xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ถก กปร.เผย 28 ชาตินำแนวทางรัชกาลที่ ๙ ประยุกต์ใช้ ยันรัฐเร่งขับเคลื่อนสู่การปฏิบัติ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรี ประชุมคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สรุปงานประจำปี เผยงบปี 59 รวม 2,646.70 ล้าน จัดสรร 202 โครงการ มีราษฎรได้ประโยชน์ 28,867 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 220,175 ไร่ พื้นที่ป่าไม้ได้รับการฟื้นฟู 1,637,535 ไร่ ยันรัฐพยายามขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติ เผยมี 28 ประเทศนำแนวทางรัชกาลที่ ๙ ไปประยุกต์ใช้ สั่งปรับแก้เกษตร และน้ำ

วันนี้ (21 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (กปร.) เป็นประธานการประชุม กปร.ครั้งที่ 1/2560 ประจำปี 2560 โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายดนุชา สินธวานนท์ เลขาธิการ กปร.ในฐานะกรรมการและเลขานุการ นำเสนอรายละเอียดในการประชุมประกอบด้วย ผลการดำเนินงานตามภารกิจของสำนักงาน กปร.ที่ได้ทำหน้าที่สนองพระราชดำริมาตั้งแต่ปี 2524 และได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลในการประสานงาน สนับสนุนการดำเนินงาน ติดตาม ขยายผลและประชาสัมพันธ์แนวพระราชดำริและโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่มักกระจายอยู่ทั่วประเทศถึง 4,685 โครงการในปัจจุบัน ซึ่งในปีงบประมาณ 2559 สำนักงาน กปร.ได้ดำเนินการสนับสนุนการดำเนินงานของส่วนราชการต่างๆและสนองนโยบายของรัฐบาลได้แก่

การรับเสด็จฯ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจในพื้นที่โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 34 ครั้ง การติดตามองคมนตรีเพื่อติดตามผลการดำเนินงานในโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั่วทุกภาค จำนวน 35 ครั้ง รวมถึงสรุปงบประมาณที่ได้รับจัดสรร จำนวนทั้งสิ้น 2,646.70 ล้านบาท โดยมีหน่วยงานและโครงการฯ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ จำนวน 202 โครงการ ได้แก่ ด้านพัฒนาแหล่งน้ำ ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านส่งเสริมอาชีพ ด้านการเกษตร ด้านคมนาคมสื่อสาร ด้านสาธารณสุข ด้านบูรณาการและอื่นๆ ทั้งนี้ราษฎร และพื้นที่ได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนงบประมาณในครั้งนี้ จำนวน 28,867 ครัวเรือน 132 หมู่บ้าน พื้นที่การเกษตรได้รับประโยชน์ 220,175 ไร่ พื้นที่ป่าไม้ได้รับการฟื้นฟูจำนวน 1,637,535 ไร่ นอกจากนี้ยังมีการขยายผลองค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริทั้ง 6 แห่ง โดยในปี 2559 มีผู้เข้าศึกษาดูงานทั้งสิ้น 1,400,066 คน และเข้ารับการฝึกอบรมจำนวน 20,977 คน

นอกจากนี้ ในส่วนของการประชุมคณะกรรมการต่างๆ และการประชุมสัมมนา ประชาสัมพันธ์ ที่สำคัญ ในปี 2559 มีดังนี้ การประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นประธาน จำนวน 2 ครั้ง และคณะกรรมการพัฒนาและรณรงค์การใช้หญ้าแฝกอันเนื่องมาจากพระราชดำริ โดยมีนายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี เป็นประธาน จำนวน 2 ครั้ง รวมถึงการจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มี 2 ส่วนได้แก่ สำนักงาน กปร. ร่วมกับ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทั้ง 6 แห่ง จัดกิจกรรมภายใต้ชื่อ “ฉลองราชย์ 70 ปี เคียงคู่ทรงงาน 84 พรรษา ราชินีศรีแผ่นดิน” ประกอบด้วย 1. การจัดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ฉลองราชย์ 70 ปีเคียงคู่ทรงงาน 84พรรษา ราชินีศรีแผ่นดิน” 2. การประกวดจัดแสดงนิทรรศการในหัวข้อ “แผ่นดินของเรา”จากสถาบันการศึกษาระดับมัธยมศึกษาทั่วประเทศ 3. ปลูกป่าในใจคน การสร้างป่าเพิ่มน้ำ ภายใต้ชื่อ “พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ” โดยการปลูกต้นไม้ประจำจังหวัด ไม้มีค่า ไม้อนุรักษ์ ฯลฯ และการแจกพันธุ์กล้าไม้ให้แก่ราษฎร ศูนย์ศึกษาฯ ละ 84 คน 84 ต้น

