xs
xsm
sm
md
lg

“ประยุทธ์” ขอเวลา 5 ปี ชาวนารวยขึ้นสัญญาณชัดเจน-มาเต็ม !!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา



“รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งเกษตรกรทั้งชาวนา ชาวไร่ และชาวสวน ซึ่งทุกอย่างที่เสนอมาได้รับฟังทุกคน ทั้งชาวนา โรงสีข้าว และผู้ประกอบการค้าข้าว ไม่ใช่กำหนดเอง โดยการแก้ปัญหาราคาข้าวทั้งหมดต้องมีมาตรการรองรับที่เหมาะสม ทำอย่างไรให้ถูกกฎหมาย ไม่ให้กลไกตลาดเสียหาย นี่คือหลักการสำคัญ ยืนยันห่วงใยทุกคน รัฐบาลต้องคิดล่วงหน้าแบบนี้”

“นี่คือ การแก้ปัญหาที่ปลายทางทั้งสิ้น และแก้กันแบบนี้มาตลอด จนกระทั่งประชาชน เกษตรกรคุ้นเคย จึงทำให้วงจรการแก้ไขปัญหาทำได้ยาก แต่รัฐบาลนี้มุ่งย้อนไปที่ต้นทาง ปรับเรื่องการใช้น้ำ การปรับเปลี่ยนการปลูกพืชให้เหมาะสม การลดพื้นที่การปลูก ลดต้นทุนการผลิต รัฐบาลคิดทั้งหมดและทำมาโดยตลอด แต่ปัญหาคือประชาชนและสังคมสนใจแต่เรื่องแก้ปัญหาปลายทาง จนลืมไปว่ารัฐบาลทำที่ต้นทางมีอะไรบ้าง”

“ถ้าทุกคนไม่ช่วยกันที่ต้นทาง สนใจแต่ปลายทาง มันแก้ไม่ได้หรอก ไม่มีใครแก้ได้ และไม่มีใครสนใจจะแก้ด้วย วันหน้าก็จะเป็นอยู่แบบนี้ เรื่องหนี้สินชาวนาจะทำอย่างไร ที่ผ่านมาให้งดดอกเบี้ยชะลอหนี้สิน พักชำระหนี้ทำกันมาตลอด แล้วจะให้มันอยู่อย่างนี้หรือ เงินก็หมดตรงกลางและปลายทางหมด ด้วยการช่วยเหลือและแก้ปัญหาแบบนี้ ทั้งหมดสำคัญอยู่ที่ต้นทาง หากจะทำแบบเดิม ก็จะเป็นอยู่แบบนี้ ไม่มีวันเข้มแข็ง เราต้องใช้แนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการระเบิดจากภายใน คือต้นทางทำให้ดี ขณะเดียวกัน ปลายทางที่มีทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ และยังมีตลาดชุมชนที่สีข้าวขายกันเอง ที่ถือว่าเป็นเส้นทางเลือกทั้งหมดจะต้องเชื่อมโยงให้ได้ จึงจะทำให้ราคาสูงขึ้น โดยการผลิตข้าวที่มีคุณภาพและลดปริมาณการปลูกลงแต่ประชาชนอยู่ได้”

“หลักการของรัฐบาลต้องคำนึงถึงต้นทาง กลางทาง ปลายทาง ของพืชทุกชนิด ถ้าทำผลผลิตออกมามากเกินไปก็ขายไม่ได้อยู่ดี และต้องอุดหนุนกันไปอีกสักเท่าไหร่ วันนี้เห็นใจทุกคน ทั้งเกษตรกร ชาวนา ชาวไร่ และชาวสวน แต่ที่ผ่านมาต้องอุดหนุนปลายทางตลอด ดังนั้น ต้องไปดูต้นทางเป็นอย่างไร ถ้าทุกคนไม่เข้าใจตรงนี้สุดท้ายก็เดือดร้อน เงินก็หมดไปเรื่อยๆ แล้วเข้มแข็งขึ้นไหม วันนี้มาตรการต่างๆ ต้องทำควบคู่กันไป แต่ไปได้ช้า เพราะส่วนใหญ่ติดกับวัฒนธรรม หรือพฤติกรรมการปลูกข้าวแบบเดิม ขอให้เข้าใจตรงกัน ถ้ามีอะไรผิดก็ให้บอกมา แต่ไม่น่าผิด คิดมานาน คิดมา 3 ปีแล้ว แต่ทำได้แค่นี้ เพราะเจอปัญหาแบบนี้ วันนี้ต้องคิดใหม่ทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะเป็นวงจรแบบเดิม”

“หากแก้เช่นนี้ได้รับรองไม่เกิน 5 ปี ชาวนาชาวไร่รวยขึ้นเยอะ ขอให้เข้าใจความตั้งใจของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เขาพยายามทำกันอยู่ นอนตาไม่หลับกันมาหลายอาทิตย์แล้ว ไม่ใช่มีปัญหาและมาแก้ แต่คิดมาตลอดตั้งแต่วันแรก 22 พ.ค. 2557 ว่าทำอย่างไรชาวนาจะดีขึ้น ซึ่งต้องร่วมมือกัน ก็แค่นั้น”

คำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กล่าวก่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบาย และบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหามาตรการช่วยเหลือชาวนาแบบต่อเนื่องโดยการประชุมคราวนี้ (7 พฤศจิกายน) เป็นการช่วยเหลือชาวนาที่ปลูกข้าวเจ้าและเข้าหอมปทุมธานี หลังจากก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ช่วยเหลือชาวนาที่ปลูกข้าวหอมมะลิในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานมาแล้ว

หากจับใจความจากคำพูดดังกล่าวข้างต้นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็จะได้ความหมายแบบเน้นๆ ว่า รัฐบาลนี้กำลังแก้ปัญหาเกษตรกรทั้ง

ชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ แบบบูรณาการ ทั้งเรื่องน้ำ จัดการพื้นที่การปลูก ปรับปรุงคุณภาพ และลดต้นทุน โดยใช้คำว่าต้นทาง กลางทางและปลายทาง โดยย้ำว่า “ภายใน 5 ปีนี้ชาวนาจะรวยขึ้น” ซึ่งในความหมายของคำพูดของ เขาที่ย้ำว่า ได้รับรู้และเตรียมการแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นวันที่เกิดคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อย่างไรก็ดี ที่เขาย้ำว่า สาเหตุที่ยังแก้ปัญหาไม่สำเร็จส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสังคมและประชาชนยังสนใจแต่เรื่องทางทาง คือ การรับความช่วยเหลือที่ปลายเหตุเป็นหลัก ซึ่งเป็นแบบนี้มานานหลายสิบปีจนเกิดความเคยชิน

อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า จะแก้ปัญหาแบบบูรณาการต่อไป ซึ่งเชื่อว่า จะเห็นผลภายใน 5 ปีข้างหน้า ทีนี้เมื่อพิจารณาจากความหมาย “ภายใน 5 ปี” ชาวนาจะรวยขึ้น อีกด้านหนึ่งมันก็เหมือนกับการส่งสัญญาณที่ชัดเจนแบบเนียนๆ ไม่ให้กระโตกกระตากทำนองว่า “ขอเวลาอีก 5 ปี” เพื่อทำภารกิจอันสำคัญนี้ให้ลุล่วงให้ได้

ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบอื่นๆ ถือว่า เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับไฟเขียวผ่านตลอด ที่เห็นได้ชัดก็คือ เรื่องเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่เปิดทางให้นายกฯคนนอก มีสมาชิกวุฒิสภาที่คอยสนับสนุน อย่างน้อยก็สอดคล้องกันในช่วง “เปลี่ยนผ่าน” ในบทเฉพาะกาลเวลา 5 ปีพอดี

อย่างไรก็ดี นั่นเป็นเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญที่กำหนดในบทเฉพาะกาล 5 ปี แต่ไม่สำคัญเท่ากับความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีให้ ซึ่งหากว่าไปแล้ว เขาเป็นผู้นำมีเรตติ้งสูงมาตลอดแบบเสมอต้นเสมอปลาย แม้ว่าโดยรูปแบบจะเป็น “เผด็จการเบ็ดเสร็จ” แต่กลายเป็นว่า ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้สึกรังเกียจพิสูจน์ได้จากผลสำรวจที่ออกมาทุกครั้ง ต่างกับพวกนักการเมืองหรือนักประชาธิปไตยทั้งหลายที่ชาวบ้านเหม็นเบื่อรู้สึกรำคาญอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

อาจเป็นเพราะสังคมยุคใหม่ ที่ไม่ว่าจะเป็นแบบเผด็จการ หรือประชาธิปไตยก็ไม่มีความหมายหากใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ไม่ทำเพื่อประโยชน์ของคนส่วนใหญ่ เพราะเชื่อว่าหากใครก็ตามสูญสิ้นความศรัทธาก็จะอยู่ไม่ได้ เหมือนกับเวลานี้ที่ชาวบ้านหนุนหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เพราะยังมีความเชื่อมั่นศรัทธาดังกล่าวค้ำอยู่ ซึ่งเชื่อว่า ตัวเขาก็คงจะรับรู้ เพียงแต่ว่าที่ผ่านมาเขายังไม่เคยที่จะเปิดเผยหรือส่งสัญญาณออกมาแบบชัดเจนว่าจะ “อยู่ต่อ” หรือไม่ แม้ว่าหลายคนมั่นใจว่าเอาแน่ก็ตาม

ดังนั้น การที่พูดออกมาว่าขอเวลาในการแก้ปัญหาเกษตรกรแบบบูรณาการให้สำเร็จ เพราะคิดมาตั้งนานแล้วอย่างน้อยก็ตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 แล้ว และการที่ยืนยันว่า “ภายใน 5 ปีชาวนาจะรวยขึ้น” มันก็เหมือนกับคำมั่นสัญญา ที่ส่งสัญญาณออกมาจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบแรงชัดจัดเต็มกว่าเดิมก็แล้วกัน !!
กำลังโหลดความคิดเห็น