สถานทูตไทยในญี่ปุ่น เตือนระวัง “แก๊งนายหน้าคนไทย” ระบาดใหม่! หลอกซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูก “ไปได้ กลับเอง” หลอกบินทั้งในญี่ปุ่นและในไทย เผยเคสหลอกลูกค้าซื้อตั๋วเที่ยวไปเองก่อน ส่วนขากลับขอเลข-รหัสบัตรเครดิต อ้างจะโอนให้ สุดท้ายโดนหลอกสูญกว่า 2 ล้านเยน อีกเคสส่งเอกสารทัวร์กับบริษัทใหญ่ในญี่ปุ่นให้ แต่สุดท้ายถึงญี่ปุ่นไม่มีชื่อเที่ยว สูญกว่าล้านเยน ย้ำควรซื้อตั๋วกับสายการบินหรือบริษัทนำเที่ยวที่เชื่อถือได้เท่านั้น “ไม่ควรซื้อแบบปากต่อปาก”
วันนี้ (18 พ.ย.) มีรายงานว่า เพจเฟซบุ๊กสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้เผยแพร่กรณีมีผู้เสียหายหลายรายเข้าสอบถามข้อมูลถูกนายหน้าคนไทยหลอกลวงค่าตั๋วเครื่องบิน โดยมีใจความว่า เมื่อไม่นานมานี้มีผู้เสียหายจำนวนกว่าสิบรายเดินทางมาที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียวเพื่อขอรับคำปรึกษาเรื่องถูกหลอกลวงค่าตั๋วเครื่องบินจากนายหน้าคนไทย
ผู้เสียหายกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ถูกนายหน้าคนไทยคนหนึ่งเสนอว่ามีตั๋วเครื่องบินไปกลับญี่ปุ่น-ไทยและสายอื่นๆ ราคาถูกจำหน่ายจึงได้ตกลงซื้อขายกัน ตอนแรกก็เป็นไปอย่างราบรื่นดี ตั๋วที่ซื้อก็สามารถเดินทางได้ปกติไม่มีปัญหาใด จึงได้แนะนำต่อๆ กันไปให้เพื่อนคนไทยที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น
ต่อมาสักระยะก็เริ่มมีปัญหาตามมา เช่น ซื้อตั๋วเครื่องบินไปกลับญี่ปุ่น-ไทย แต่ขากลับไม่สามารถโดยสารได้ เมื่อติดต่อไปที่นายหน้าก็ได้รับคำตอบว่า “ให้ซื้อตั๋วเที่ยวเดียวโดยออกเงินไปก่อน หลังกลับมาที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วจะคืนเงินค่าตั๋วเครื่องบินส่วนที่เดินทางไม่ได้และตั๋วที่ซื้อใหม่ให้” ซึ่งเมื่อเดินทางกลับมาที่ญี่ปุ่นแล้ว นายหน้าคนดังกล่าวได้ขอหมายเลขบัตรเครดิต รวมถึงรหัสด้านหลังบัตร โดยอ้างว่าจะโอนเงินคืนให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงบอกเลขบัตรเครดิตและรหัสหลังบัตรไป รู้ตัวอีกทีบัตรเครดิตของตนก็ถูกรูดไปเต็มจำนวน สูญเงินกว่า 2 ล้านเยน หรือ 643,561.42 บาท (อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบัน)
นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายที่แจ้งว่าซื้อทัวร์ไปต่างประเทศกับนายหน้าคนเดียวกัน เมื่อชำระเงินแล้วก็ได้รับใบจองที่มีรหัสการจองกับบริษัททัวร์รายใหญ่ในญี่ปุ่น พร้อมระบุชื่อของตน แต่เมื่อนำไปตรวจสอบกับบริษัททัวร์ตามที่ระบุในเอกสารแล้ว กลับไม่พบรายการจอง และได้รู้ข่าวว่ามีผู้ถูกหลอกลวงอีกหลายราย รวมแล้วเป็นเงินหลายล้านเยน
