xs
xsm
sm
md
lg

เช็กปฏิกิริยาแรงสะท้อนจาก “ป้อมเหมาลำ” สะเทือนเรตติ้ง “บิ๊กตู่”!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา


เจอเข้าไปซ้ำ ๆ หลายดอก ทำเอาหัวเสียจนเก็บอาการไม่อยู่ มิหนำซ้ำ เที่ยวนี้อารมณ์หงุดหงิดที่สำแดงออกมาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับสร้างปฏิกิริยาด้านลบ สะท้อนกลับมาอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อาจจะเรียกว่าน่าจะเป็นครั้งแรกที่อารมณ์ของสังคมออกมาแบบนี้

แน่นอนว่า ไม่ว่าใครก็คงคิดไม่ถึงว่ากรณี “การเช่าเครื่องบินเหมาลำ” ของการบินไทยบินตรงไปรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ไปร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน-สหรัฐฯ เมื่อวันก่อน ตามข่าวบอกว่า ใช้งบประมาณ 20.9 ล้านบาท ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ในทำนองว่า “ไม่คุ้มค่า” และฟุ่มเฟือย “เวอร์” เกินความจำเป็น

แม้ว่าในเวลาต่อมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะพยายามชี้แจงให้เห็นว่า เป็นการเดินทางที่คุ้มค่า ไม่ใช่ฟุ่มเฟือยอย่างวิจารณ์กัน โดยยกตัวอย่างเรื่องค่าอาหารบนเครื่องบิน ที่อ้างว่า เป็นแค่อาหารไทยธรรมดา หรือ ก๋วยเตี๋ยว เท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการใช้เงินแบบกระเป๋าซ้ายมาใส่กระเป๋าขวา นั่นเป็นการใช้งบของทางราชการมาช่วยอุดหนุนใช้บริการของบริษัท การบินไทย ซึ่งเป็นสายการบินแห่งชาติ เงินทองจะได้ไม่รั่วไหลอะไรประมาณนั้น

แต่ก็อย่างว่าแหละ เรื่องแบบนี้มันอ่อนไหว และไวที่จะกระทบกับความรู้สึกของชาวบ้าน ยิ่งในโลกโซเชียลในปัจจุบันที่แชร์กันอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง

อย่างไรก็ดี หากพิจารณากันอีกมุมหนึ่ง ก็ต้องยอมรับความจริงว่า สาเหตุหนึ่งที่กลายเป็นเรื่องวิจารณ์บานปลายอย่างที่เป็นอยู่ เป็นเพราะตัวบุคคลคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เองนั่นแหละที่ถือว่าเป็น “จุดอ่อน” ของรัฐบาล แม้ว่าปฏิเสธไม่ได้ว่าเวลานี้เขามีอำนาจและบารมีในหมู่ข้าราชการอยู่ในระดับสูง แต่กับสังคมภายนอกแทบจะเรียกว่าตรงกันข้าม สังคมมองด้วยสายตาที่หวาดระแวง หวาดระแวงไม่ไว้วางใจบุคคลรอบข้าง และญาติใกล้ชิด แต่ด้วยลักษณะกว้างขวางในแบบ “พี่ใหญ่” จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ถูกดึงมาช่วยงานด้านความมั่นคง

ดังนั้น ด้วยอารมณ์และความรู้สึกจากภายนอกและภายใน มันต่างกันสุดขั้วแบบนี้มันจึงทำให้เกิดลักษณะแปลก ๆ ที่ว่าในรัฐบาล และในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ถือว่ามีบารมี เป็นเบอร์สอง หรือเบอร์หนึ่ง ก็ไม่รู้ แต่สำหรับภายนอกระดับชาวบ้าน มองอีกแบบเมื่อเทียบกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ด้วยเครดิตและความสำคัญในลักษณะแปลก ๆ ดังกล่าวทำให้มีการเคลื่อนไหวในลักษณะแปลก ๆ ออกมาให้เห็นบ่อยครั้ง เหมือนกับการเดินทางไปร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนคราวนี้ หากพิจารณาตามมาตรฐาน และ “ศักยภาพส่วนตัว” ก็ต้องมองว่าไม่ต่างจาก “คณะผู้นำ” ไม่ใช่แค่ระดับรัฐมนตรี จึงต้อง “อลังการ” แต่หากพิจารณาจากตำแหน่ง ก็คือ “ระดับรัฐมนตรี” มันจึงเป็นเรื่องที่อธิบายยากถึงความเหมาะสมสำหรับ “การเช่าเหมาลำ” อีกทั้งผลของการประชุมมันก็ย่อมต้องต่างกับการ “ประชุมสุดยอดระดับผู้นำ” ราวฟ้ากับเหว แม้ว่าจะพยายามอธิบายให้เห็นถึงความสำคัญแค่ไหนมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจยากอยู่ดี