4. สร้างงาน สร้างอาชีพจากงานของในหลวง เป็นการฝึกอบรมให้ความรู้พร้อมแจกปัจจัยการผลิตในหลักสูตรที่ศูนย์ศึกษาฯ ได้พิจารณาถึงความพร้อมและความเหมาะสมแล้ว 5. กิจกรรมเฉลิม พระเกียรติในพื้นที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อาทิ เดิน-วิ่งเฉลิมพระเกียรติ ทำบุญสวดมนต์เฉลิมพระเกียรติ ฯลฯ รวมถึงสำนักงาน กปร. ร่วมกับรัฐบาล จัดนิทรรศการสัญจรเฉลิมพระเกียรติ “บัวบาทยาตรา” เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ ๗๐ ปี ๙ มิถุนายน ๒๕๕๙

และเนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๙ โดยสัญจร จำนวน 4 ครั้ง ประกอบด้วย ครั้งที่ 1 วันที่ 8-10 กรกฎาคม 2559 ณ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ครั้งที่ 2 วันที่ 9-11 กันยายน 2559 ณ หอประชุมวชิราลงกรณ มหาวิทยาลัยราชภัฏสกลนคร จังหวัดสกลนคร ครั้งที่ 3 วันที่ 14-16 ตุลาคม 2559 ณ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชครบ ๖๐ ปี อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ครั้งที่ 4 วันที่ 2-6 พฤศจิกายน 2559 ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่

ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้รับทราบการดำเนินงานการขับเคลื่อนขยายผลแนวพระราชดำริหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยเริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2550 จัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงทั่วประเทศ รวม 47 แห่ง ซึ่งมีการติดตามสนับสนุนการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2558 นายกรัฐมนตรี ได้อนุมัติแผนยุทธศาสตร์การบูรณาการการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จัดทำขึ้นเพื่อบูรณาการการทำงานด้านปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง โดยสำนักงาน กปร.ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่ 1 ส่งเสริมการขับเคลื่อนการพัฒนาตามปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการเกษตรและชนบท ซึ่งได้กำหนดแนวทางและกลไกการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมในรูปแบบการพัฒนาเชิงพื้นที่ กำหนดพื้นที่หมู่บ้านเป้าหมาย จำนวน 24,089 แห่ง และบูรณาการการทำงานทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาควิชาการ ตลอดจนการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศกลุ่ม G 77 เพื่อเสริมสร้างเครือข่ายของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนาที่ยั่งยืนในอนาคตผ่านความร่วมมือในกรอบใต้ และหุ้นส่วนความร่วมมือระดับโลก

นอกจากนี้ สำนักงาน กปร.ร่วมกับรัฐบาลดำเนินการโครงการเยาวชนอาเซียนเรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงตามรอยพระยุคลบาท ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงาน กปร. มูลนิธิมั่นพัฒนา กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กองทัพเรือ กองทัพอากาศ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฯลฯ โดยเปิดโอกาสให้ตัวแทนเยาวชนจากประเทศอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้เรียนรู้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงการสนับสนุนงบประมาณโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2560 จำนวน 32 โครงการ เช่น พัฒนาด้านแหล่งน้ำ จำนวน 13 โครงการ วงเงินไม่เกิน 167,264,500 โครงการพัฒนาด้านการเกษตร เป็นพระราชดำริโดยตรง โครงการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อม เป็นพระราชดำริโดยตรง จำนวน 3 โครงการ เป็นต้น

ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวในช่วงต้นว่า ขอบคุณทุกคนที่ได้ทำงานร่วมกันมา ซึ่งรัฐบาลได้ทำงานพยายามขับเคลื่อนนำสิ่งที่สถาบันพระมหากษัตริย์พระราชทานไว้ไปสู่การปฏิบัติให้ได้โดยเร็ว โดยเฉพาะงานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระราโชบายให้นำไปปรับใช้ และขณะนี้มี 28 ประเทศ ได้นำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปปฏิบัติ ซึ่งประเทศที่กำลังพัฒนา ได้นำไปคัดเลือกและ ไปประยุกต์ให้สอดคล้องแต่ละประเทศ

“ถือว่าโลกได้สูญเสียบุคคลสำคัญ ซึ่งประเทศไทยที่อยู่ในวาระความเศร้าโศก เสียใจและอาลัย รัฐบาลจึงต้องขับเคลื่อนนำแนวทางของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ไปสู่การทำงาน เป็นรูปธรรมโดยเร็ว ซึ่งได้สั่งการปรับแก้ไขเรื่องการเกษตร และน้ำ รวมทั้งอีกหลายเรื่องที่อยู่ในและนอกพื้นที่เขตชลประทาน ถือเป็นการทำงานระยะที่ 1 ของการปฏิรูปงบประมาณปี 2559 ถึงปี 2561 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่อง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว










กำลังโหลดความคิดเห็น