ผู้เสียหายจึงรวมตัวกันเพื่อแจ้งความเอาผิดและเดินทางมาขอคำปรึกษาจากสถานเอกอัครราชทูตฯ ซึ่งสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้แนะนำสำนักงานทนายความเพื่อผู้เสียหายจะได้ปรึกษาแนวทางในการดำเนินคดีในญี่ปุ่น พร้อมทั้งแจ้งเรื่องดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศไทยทราบด้วยแล้ว
สถานเอกอัครราชทูตฯ จึงขอเตือนคนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศญี่ปุ่นและในประเทศไทยว่า ข่าวตั๋วผีมีให้เห็นบ่อยครั้ง เพราะฉะนั้นควรซื้อตั๋วเครื่องบินกับสายการบินหรือบริษัทนำเที่ยวที่เชื่อถือได้ ไม่ควรซื้อแบบปากต่อปาก
*ข้อมูลข้างต้นเป็นข้อมูลจากฝ่ายผู้เสียหาย
*โปรดงดเว้นการแสดงความคิดเห็นที่ไม่เกี่ยวข้อง พาดพิงถึงบุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือมีเนื้อความที่ส่อเสียดต่อบทความนี้
*สถานทูตฯ สงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดข้างต้น
มีรายงานว่า ก่อนหน้านั้น มีหลายเคสที่ผู้ถูกหลอกระบุว่าจะได้รับการชักชวนให้ซื้อทัวร์ไปญี่ปุ่นจากคนสนิท หรือจากการแนะนำมาต่อหนึ่ง อ้างสรรพคุณการดูแลลูกทัวร์และความสปอร์ตของคนจัดที่ได้ใจในการบริการยิ่งนัก ทำให้นักท่องเที่ยวไม่ได้เอ่ะใจที่จะตรวจสอบ เช่น บางทัวร์เก็บค่ามัดจำ และลูกค้าก็ต้องโอนทั้งหมดที่เหลือ เป็นในลักษณะบุคคลธรรมดา มิใช่บริษัท หรือนิติบุคคลใดๆ
หลายเคสมีลักษณะมีตั๋วไปมีการจองไว้แล้วจริง แต่ไม่มีตั๋วกลับ โรงแรม และอื่นๆ มีการจองและจ่ายแค่เงินมัดจำไว้เท่านั้น แต่นายหน้าที่เอาเงินไปยังไม่โอนให้บริษัททัวร์ ทำให้อาจจะไม่ได้ไปต่อ โดยมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ในคดีการฉ้อโกงจำนวนมาก
ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก “BLACKLIST TOURTHAIW ได้เผยแพร่แนะนำวิธีถูกบริษัททัวร์โกง แล้วเราต้องทำอย่างไรต่อไป โดยมีใจความว่า
1. ให้ท่านรีบไปแจ้งความที่ สน.ของพื้นที่เขต ที่บริษัทโกงเราครับ อันนี้สำคัญ โดนให้บอกกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า จะมาแจ้งความ “#เพื่อดำเนินคดีความ” ย้ำเลยนะครับ ไม่ใช่ไปลงบันทึกประจำวันเฉยๆ หากทางเจ้าหน้าที่ทำไม่รู้เห็น ต้องย้ำและยืนยัน นอนยัน แจ้งความ “เพื่อดำเนินคดีความ” เพราะการแจ้งความแบบนี้ ทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินคดี และติดตามเรื่องให้เรามากกว่าครับ แล้วทางเราจะได้เปรียบทางด้านกฎหมายดีกว่าด้วยครับ
- ในการแจ้งความ เตรียมเอกสารการโอนเงินให้พร้อม โอนให้ใคร บัญชีไหน โอนไปเท่าไหร่ เก็บข้อความ หน้าโฆษณา โปรแกรมทัวร์ โบรชัวร์ ที่เราเคยเห็นจากทุกช่องทาง อันนี้ก็สำคัญทำให้เราลากเข้าคดีฉ้อโกง ได้ครับ
- หากมีข้อมูล การพูดคุย ก็เก็บเอาไว้ด้วยนะครับ อัดเสียงคุยอะไรไว้ก็เก็บๆ ให้หมดครับ