อย่างไรก็ดี กรณี “เช่าเหมาลำ” เที่ยวนี้ หากจะว่าไปแล้วสำหรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มันแทบจะหมดความหมายไปแล้ว แต่ที่น่าจับตาและน่าสนใจมากไปกว่านั้น ก็คือ มันกลับกลายเป็นการ “เพิ่มพลัง” สั่นสะเทือนไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มากขึ้นกว่าเดิมแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะหากพิจารณาจากกรณีเดียวจาก “ทริปหรู” แบบนี้ยังมีน้ำหนักไม่มาก แต่บังเอิญว่ามันเหมือนกับ “แต้มสะสม” ที่ประดังเข้ามาต่อเนื่องจากกรณี “น้องชาย หลานชาย น้องสะสะใภ้” มันถึงได้เป๋แบบที่เคยเป็นมาก่อน

ไม่เชื่อก็ลองพิจารณาจากเสียงวิจารณ์และคำเตือนจากแฟนคลับ ประเภท “กัลยาณมิตร” ที่เชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาอย่างต่อเนื่อง หลายกรณีที่ผ่านมา มักจะหรี่ตาทำเป็นมองผ่านมองไม่เห็น เหมือนกับว่าให้โอกาสเพื่อรอภารกิจใหญ่ข้างหน้า ที่กำหนดไว้ตามโรดแมป แต่กลายเป็นว่าทั้งกรณีตั้งสำนักงานรับเหมาในค่ายทหาร หรือฝาย “แม่ผ่องพรรณ” และตามมาด้วย “ป้อมเช่าเหมาลำ” แฟนคลับพวกนี้ต่างออกมาตำหนิวิพากษ์วิจารณ์รุนแรงแบบไม่เกรงใจ น่าสังเกตก็คือ พุ่งเป้าไปที่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยตรงเป็นครั้งแรก

ดังนั้น หากบอกว่านี่คือ การส่งสัญญาณเตือนแรง ๆ เป็นครั้งแรก ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ก็ว่าได้ และเชื่อว่า หากเกิดเรื่องทำนองนี้ซ้ำขึ้นมาอีก มันก็เข้าข่ายน่าเป็นห่วงแล้ว เพราะนั่นเท่ากับว่า “เข้าทาง” ฝ่ายตรงข้าม ที่รอกระซวกซ้ำอยู่แล้ว ความหมายก็คือ “คนที่เคยเชียร์จะวางเฉย”

เพราะต้องไม่ลืมว่า เวลานี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อยู่ได้ เพราะความศรัทธาของชาวบ้านเป็นหลัก แม้ว่าในความเป็นจริงแล้วยังมีจุดอ่อนอยู่ไม่น้อย เช่น เรื่องใหญ่อย่างเรื่องปากท้อง ภาวะเศรษฐกิจที่ยังแก้ไม่ตก พิสูจน์ได้จากผลสำรวจทุกครั้งที่เรื่องดังกล่าวเป็นผลงานรั้งท้ายทุกที เมื่อจุดอ่อนถูกเผยออกมาต่อเนื่องแบบนี้ มันก็เริ่มน่าเป็นห่วง เพราะนั่นย่อมมีผลต่อเนื่องไปถึงอนาคตอีกด้วย แม้ว่าในเวลานี้ยังไม่มีการออกตัวชัดเจนในเรื่อง “นายกฯคนนอก” ตามกติการัฐธรรมนูญใหม่ แต่สำหรับคอการเมืองมันย่อมมองออกอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่อยากพูดกันมากเท่านั้นเอง

ดังนั้น สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะถึงเวลาที่ต้องปรับลีลาท่าทีใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดภาวะ “ขาลง” แบบไม่คาดหมาย เพราะหากเกิดภาวะดังกล่าวมันจะยุ่ง เนื่องจากมันอาจมาแรงจนคาดไม่ถึง จากเงื่อนไขที่มีอยู่รอบตัวที่รอปะทุขึ้นมาได้ทุกเมื่อ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น