xs
xsm
sm
md
lg

“วิทวัส” นั่งเหรัญญิก IOI เล็งเชื่อมต่อองค์กรตรวจสอบภาครัฐ ยกระดับผู้ตรวจการฯ ไทยเท่าสากล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์
“วิทวัส” ได้รับเลือกจาก IOI นั่งเหรัญญิกสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ ควบบอร์ดบริหารระดับภูมิภาคเอเชีย เจ้าตัวเล็งหนุนความร่วมมือขยายเครือข่ายเชื่อมต่อองค์กรตรวจสอบภาครัฐชูจุดแข็งด้านความเป็นธรรมหนึ่งในมาตรฐานผู้ตรวจการแผ่นดินทั่วโลก เล็งยกระดับองค์กรผู้ตรวจการแผ่นดินไทยเทียบเท่าสากล

พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดประชุมระดับโลกของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ (International Ombudsman Institute หรือ IOI) ครั้งที่ 11 ระหว่างวันที่ 13-18 พฤศจิกายน 2559 ที่เป็นเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นของประเทศสมาชิกทั่วโลกที่ได้มีการหยิบยกประเด็นที่หลากหลายมาให้ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่สามารถประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบทของแต่ละประเทศเพื่อยกระดับมาตรฐานของผู้ตรวจการแผ่นดินแต่ละประเทศให้ทัดเทียมกัน

สำหรับเวทีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ ได้รับทราบถึงปัญหาอุปสรรคและแนวทางการแก้ไขในการดำเนินงานของประเทศสมาชิกต่างๆ ที่สามารถนำมาเป็นแนวทางขยายโอกาสในการเข้าถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน เช่น ประเทศเซอร์เบียที่ได้ประสานความร่วมมือกับเครือข่ายเทศบาลต่างๆ ทั่วประเทศ ในการใช้ห้องสมุดท้องถิ่นเป็นจุดรับเรื่องร้องเรียน ทำให้ชาวเซอร์เบียเข้าถึงผู้ตรวจการแผ่นดินได้มากยิ่งขึ้น หรือประเทศเกาหลีใต้ที่พัฒนาระบบการรับเรื่องร้องเรียนขององค์กรตรวจสอบทั้งหมดไว้ในระบบเดียวที่เรียกว่า E-People ซึ่งเป็นระบบรับเรื่องร้องเรียนออนไลน์แบบครบวงจรที่ประชาชนสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนได้ถึง 14 ภาษา เนื่องจากต้องการลดความสับสนในการยื่นเรื่องของประชาชนไปยังหลายๆ หน่วยงานที่มีบทบาท อำนาจหน้าที่ใกล้เคียงกัน อีกทั้งลดความซ้ำซ้อนในการพิจารณาเรื่องร้องเรียนของหน่วยงานด้วย ซึ่งคล้ายคลึงกับประเทศไอร์แลนด์ที่พัฒนาระบบการรับเรื่องเรียนแบบ “One Single Door For Complaints” การรับเรื่องร้องเรียนผ่านระบบเดียวจะลดความสับสน ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย สะดวกต่อประชาชนที่จะเข้าถึงบริการมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังกล่าวถึงนโยบายของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ ที่ต้องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทำงานอย่างอิสระไม่ถูกคุกคามจากหน่วยงานใดๆ ปราศจากการแทรกแซงจากรัฐบาล และการเมือง แต่ทั้งนี้ต้องให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานของผู้ตรวจการแผ่นดินเพื่อเป็นหลักประกันในการทำงานด้านการตรวจสอบเรื่องร้องเรียนส่งผลให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่นในองค์กรผู้ตรวจการแผ่นดิน รวมทั้งเน้นย้ำประเทศสมาชิกให้ดำรงไว้ซึ่งหลักความยุติธรรม โดยไม่พิจารณาเฉพาะเรื่องกฎหมายเพียงอย่างเดียวซึ่งนับเป็นหลักการสำคัญที่ผู้ตรวจการแผ่นดินทั่วโลกต้องยึดมั่น

