เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่ากำลังเข้าสู่โหมดหนักๆ ในช่วงโค้งสุดท้าย สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะเริ่มเจอกับสารพัดปัญหาแบบ “ของจริง” ที่เรื้อรังอยู่คู่กับประเทศนี้มานานแสนนาน อย่างปัญหาราคาข้าว ปัญหาราคาสินค้าเกษตรหลักๆ ที่ยังตกต่ำอยู่ในขณะนี้ ซึ่งปัญหาพวกนี้แน่นอนว่าต้องเกี่ยวโยงกับ “การเมือง” แบบที่ปฏิเสธไม่ได้
ขณะเดียวกันก็ต้องถอนหายใจโล่งอกไปได้เปลาะหนึ่งที่สามารถหยุดกระแส “ปลุกม็อบชาวนา” ลงได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไขลงไปแบบถาวร เป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบชั่วคราวเท่านั้น แต่ที่สามารถสกัดกั้นลงได้ (ชั่วคราว) ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสังคมยังเหม็นเบื่อพวกนักการเมือง และอ่านขาดว่าการเคลื่อนไหวของพวกนักการเมือง ว่าไม่ได้ตั้งใจช่วยชาวนาจริง เป็นเพียงการการสร้างกระแสหาเสียง และหวังผลทางการเมืองเท่านั้น กระแสสังคมจึงมีแต่เสียง “ยี้” มากกว่าสนับสนุน
ดังนั้น อย่าได้แปลกใจกับการที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยกคณะไปซื้อข้าวสารจากชาวนาที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มันจึงไม่อาจสร้างกระแสในวงกว้างได้เลย หรือแม้กระทั่งจะพยายามซ้ำดาบสองมีการขายข้าวช่วยชาวนาอีกรอบในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันก่อน ที่อ้างว่าขายหมดเกลี้ยงภายในหนึ่งชั่วโมง กระแสมันก็หยุดอยู่แค่นั้น ไม่ได้ลุกลามต่อเนื่องไปไกลกว่านั้นเลย
อีกทั้งยังมาเจอกระแส “กราบรถมินิ” อะไรนั่นเข้าไปอีก ก็กลบมิดไปอีกอย่างน้อยสองสามวัน ก็ต้องบอกว่ายังไม่ได้จังหวะเหมาะ ยังปลุกไม่ขึ้น
ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งมันก็ยังสะท้อนให้เห็น “ความเชื่อมั่นศรัทธา” ในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติยังอยู่ในระดับสูง อย่างน้อยสังคมยังเชื่อมั่นมากกว่า เมื่อเทียบกับการเคลื่อนไหวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทีมงาน ที่สังคมจำนวนไม่น้อยมองว่า นั่นคือ การ “จัดฉาก” เตี๊ยมกันมา ทุกอย่างจึงฝ่อลงไป ที่สำคัญ กระแสจากโลกโซเชียลส่วนใหญ่ยังไม่เล่นด้วย แม้ว่าจะ “บีบน้ำตา” อย่างไรมันก็ยังได้ผลในวงแคบๆ ในกลุ่มพวกกันเองไม่กี่คนเท่านั้น ยังสร้างกระแสสั่นสะเทือนไม่พอ
ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากการ “แก้เกม” ของฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะในทีมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เมื่อหยุดกระแสดรามาของ ฝ่าย ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยได้แล้ว ก็เลือกที่จะอยู่นิ่งๆ ไม่ตอบโต้ เดินเกมแบบผู้ใหญ่ไม่ต่อความยาวสาวความยืด ในเมื่อตัวเองคุมเกมได้แล้ว
ดังจะเห็นได้จากท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่สะท้อนผ่านทาง พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรี ฝากขอบคุณ และชื่นชมพี่น้องประชาชนและทุกหน่วยงานด้วยความจริงใจ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา ดารานักแสดง คนขับรถแท็กซี่ ที่ร่วมกับรัฐบาลให้ความช่วยเหลือชาวนาที่ได้รับผลกระทบจากราคาข้าวตกต่ำในขณะนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า คนส่วนใหญ่มีความเข้าใจถึงสภาพปัญหาที่แท้จริง และไม่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของใครคนหนึ่งคนใด จึงได้ยื่นมือและแสดงน้ำใจช่วยกันคนละไม้คนละมือ
