xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ เปิดประชุม G77 ลั่นชาติไม่สงบก็ไม่ไป ยันกำลังแก้โกง ใช้ ม.44 เพื่อเดินหน้าเลือกตั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรีเป็น ปธ.เปิดประชุมจี 77 รับเป็นเกียรติ แต่ถือว่าทุกคนเป็นเพื่อนกัน ต้องเจริญไปพร้อมกัน พร้อมเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือด้านความมั่นคง ชี้ประเทศทุกอย่างมีพร้อมแต่ขาดการจัดการที่ดี ชูรัฐแกนหลักพัฒนา 167 เป้าหมาย ในยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูป บอกสะดุ้งตื่นเพราะตื่นเต้นจะได้มาพูด รับสั่งไปแล้ว 8,500 เรื่องแต่ยังไม่เสร็จ เผยใช้อำนาจเพื่อพัฒนาโดยเร็วจะได้ไปๆ เสียที ยันกำลังแก้คอร์รัปชันไม่ใช่รังแกการเมือง ใช้ ม.44 เพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้ง พวกติดคุกเพราะมีคดีอาญา ถาม “พิชัย” เคยทำอะไรมาเก่ง ศก.เหลือเกิน ลั่นชาติไม่สงบก็ไม่ไป

วันนี้ (1 มิ.ย.) ที่โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ เมื่อเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมประเทศสมาชิกกลุ่ม 77 โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอต้อนรับผู้แทนสมาชิกกลุ่มประเทศจี 77 ซึ่งนับเป็นเกียรติที่ได้ทำหน้าที่ประธานในครั้งนี้ แต่ถือว่าทุกคนเป็นประธานร่วมกัน ถือว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันทั้งสิ้น เราจะต้องเจริญเติบโตและแข็งแรงไปพร้อมๆ กัน โดยทุกคนจะต้องร่วมกันพาทั้ง 134 ประเทศไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ประเทศไทยมีความพร้อมและมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกับทุกประเทศ ร่วมมือและเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือทางด้านความมั่นคงในทุกระดับ ซึ่งความจริงประเทศไทยน่าจะรวยมานานแล้วเศรษฐกิจน่าจะดีขึ้นตั้งแต่ 10 ปีที่ผ่านมา แต่วันนี้ก็ยังไปได้ช้า วันนี้ทุกอย่างมีพร้อมทั้งหมดแต่ขาดการบริหารจัดการที่ดี วันนี้ทุกฝ่ายต้องหาความร่วมมือกันให้ได้ทำให้ทุกอย่างเกิดขึ้นรูปธรรม เราต้องเร่งทำงานให้เกิดขึ้นโดยเร็วเพื่อประเทศประชาชนและประชาคมของเรา อย่าลืมว่าวันนี้ปัญหาของประเทศกำลังพัฒนามีทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำความไม่เป็นธรรมและการเข้าถึงทรัพยากรที่ไม่สมดุล

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลเป็นแกนหลักสำคัญในการพัฒนาทุกๆ ด้าน 167 เป้าหมาย รัฐบาลไทยจึงได้วางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และดำเนินการตามแผนปฏิรูป ถ้าประชาชนไม่รู้อนาคตก่อนก็จะเกิดความขัดแย้งเพราะโลกไร้พรมแดนมีระบบสื่อสารที่รวดเร็ว รัฐไม่ใช่ผู้ที่จะกำหนดทุกอย่าง เราต้องพัฒนาที่ตัวบุคคลก่อน ต้องปฏิรูปว่าเราจะทำงานเพื่อใคร ตนทราบดีว่าทุกคนมีความรู้และประสบการณ์มากกว่าตน แต่ตนเป็นทหารเก่าหลายคนคิดว่าตนไม่รู้เรื่อง แต่ก็ยอมรับว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ แต่ก็ใช้เวลา 2 ปีในการอ่านและเรียนรู้ก็พอจะรู้เรื่อง แต่ตนจะทำทุกอย่างในสิ่งที่ทุกคนเก่งอยู่แล้วเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ลดความขัดแย้งในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไปกีดกันใคร แต่เราต้องมองอนาคตโดยประชาชนจะต้องเป็นผู้กำหนดอนาคตตัวเองบ้าง แต่ต้องผ่านช่องทางที่ถูกต้อง แล้วแต่ว่าประเทศนั้นนั้นมีการปกครองแบบใด ถ้าเป็นประชาธิปไตยก็คือประชาธิปไตย