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย เลขาธิการและโฆษกสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวว่า จากการประชุมครั้งนี้ได้มีการเลือกตั้งกรรมการฝ่ายบริหารของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ ชุดใหม่ จำนวน 5 คน ซึ่งประกอบด้วย นายปีเตอร์ ทินดัลล์ (Peter Tyndall) ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งไอร์แลนด์ ดำรงตำแหน่งประธาน นางไดแอน เวลบอร์น (Diane Welborn) ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งเมืองเดย์ตัน และมอนต์โกเมอรี มลรัฐโอไฮโอ สหรัฐอเมริกา ดำรงตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 นายคริส ฟิลด์ (Chris Field) ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย เครือรัฐออสเตรเลีย ดำรงตำแหน่งรองประธานคนที่ 2 นายกึนเธอร์ ครอยเตอร์ (Günther Kräuter) ผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งสาธารณรัฐออสเตรีย ดำรงตำแหน่งเลขาธิการ และ พล.อ.วิทวัส รชตะนันทน์ ผู้ตรวจการแผ่นดิน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งเหรัญญิก โดยรับผิดชอบการบริหารจัดการด้านงบประมาณและการเงินของสถาบันให้เกิดความโปร่งใสและให้เกิดประสิทธิผลสูงสุด รวมทั้งจะต้องมีส่วนร่วมในการวางแผนยุทธศาสตร์และการปฏิรูป IOI ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ถือเป็นผู้ตรวจการแผ่นดินคนแรกของภูมิภาคเอเชียที่ได้รับเลือกให้เป็นคณะกรรมการฝ่ายบริหารของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ นับว่าสร้างเกียรติภูมิให้กับประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียที่จะได้เข้าไปมีส่วนร่วมนำเสนอข้อคิดเห็น นโยบายที่เป็นประโยชน์ รวมทั้งนำผลจากการประชุมของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศมาพัฒนาองค์กรผู้ตรวจการแผ่นดินแห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งภูมิภาคเอเชียต่อไป

นอกจากองค์ความรู้และนวัตกรรมทางความคิดใหม่ๆ ที่ได้จากการประชุมในครั้งนี้ ยังได้มีโอกาสหารือเพื่อขยายเครือข่ายความร่วมมือในระดับทวิภาคีกับผู้ตรวจการแผ่นดิน จากสาธารณรัฐอุซเบกิสถานเพื่อนำไปสู่กรอบแนวทางการลงนามในบันทึกข้อตกลงในอนาคต ที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างกัน รวมทั้งพัฒนาระบบการแก้ไขปัญหาเรื่องร้องเรียน แลกเปลี่ยนประสบการณ์ อีกทั้งแสวงหาจุดที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกัน และแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชนของทั้งสองประเทศต่อไป เนื่องจากเมื่อเร็วๆ นี้ รัฐบาลไทยได้มีการลงนามความร่วมมือทางด้านการท่องเที่ยวกับรัฐบาลอุซเบกิสถาน ซึ่งผลจากการดำเนินการดังกล่าวคาดว่าจะมีประชาชนของแต่ละประเทศไปมาหาสู่กันมากขึ้นและอาจจะต้องมีการขอรับบริการจากหน่วยงานของรัฐของแต่ละประเทศและอาจจะมีปัญหาขลุกขลักอันนำไปสู่การร้องเรียนในด้านความไม่เป็นธรรม ทำให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของแต่ละประเทศอาจต้องเข้าไปมีบทบาทในเรื่องนี้ ดังนั้นแนวคิดในเรื่องการลงนามในข้อตกลงดังกล่าวจึงเป็นประโยชน์ในเรื่องของการคุ้มครองประชาชนในแต่ละฝ่ายในต่างแดน

“สำหรับการประชุมระดับโลกของสถาบันผู้ตรวจการแผ่นดินระหว่างประเทศ ในอีก 4 ปีข้างหน้าในปี 2563 จะมีขึ้นที่กรุงดับลิน ประเทศไอร์แลนด์ ส่วนจะเป็นการประชุมหัวข้อใดนั้นจะได้มีการหารือในการประชุมกันต่อไปซึ่งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ได้กำหนดให้มีการประชุมครั้งแรกในระหว่างวันที่ 24-26 เมษายน 2560 ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย”


กำลังโหลดความคิดเห็น