2. หลังแจ้งความแล้ว ให้นำเอกสารไปร้องเรียนต่อที่ทาง ททท. ที่สนามศุภฯ นะครับ ตามที่อยู่นี้ครับ http://www.tourism.go.th/home/contact เพราะกรมการท่องเที่ยวที่นี่จะมีเก็บเงินมัดจำจากบริษัททัวร์ (outbound) ไว้ 200,000 บาท เอาไว้สำหรับมีการร้องเรียนก็จะมีการชดเชยให้ผู้บริโภคอย่างเรา
@@@ สิ่งสำคัญ เนื่องจากมีเงินมัดจำมีเพียงเท่านี้ หากเราไปก่อนแล้วทางกรมการท่องเที่ยวตรวจสอบเรียบร้อย เราก็จะได้ก่อน แล้วทางกรมฯ ก็จะโทร.ไปเรียกบริษัททัวร์เอาเงินมาเติมให้ครบ หากไม่ครบก็จะทำการปิดและติด Blacklist บริษัททัวร์นั้นๆ ปัญหาเลยอยู่ที่ว่า หากบริษัททัวร์โกงเราไปเยอะๆ จะทำอย่างไร ทางกรมก็จะแบ่งเฉลี่ยหารกันจากเงินแค่ 200,000 บาท แบ่งให้เราครับ ซึ่งเขาก็ทำได้เพียงแค่นี้ ดังนั้น เราก็ต้องต่อสู่ ฟ้องร้องเพิ่มเติมกันเอง
3. กรณีบริษัททัวร์ที่โกง บอกจะคืนเงินให้เรา จะผ่อนให้เรา ขอย้ำว่า ให้เราอย่าไปรับปาก ต้องให้คืนเต็มจำนวนเท่านั้น หรือ ให้ตีเช็คลงวันที่เลยครับ ถึงแม้เราจะรู้ว่า เช็คเด้ง ก็ตาม ก็ให้มันเด้งไปเลยครับ จะได้เล่นงานทางบริษัททัวร์ที่โกงเรา ดึงขึ้นมาเป็น #คดีอาญา อีกด้วย (แนะนำไว้ว่า หากเขากำหนดว่าจะชำระเงินให้เรา ในวันไหน ให้เราทำเอกสารเซ้นเป็ฯลายลักษณ์อักษรไว้ด้วยนะครับ หรือให้ดีสุดๆ ทำเอกสาร หรือเขียนลงในใบบันทึกประจำวันไว้ครับ แล้วให้ เจ้าหน้าที่ เซ็นเป็นพยานให้ครับ โกหกต่อหน้าเจ้าพนักงาน ผู้โกงก็งานเข้าเพิ่มขึ้นอีกครับ)
หากท่านไปรับ เงินแบบผ่อน เรียกว่า งานเข้า ซวยซ้ำซ้อนกันเลยครับ เพราะพวกนี้ จะได้เปรียบ และสามารถใช้เป็ฯแง่ทางกฏหมายได้ว่า เราไม่หนีนะ เรายังมีทยอยจ่าย แต่ด้วย เหตุผลหาเงินไม่ทัน บลาๆๆๆๆ ที่จะเอามาอ้าง ทำให้มุมกฎหมาย กลายเป็นแค่คดีแพ่ง (ผู้บริโภคตายกันเลยครับ ผ่อนทั้งชาติก็ได้ไม่ครบ)
ต้องเน้นทำใจแข็ง ไม่รับผ่อน อย่าเห็นแก่เงินว่าเงินฉันเก็บมาตลอดชีวิต ถูกโกง ให้คิดแบบนี้เลยครับ ว่าเขาโกงเราไปแล้ว เงินเราเป็น 0 แล้ว เราต้องเอาคืนแบบให้เจ็บแสบสาสม เงินไม่ได้ แต่ต้องให้คนโกง รับผิดชอบ ติดคุก ติดตารางกันไป ต้องทนนะครับ
@@@ หลายท่านบอก กลัวการแจ้งความ ขึ้นโรงขึ้นศาล @@@ ใช่ครับ คนปกติดีๆ เขาไม่ขึ้น ไม่ไปกันหรอกครับ แต่อย่าลืม ว่าเราถูกเอาเปรียบนะครับ เราไปในมุมคนดีครับ ไม่ได้ไปแบบโจร ไม่ต้องกลัวครับ ผมจะบอกให้ เดี๋ยวนี้เรื่องพวกนี้ไม่ยุ่งยากเลย อาจเสียเวลาลางาน บางครั้ง แต่เพื่อผลประโยชน์เรานะครับ แถมทุกอย่าง เราฟรีหมดนะครับ เพราะเราเป็นผู้ฟ้องร้อง อย่าไปเชื่อใครว่าเราต้องเสียเงินค่าทนาย ส่วนมาก บริษัททัวร์ชอบเอามาอ้าง ค่าทนายคือพวกที่ถูกฟ้องอะครับ ต้องมีทนายมา เราฟ้องเขา อัยการ( ขอรัฐ อยู่ผ่ายเราครับ ) ฟรี ฟรี ฟรี ทุกอย่าง