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม แต่ไม่ใช่รวมหัวกันเพื่อสร้างความขัดแย้ง ต้องรวมตัวกันเพื่อหาทางช่วยภาครัฐ การทำงานต้องมีการวางแผนและตั้งเป้าหมาย ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำจากนั้นก็จะติดไปหมด เพราะหนึ่งไม่เคยเรียนรู้และประชาชนเองก็ไม่รับรู้มีการต่อต้านตลอดเมื่อมีคนชักนำไปในทิศทางหนึ่งทางใด เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเสียประโยชน์หรือได้ประโยชน์จากอะไรบ้าง เพราะส่วนใหญ่จะมองกันไม่พ้นตัวเอง ดังนั้น เป็นหน้าที่ที่เราจะต้องทำให้เขามองทั้งตัวเองและส่วนรวมต้องช่วยกันสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้เกิดขึ้น ทั้งนี้ไม่มีทางทำอะไรได้สำเร็จแต่หาประชาชนไม่ให้ความร่วมมือเพราะเค้าจะเกิดความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจหวาดระแวงและกลัวว่าจะได้รับผลประโยชน์ที่ไม่เท่าเทียมปัญหาทั้งหมดอยู่ที่คนทั้งสิ้น แต่ถ้าเราสามารถสร้างคนที่มีธรรมาธิบาล มีคุณธรรม จริยธรรมได้ก็จะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้