“ท่านนายกฯ กล่าวว่า รู้สึกยินดีอย่างมากที่เห็นทุกคนรวมพลังกัน มีความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ซึ่งนอกจากจะเป็นการช่วยเหลือชาวนาฝ่าวิกฤตนี้ ยังถือเป็นการร่วมกันทำความดี เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชด้วย”
“นายกรัฐมนตรียังฝากขอบคุณนายกสมาคมโรงสีข้าว และบรรดาพ่อค้าคนกลาง และโรงสีทั้งหลายที่ออกมาร่วมด้วยช่วยกัน ไม่กดราคารับซื้อข้าว และขอให้พี่น้องชาวนามุมานะในการประกอบอาชีพ แบ่งข้าวคุณภาพดีออกมาขายเป็นรายได้ประจำวัน ส่วนที่เหลือให้นำไปขายในระบบที่พ่อค้าคนกลางและโรงสีให้ราคาอย่างเป็นธรรม”
“ท่านนายกฯ ย้ำว่า รัฐบาลไม่อยากเสียเวลาขัดแย้งกับใคร แต่เป็นเวลาที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือกัน ในส่วนของรัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลืออย่างครบวงจร และอยากเรียกร้องให้คนไทยเปลี่ยนวิกฤตนี้ให้เป็นโอกาส ส่งเสริมให้เกิดการแก้ปัญหาระยะยาว ป้องกันการเอารัดเอาเปรียบจากนายทุน ชาวนาชาวไร่ต้องปรับตัวไปสู่การทำเกษตรสมัยใหม่ ลดต้นทุนเพิ่มผลผลิตด้วยระบบเกษตรแปลงใหญ่ ใช้ความเข้มแข็งของกลไกโรงสีชุมชน และสหกรณ์ผลิตและขายข้าวโดยตรงกับตลาด และน้อมนำแนวทางพระราชดำริเกษตรทฤษฎีใหม่ เกษตรผสมผสานปลูกพืชหลายชนิด เลี้ยงสัตว์ แปรรูปเพิ่มมูลค่าผลผลิต ฯลฯ ไปประยุกต์ใช้ เพื่อลดความเสี่ยง ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน”
ต้องบอกว่า ท่าทีแบบนี้ถือว่าไม่ธรรมดาทีเดียว เพราะการเลือกวิธีการอยู่ “นิ่งเฉย” ไม่ตอบโต้อีกฝ่าย แต่ขณะเดียวกัน ก็มีการเคลื่อนไหวให้เห็นมีการออกมาตรการช่วยเหลือชาวนาอย่างต่อเนื่อง ประเภท “ทำจริง” ไม่ใช่ดีแต่พูด
ขณะเดียวกัน อย่างที่บอกว่าในสังคมโซเซียลที่ไวที่ทำให้ทุกฝ่ายมาร่วมกันช่วยเหลือช่วยกันซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนา ช่วยแนะนำหาตลาดให้ รวมไปถึงหน่วยงานราชการ กลไกรัฐ กองทัพ ช่วยกันขาย ช่วยกันอุดหนุนแบบตื่นตัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนทำให้การเคลื่อนไหวของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กลืนไปกับการช่วยเหลือชาวนารายอื่นๆ จนไม่มีความโดดเด่นขึ้นมา
อย่างไรก็ดี นี่เป็นเพียงกระแสชั่วคราว เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพราะปัญหาใหญ่ยังรออยู่ข้างหน้า ทั้งเรื่องข้าวที่กำลังจะทะลักเข้ามา เรื่องราคาสินค้าเกษตรชนิดอื่นที่ยังตกต่ำ รอการแก้ไขอย่างรวดเร็ว แต่อย่างน้อยเท่าที่เห็นมันก็เป็นแนวทางให้เดิน ให้ชาวนายืนด้วยลำแข้งได้ในอนาคต ซึ่งรัฐบาลต้องฉวยโอกาสนี้เข้ามาสนับสนุนและอำนวยความสะดวก เรียกระดมทุกฝ่ายที่เชี่ยวชาญมาเป็นพี่เลี้ยงให้ชาวนาได้ทำเองในคราวต่อไปให้ได้ พร้อมกับเปลี่ยนวิธีการทำนาแบบใหม่ ซึ่งรัฐบาลก็น่าจะมีวิธีการอยู่แล้ว
ดังนั้น ถ้าให้สรุปในนาทีนี้ก็ต้องบอกว่ากระแสความเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยังมีอยู่สูงช่วยค้ำยันเอาไว้ได้ จนแม้แต่กระแสดรามาการเมืองของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับเครือข่ายทำอะไรไม่ได้มากนัก แต่ก็ไม่อาจประมาท เพราะตราบใดที่ยังแก้ปัญหาเรื่องราคาตกต่ำไม่เป็นที่น่าพอใจ คราวหน้ามันอาจไม่เป็นแบบนี้ก็ได้!