เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (1 มิ.ย.) ที่ โรงแรมสยาม เคมปินสกี้ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดการประชุมประเทศสมาชิกกลุ่ม 77 โดย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวต้อนรับผู้แทนสมาชิกกลุ่มประเทศ จี 77 ที่จะต้องพัฒนา เจริญเติบโต และแข็งแรงไปพร้อมพร้อมกัน เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์โลกในปัจจุบัน
" ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม แต่ไม่ใช่รวมหัวกันเพื่อสร้างความขัดแย้ง ต้องรวมตัวกันเพื่อหาทางช่วยภาครัฐ การทำงานต้องมีการวางแผน และตั้งเป้าหมาย ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำ จากนั้นก็จะติดไปหมด เพราะหนึ่งไม่เคยเรียนรู้ และประชาชนเองก็ไม่รับรู้ มีการต่อต้านตลอด เมื่อมีคนชักนำไปในทิศทางหนึ่งทางใด เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเสียประโยชน์ หรือได้ประโยชน์จากอะไรบ้าง เพราะส่วนใหญ่จะมองกันไม่พ้นตัวเอง ดังนั้นเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องทำให้เขามองทั้งตัวเอง และส่วนรวม ต้องช่วยกันสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้เกิดขึ้น ประเทศไทยวันนี้จะต้องเดินหน้า โดยผมเป็นผู้ปฏิบัติมาตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ. ดูแลทหารสองแสนกว่าคน ดูแลประชาชน ถ้าไม่มีทหารประเทศไทยไปไม่ได้ ในทุกวันนี้เราใช้ทหารในการขับเคลื่อน และขอให้เข้าใจว่า ผมไม่ได้มีทหารเพื่อไว้รบกับใคร หรือจับกุมดำเนินคดีนักการเมือง ซึ่งความจริงการดำเนินคดีของเรานั้น ตำรวจก็สามารถดำเนินการได้ แต่ก็พยายามต่อต้านโดยใช้กลไกในด้านอื่นๆ ซึ่งผมไม่อยากจะพูดตรงนี้ เพราะผมต้องรบทุกวัน จนหน้ายับมาถึงทุกวันนี้ เมื่อคืนก็สะดุ้งตื่นตอนตีหนึ่งครึ่งเพราะตื่นเต้นที่จะได้มางานนี้และเจอปัญหาและคิดว่าวันนี้จะต้องสั่งการอะไรวันนี้ ก็จะต้องสั่งอีกประมาณ 50 เรื่อง ที่ผ่านมาเกือบสามปี สั่งไปแล้ว 8,500 เรื่อง แต่ก็ยังไม่เสร็จ นี่คือตัวอย่างของประเทศไทย ถ้าเราปล่อยปละละเลยทั้งหมด ระบบบริหารราชการแผ่นดิน และการเลือกตั้งล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่น ว่า เป็นเรื่องที่เสียหายอย่างร้ายแรง ประเทศไทยกำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่ ไม่ใช่การรังแกทางการเมือง และต้องเข้าใจว่า การใช้กฎอัยการศึก และมาตรา 44 ประเทศไทยมีความจำเป็น เพื่อให้เกิดความสงบ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ดังนั้น วันนี้ที่มีการเรียกตัวบุคคลเข้ามา แล้วติดคุก นั่นเป็นเพราะมีคดีอาญาที่ทำผิดแต่เดิมอยู่แล้ว นอกจากนี้สถานการณ์ในประเทศยังไม่ปกติ หากปกติ ต้องเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สื่อมวลชนเองก็ไม่ปกติ จึงต้องมีกฎหมายพิเศษออกมา เพื่อให้เขาหยุด แต่ก็ปล่อยให้มีการพูด หากเปิดดูหนังสือพิมพ์ของไทยวันนี้ จะเห็นว่าหนักขึ้นเรื่อยๆ
