนี้ชาวนาก็มีทางเลือกอยู่แล้ว รัฐบาลส่วนหนึ่งก็ผลิตเมล็ดพันธุ์ออกมาไม่เพียงพอ เกษตรกรทำเองก็ไม่พออีก สุดท้ายก็ต้องไปซื้อจากเอกชน จึงได้มีการทำสัญญาว่าให้เกษตรกรได้ซื้อในราคาถูก ในราคาที่เป็นธรรม ไม่ได้ไปเอื้อประโยชน์ใคร แต่เป็นเรื่องที่ต้องอาศัยภาคธุรกิจทั้งนั้น เจตนารมณ์ของ MOU ฉบับนี้คือให้ประชาชนได้ใช้เมล็ดพันธุ์ราคาถูก เป็นทางเลือกไม่เอื้อประโยชน์ใครทั้งสิ้น