“ประเทศไทยวันนี้จะต้องเดินหน้า โดยผมเป็นผู้ปฏิบัติมาตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ. ดูแลทหาร 2 แสนกว่านาย ดูแลประชาชน ถ้าไม่มีทหาร ประเทศไทยไปไม่ได้ ในทุกวันนี้เราใช้ทหารในการขับเคลื่อน และขอให้เข้าใจว่าผมไม่ได้มีทหารเพื่อไว้รบกับใคร หรือจับกุมดำเนินคดีนักการเมือง ความจริงการดำเนินคดีเรานั้นตำรวจก็สามารถดำเนินการได้ แต่ก็พยายามต่อต้านโดยใช้กลไกในด้านอื่นๆ ผมไม่อยากจะพูดตรงนี้ เพราะผมต้องรบทุกวันจนหน้ายับมาถึงทุกวันนี้ เมื่อคืนก็สะดุ้งตื่นตอนตี 1 ครึ่ง เพราะตื่นเต้นที่จะได้มางานนี้และเจอปัญหา และคิดว่าวันนี้จะต้องสั่งการอะไร วันนี้ก็จะต้องสั่งอีกประมาณ 50 เรื่อง ที่ผ่านมาเกือบ 3 ปีสั่งไปแล้ว 8,500 เรื่อง แต่ก็ยังไม่เสร็จ นี่คือตัวอย่างของประเทศไทย ถ้าเราปล่อยปละละเลยทั้งหมด ระบบบริหารราชการแผ่นดิน และการเลือกตั้งล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น วันนี้การแก้ปัญหาผมไม่ได้แก้เพื่อประเทศไทย หรือตัวผมเอง จะขึ้นจะลงผมไม่ได้ต้องการอำนาจอะไรทั้งสิ้น เพราะผมมีอำนาจมาพอเพียงแล้ว 30 กว่าปีเกือบ 40 ปีในกองทัพ แล้วผมจะต้องใช้อีกทำไม ทุกวันนี้ใช้อำนาจเพื่อการพัฒนาต่างๆ ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ผมจะได้ไปๆ เสียที ผมก็เบื่อหน้าตัวเองในจอโทรทัศน์ เบื่อจะตายอยู่แล้ว” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หลายอย่างอาจจะถูกบิดเบือนทำให้เกิดความไม่เข้าใจ เพราะกลไกทางการเมืองก็มีทั้งดีและไม่ดี ทำให้ความเข้าใจผิดเพี้ยนไปจนทำให้เกิดความขัดแย้งภายในประเทศและลามไปถึงต่างประเทศ ก็จะทำให้ยุ่งกันไปหมด ภาคประชาชนไม่ควรมุ่งแต่กำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียว รัฐเองก็ต้องอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ทั้งการเปิดตลาดการออกกฏหมายการสร้างความเป็นธรรมซึ่งประเทศไทยแก้ปัญหาเหล่านี้เยอะมาก ซึ่งวันนี้ทุกคนเริ่มพอใจ วันนี้เราถูกกำหนดหลักเกณฑ์ด้วยโลกและขั้วต่างๆ จึงต้องพยายามเอาสิ่งเหล่านี้มาทำให้เกิดประโยชน์โดยการรวมกลุ่มให้เกิดความแข็งแรงไม่ใช่รวม กันเพื่อสร้างความขัดแย้ง แต่ต้องรวมตัวเพื่อให้มีการรับฟัง ต้องพูดในภาษาเดียวกันเพื่อสร้างความเชื่อมั่น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บางครั้งมีคนต้องการตัดเสื้อตัวเดียวให้กับเรา ซึ่งในประเทศ G 77 จะต้องดูว่าควรเลือกเสื้อแบบใดจึงจะเหมาะกับประชาชนของตัวเอง ตนคิดแบบทหาร ซึ่งต้องมีเป้าหมายระหว่างทาง หาหนทางปฏิบัติในสิ่งที่ไปไม่ได้ ไม่ใช่ตีกันไปตีกันมาจนติดแบบนี้ ส่วนปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นเรื่องที่เสียหายอย่างร้ายแรง ประเทศไทยกำลังแก้ไขปัญหาดังกล่าวอยู่ ไม่ใช่เป็นการรังแกทางการเมือง เพราะกฎหมายคือกฎหมาย ทุกเรื่องคือกฎหมายทั้งหมด และต้องเข้าใจว่าการใช้กฎอัยการศึก และมาตรา 44 ประเทศไทยมีความจำเป็นเพื่อให้เกิดความสงบ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ดังนั้น วันนี้ที่มีการเรียกตัวบุคคลเข้ามาแล้วติดคุกนั่นเป็นเพราะมีคดีอาญาที่ทำผิดแต่เดิมอยู่แล้ว นอกจากนี้ สถานการณ์ในประเทศยังไม่ปกติ หากปกติต้องเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สื่อมวลชนเองก็ไม่ปกติ จึงต้องมีกฎหมายพิเศษออกมา เพื่อให้เขาหยุด แต่ก็ปล่อยให้มีการพูด หากเปิดดูหนังสือพิมพ์ของไทยวันนี้จะเห็นว่าหนักขึ้นเรื่อยๆ

“เช่น หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ไม่รู้ไปเอาความคิดมาจากไหน เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ พอเปลี่ยนบรรณาธิการจึงเป็นแบบนี้ นี่คือคนที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนหลักการของตัวเอง ผมรับไม่ค่อยได้ แต่ก็คุมไม่ค่อยได้ เขาเป็นพ่อผมมั้ง ขอโทษที่พูดแรง ฝรั่งอาจฟังไม่รู้เรื่อง เอาแค่คนไทยรู้ก็แล้วกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อยากให้ภาคธุรกิจศึกษาให้ดี อะไรที่เสียประโยชน์ต้องต่อรองให้มากที่สุด ส่วนปัญหาการท่องเที่ยว แม้ไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 30 ล้านคน แต่ก็ไม่ได้มีความสุข ตราบใดที่ยังดูแลนักท่องเที่ยวไม่ได้ ต่อให้มีกว่า 50 หรือ 60 ล้านคน ก็พร้อมจะรับ และต้องดูเรื่องมิติของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและไกด์ ซึ่งตนรื้อทุกระบบ และเชื่อว่าหลายประเทศก็มีปัญหานี้

“ส่วนการจัดอันดับของไอเอ็มดีที่เราถูกปรับให้ขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่ายใน 2 ปีที่ผ่านมา แต่บางคนบอกว่าไอเอ็มดีเชื่อมั่นได้แค่ไหน ผมก็ปวดหัวเหมือนกัน แล้วจะเชื่อใคร ไปเชื่อนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานหรือ นายพิชัยเคยทำอะไรมา เรียนจบอะไรมา วิจารณ์เศรษฐกิจไทยเยอะแยะไปหมด เก่งเศรษฐกิจเหลือเกิน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อยากให้ประเทศสมาชิก G 77 อยู่กับเราด้วย ให้เป็นยุทธศาสตร์ของกลุ่ม G 77 และแต่ละประเทศก็ไปทำกันเอง ต่อไปตนก็ไม่ได้อยู่แล้ว และไม่ได้เป็นประธานกลุ่มแล้ว จะอยู่ถึงหรือไม่ยังไม่รู้เลย แต่ถึงแน่นอน ไม่ต้องกลัว ตนไม่ไปไหนอยู่แล้ว ตราบใดยังไม่สงบก็จะอยู่

“พูดไปตรงนี้เดี๋ยวจะขวัญเสีย รัฐบาลไปแน่ เลิกดีกว่า แบบนี้ไม่ได้ บอกตรงนี้ ไม่สงบไม่เรียบร้อยก็ไม่ไป ไปว่ากันมา นักข่าวก็รอแค่นี้แหละ จะได้กลับบ้าน ส่วนที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ลงหรอกเชื่อผมสิ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า วันนี้ต้องเข้าใจว่าเป็นการต่อสู้ของสื่อสิ่งพิมพ์กับสื่อออนไลน์ หนังสือพิมพ์คนไม่ค่อยซื้อแล้วเพราะอ่านโซเซียลฯ มากขึ้น ฉะนั้นตนก็จะไปช่วยเรตให้หนังสือพิมพ์ ภาพนายกฯ ขึ้นปกทุกวัน ชี้โน่นชี้นี่ ไม่ใช่ชี้เพราะใช้อำนาจ แต่เพราะติดนิสัยเป็นทหาร ชี้ถามว่าเสร็จหรือยัง มาบอกว่าตนบ้าอำนาจ ไม่เป็นไร ถ้าไม่บ้าคงไม่มายืนตรงนี้ ฝรั่งอาจไม่เข้าใจ แต่ที่พูดเพราะไม่ให้เครียด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ขันเมื่อเห็นสคริปต์เขียนคำว่า ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ในหัวข้อการสร้างมูลค่าร่วมกัน โดยบอกว่าบอกแล้วอย่าใช้คำดังกล่าว แต่ควรใช้คำว่าต้นทาง กลางทาง และปลายทางแทน เพราะคำดังกล่าวเป็นของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา น้ำถึงได้ขาด และท่วมอยู่อย่างนี้ไง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประเทศไทย 4.0 ต้องเตรียมการรับปัญหาสังคมผู้สูงอายุในอนาคตต ทุกประเทศที่มีรายได้น้อยก็อยากให้รัฐบาลสนับสนุน ทั้งคนชราที่มีการขอเงินรายเดือน หากการเมืองเข้ามาก็จะไม่ได้สร้างความเข้มแข็งในส่วนนี้ แต่จะไปช่วยตรงโน้น และก็จะเกิดเป็นคะแนนนิยม ตนไม่มีคะแนนนิยมอยู่แล้ว เกลียดตนเท่าไหร่ ตนก็อยู่แก้สิ่งเหล่านี้ให้ทุกคนตามโรดแมป อย่าถามอีกว่าเมื่อไหร่






กำลังโหลดความคิดเห็น