"เช่น หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ไม่รู้ไปเอาความคิดมาจากไหน เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ พอเปลี่ยนบรรณาธิการ จึงเป็นแบบนี้ นี่คือคนที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนหลักการของตัวเอง ผมรับไม่ค่อยได้ แต่ก็คุมไม่ค่อยได้ เขาเป็นพ่อผมมั๊ง ขอโทษที่พูดแรง ฝรั่งอาจฟังไม่รู้เรื่อง เอาแค่คนไทยรู้ก็แล้วกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ภาคธุรกิจศึกษาให้ดี อะไรที่เสียประโยชน์ ต้องต่อรองให้มากที่สุด ส่วนปัญหาการท่องเที่ยว แม้ไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 30 ล้านคน แต่ก็ไม่ได้มีความสุข ตราบใดที่ยังดูแลนักท่องเที่ยวไม่ได้ ต่อให้มีกว่า 50 หรือ 60 ล้านคน ก็พร้อมจะรับ และต้องดูเรื่องมิติของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และไกด์ ซึ่งตนรื้อทุกระบบ และเชื่อว่าหลายประเทศ ก็มีปัญหานี้
" ส่วนการจัดอันดับของไอเอ็มดี ที่เราถูกปรับให้ขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่ายใน 2 ปีที่ผ่านมา แต่บางคนบอกว่า ไอเอ็มดี เชื่อมั่นได้แค่ไหน ผมก็ปวดหัวเหมือนกัน แล้วจะเชื่อใคร ไปเชื่อ นายพิชัย (นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน) เหรอ นายพิชัย เคยทำอะไรมา เรียนจบอะไรมา วิจารณ์เศรษฐกิจไทยเยอะแยะไปหมด เก่งเศรษฐกิจเหลือเกิน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อยากให้ประเทศสมาชิก G 77 อยู่กับเราด้วย ให้เป็นยุทธศาสตร์ของกลุ่ม G77 และแต่ละประเทศ ก็ไปทำกันเอง ต่อไปตนก็ไม่ได้อยู่แล้ว และไม่ได้เป็นประธานกลุ่มแล้ว จะอยู่ถึงหรือไม่ ยังไม่รู้เลย แต่ถึงแน่นอน ไม่ต้องกลัว ตนไม่ไปไหนอยู่แล้ว ตราบใดที่ยังไม่สงบ ก็จะอยู่
"พูดไปตรงนี้เดี๋ยวจะขวัญเสีย รัฐบาลไปแน่ เลิกดีกว่า แบบนี้ไม่ได้ บอกตรงนี้ ไม่สงบไม่เรียบร้อย ก็ไม่ไป ไปว่ากันมา นักข่าวก็รอแค่นี้แหละ จะได้กลับบ้าน ส่วนที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ลงหรอก เชื่อผมสิ " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
" ทุกคนจะต้องมีส่วนร่วม แต่ไม่ใช่รวมหัวกันเพื่อสร้างความขัดแย้ง ต้องรวมตัวกันเพื่อหาทางช่วยภาครัฐ การทำงานต้องมีการวางแผน และตั้งเป้าหมาย ไม่ใช่คิดจะทำอะไรก็ทำ จากนั้นก็จะติดไปหมด เพราะหนึ่งไม่เคยเรียนรู้ และประชาชนเองก็ไม่รับรู้ มีการต่อต้านตลอด เมื่อมีคนชักนำไปในทิศทางหนึ่งทางใด เพราะเขาไม่รู้ว่าจะเสียประโยชน์ หรือได้ประโยชน์จากอะไรบ้าง เพราะส่วนใหญ่จะมองกันไม่พ้นตัวเอง ดังนั้นเป็นหน้าที่ที่เราจะต้องทำให้เขามองทั้งตัวเอง และส่วนรวม ต้องช่วยกันสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้เกิดขึ้น ประเทศไทยวันนี้จะต้องเดินหน้า โดยผมเป็นผู้ปฏิบัติมาตั้งแต่เป็น ผบ.ทบ. ดูแลทหารสองแสนกว่าคน ดูแลประชาชน ถ้าไม่มีทหารประเทศไทยไปไม่ได้ ในทุกวันนี้เราใช้ทหารในการขับเคลื่อน และขอให้เข้าใจว่า ผมไม่ได้มีทหารเพื่อไว้รบกับใคร หรือจับกุมดำเนินคดีนักการเมือง ซึ่งความจริงการดำเนินคดีของเรานั้น ตำรวจก็สามารถดำเนินการได้ แต่ก็พยายามต่อต้านโดยใช้กลไกในด้านอื่นๆ ซึ่งผมไม่อยากจะพูดตรงนี้ เพราะผมต้องรบทุกวัน จนหน้ายับมาถึงทุกวันนี้ เมื่อคืนก็สะดุ้งตื่นตอนตีหนึ่งครึ่งเพราะตื่นเต้นที่จะได้มางานนี้และเจอปัญหาและคิดว่าวันนี้จะต้องสั่งการอะไรวันนี้ ก็จะต้องสั่งอีกประมาณ 50 เรื่อง ที่ผ่านมาเกือบสามปี สั่งไปแล้ว 8,500 เรื่อง แต่ก็ยังไม่เสร็จ นี่คือตัวอย่างของประเทศไทย ถ้าเราปล่อยปละละเลยทั้งหมด ระบบบริหารราชการแผ่นดิน และการเลือกตั้งล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ขึ้น " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึง ปัญหาการทุจริต คอร์รัปชั่น ว่า เป็นเรื่องที่เสียหายอย่างร้ายแรง ประเทศไทยกำลังแก้ไขปัญหานี้อยู่ ไม่ใช่การรังแกทางการเมือง และต้องเข้าใจว่า การใช้กฎอัยการศึก และมาตรา 44 ประเทศไทยมีความจำเป็น เพื่อให้เกิดความสงบ เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง ดังนั้น วันนี้ที่มีการเรียกตัวบุคคลเข้ามา แล้วติดคุก นั่นเป็นเพราะมีคดีอาญาที่ทำผิดแต่เดิมอยู่แล้ว นอกจากนี้สถานการณ์ในประเทศยังไม่ปกติ หากปกติ ต้องเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง สื่อมวลชนเองก็ไม่ปกติ จึงต้องมีกฎหมายพิเศษออกมา เพื่อให้เขาหยุด แต่ก็ปล่อยให้มีการพูด หากเปิดดูหนังสือพิมพ์ของไทยวันนี้ จะเห็นว่าหนักขึ้นเรื่อยๆ
"เช่น หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ ไม่รู้ไปเอาความคิดมาจากไหน เมื่อก่อนไม่เห็นเป็นแบบนี้ พอเปลี่ยนบรรณาธิการ จึงเป็นแบบนี้ นี่คือคนที่เปลี่ยนความคิด เปลี่ยนหลักการของตัวเอง ผมรับไม่ค่อยได้ แต่ก็คุมไม่ค่อยได้ เขาเป็นพ่อผมมั๊ง ขอโทษที่พูดแรง ฝรั่งอาจฟังไม่รู้เรื่อง เอาแค่คนไทยรู้ก็แล้วกัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อยากให้ภาคธุรกิจศึกษาให้ดี อะไรที่เสียประโยชน์ ต้องต่อรองให้มากที่สุด ส่วนปัญหาการท่องเที่ยว แม้ไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 30 ล้านคน แต่ก็ไม่ได้มีความสุข ตราบใดที่ยังดูแลนักท่องเที่ยวไม่ได้ ต่อให้มีกว่า 50 หรือ 60 ล้านคน ก็พร้อมจะรับ และต้องดูเรื่องมิติของสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และไกด์ ซึ่งตนรื้อทุกระบบ และเชื่อว่าหลายประเทศ ก็มีปัญหานี้
" ส่วนการจัดอันดับของไอเอ็มดี ที่เราถูกปรับให้ขึ้นมา ไม่ใช่เรื่องง่ายใน 2 ปีที่ผ่านมา แต่บางคนบอกว่า ไอเอ็มดี เชื่อมั่นได้แค่ไหน ผมก็ปวดหัวเหมือนกัน แล้วจะเชื่อใคร ไปเชื่อ นายพิชัย (นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน) เหรอ นายพิชัย เคยทำอะไรมา เรียนจบอะไรมา วิจารณ์เศรษฐกิจไทยเยอะแยะไปหมด เก่งเศรษฐกิจเหลือเกิน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำหรับแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี อยากให้ประเทศสมาชิก G 77 อยู่กับเราด้วย ให้เป็นยุทธศาสตร์ของกลุ่ม G77 และแต่ละประเทศ ก็ไปทำกันเอง ต่อไปตนก็ไม่ได้อยู่แล้ว และไม่ได้เป็นประธานกลุ่มแล้ว จะอยู่ถึงหรือไม่ ยังไม่รู้เลย แต่ถึงแน่นอน ไม่ต้องกลัว ตนไม่ไปไหนอยู่แล้ว ตราบใดที่ยังไม่สงบ ก็จะอยู่
"พูดไปตรงนี้เดี๋ยวจะขวัญเสีย รัฐบาลไปแน่ เลิกดีกว่า แบบนี้ไม่ได้ บอกตรงนี้ ไม่สงบไม่เรียบร้อย ก็ไม่ไป ไปว่ากันมา นักข่าวก็รอแค่นี้แหละ จะได้กลับบ้าน ส่วนที่พูดมาทั้งหมดไม่ได้ลงหรอก เชื่อผมสิ " พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว