สะเก็ดไฟ
ต้องบอกว่าจังหวะมันช่างเข้าทางบาทา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสียเหลือเกิน เพราะราคาข้าวดันมาตกในวันที่คดีความของเธองวดเข้ามาทุกขณะ และช่างโอกาสเป็นใจ ที่จะทำให้เจอแสงที่ปลายอุโมงค์หลังหมดหนทางที่จะสู้ในคดีความโครงการรับจำนำข้าวในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กับคดีการเรียกค่าเสียหายที่ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง และนายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง จรดปากกาลงนามในคำสั่งทางปกครอง เพื่อเรียกค่าเสียหายจำนวนกว่า 3 หมื่นล้านบาท
เอาจริงๆ ก่อนหน้านี้สถานการณ์ของยิ่งลักษณ์ เหมือนโดนต้อนเข้ามุมอยู่ทางเดียว เพราะแทบไม่มีปัจจัยอะไรที่จะแสดงให้เห็นว่า เธอจะสามารถพลิกเกมกลับมาได้ โดยเฉพาะในประเด็นการปลุกกระแส เพื่อล่อกลับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างที่เห็นกันว่า พรรคเพื่อไทย ต้องหันไปโจมตีคนใกล้ชิด“บิ๊กตู่”แทน เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลทหาร นอกจากนี้ การปลุกม็อบก็ดูจะหมดสิทธิ์ไปโดยปริยาย เพราะในสถานการณ์ประเทศแบบนี้ ใครทำแบบนั้นจะตกเป็นผู้ร้ายในสายตาประชาชนทันที
แต่เมื่อบุญพาวาสนาส่งให้ราคาข้าวมาตกต่ำในรอบ 10 ปี นี่คือขนมหวานอันโอชะของพรรคเพื่อไทยที่จะล่อรัฐบาลทหารกลับได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย นั่นคือเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง เป็นเรื่องเกี่ยวกับปากท้อง ที่รัฐบาลไหนชุดไหนสอบตกชุดนั้นจะอยู่ได้ยากลำบาก เพราะประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลงหรือทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า และอีกจุดคือ เรื่องความเดือดร้อนดังกล่าวเป็นเรื่องข้าว ที่แทบจะบอกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ทั้งในทางบวกและทางลบ
ในทางลบ คือ ในมุมมองฝ่ายตรงข้ามที่มองว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์โกงกินมหาศาลจากโครงการดังกล่าว และเป็นผู้ที่คิดนโยบายจนทำให้ประเทศชาติเสียหาย มีชาวนาผูกคอตายหลายชนิด เพียงเพราะต้องการความนิยม ขณะที่ทางบวกซึ่งเป็นสายตาของกองเชียร์ เห็นว่าโครงการนี้ช่วยเหลือชาวนาให้ลืมตาอ้าปากได้ โดยไม่สนว่าประเทศชาติจะพินาศเพียงใด เพียงแค่ขอให้ชาวนาได้ประโยชน์เป็นพอ ถือเป็นการทำเพื่อชาวนา
ในมุมมองบวกตรงนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นกลุ่มชาวนา เพราะโครงการดังกล่าวทำให้ชาวนามีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในระยะเวลาสั้นๆ โดยที่แทบไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกแต่อย่างใด ในขณะที่รัฐบาลอื่นๆ ไม่สามารถทำให้ชาวนาเห็นภาพได้ชัดขนาดนี้
สำหรับชาวนาไม่ได้มองลึกไปเหมือนภาคส่วนอื่นๆว่า โครงการนั้นจะต้องใช้งบประมาณมหาศาลเพียงใด เป็นนโยบายประเภทประชานิยม หรือไม่ แต่ถ้าทำให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ หรือจับต้องได้ จะยกย่องว่าในฝีมือของรัฐบาลชุดนั้นๆ ที่ทำให้อยู่ดีกินดีขึ้น
แล้วนี่ก็คือจุดแข็งที่ทำให้ยังมีบางส่วนยกย่องสรรเสริญโครงการรับจำนำข้าวอยู่ แม้องค์กรอิสระหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) หรือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า การบริหารโครงการนี้ ได้สร้างความเสียหายระดับบรรลัย
ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเพราะของใหม่ที่มาแทนที่ยังไม่ได้โดนใจประชาชน โดยเฉพาะนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ นั้นเน้นแก้ปัญหาในระยะยาว ให้ชาวนาลดการเพาะปลูก แล้วไปปลูกพืชชนิดอื่น ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการแก้ไขปัญหาที่ถูกทาง เพียงแต่ต้องใช้เวลาที่นานพอสมควร แต่ในความทางปฏิบัติ ชาวนาไม่สามารถรอได้ เพราะต้องกินต้องใช้ ปากกัดตีนถีบสู้กันวันต่อวัน
แล้วเมื่อราคาตก จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าจะมีการนำวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวแบบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ มาเปรียบเทียบกัน ว่าแบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งสำหรับชาวนาไม่ได้มองในแง่วิชาการ แต่มองว่ายุคไหนที่พวกเขามีกินมีใช้ ราคาข้าวดี นั่นคือ ยุคที่ฝ่ายบริหารมีฝีมือ
ดังนั้น จึงไม่ผิดที่ยิ่งลักษณ์จะกระโดดออกมาเล่นฉากดราม่าฉากใหญ่ เพราะนี่คือโอกาสทองของตัวเองในการพลิกเกมกลับมา ทางหนึ่งทำให้ชาวนาเห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวที่ถูกคนนินทาหมาดูถูกว่าโกงบรรลัย เสียหายแบบพินาศ แท้จริงแล้วเป็นโครงการที่ช่วยชาวนาให้ลืมตาอ้าปากได้ ไม่ได้เป็นเหมือนสิ่งที่ฝ่ายตรงข้ามสร้างความน่ากลัวเอาไว้
กลับกัน สิ่งที่บอกว่าเป็นวิธีที่ถูกต้องในการช่วยชาวนาของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ต่างหากกำลังทำให้ชาวนาอดตาย การออกมาครั้งนี้ส่วนหนึ่งจึงเป็นการเปลี่ยนภาพลักษณ์ของโครงการรับจำนำข้าว กลับมาดูดีอีกครั้ง แล้วเป็นการกระตุกต่อมชาวนาให้อยากได้เงินจำนวนมากๆ เหมือนยุคของเธอ หรือจะพูดง่ายๆ ว่า ถ้ายังสนับสนุนพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม ราคาข้าวจะกลับมาสูง ไม่ตกต่ำแบบนี้
มันก็เป็นการออกมาดิสเครดิตรัฐบาลชุดนี้เต็มๆ แล้วยิ่งการออกไปตะลอนทัวร์รับซื้อข้าวจากชาวนา ปล่อยน้ำตาขึ้นหน้า 1 หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ยังเป็นการเหวี่ยงหมัดใส่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทางอ้อม เพราะบริหารประเทศไม่ไหวจนต้องให้ภาคส่วนต่างๆ ออกมาช่วย เรียกว่า ภายนอกเหมือนเจตนาดี ช่วยชาวนาคนละไม้ละมือ แต่ภายในประสงค์ร้าย
แล้วยังเป็นการเอาชาวนาเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กช่วยชีวิตเธอในการคดีโครงการรับจำนำข้าว ว่า สุดท้ายโครงการนี้ได้ประโยชน์ ดูชาวนาต่างสนับสนุน ทั้งที่ความเป็นจริง ตัวโครงการก็ไม่ได้ผิดอะไร แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นมันก็มาจากน้ำมือความชุ่ยในการบริหารของตัวเอง แต่เธอจะหาวิธีตีกิน
เช่นเดียวกับการร่ำไห้ว่าไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนไปชดใช้ค่าเสียหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท นี่คือการเรียกคะแนนสงสาร ประหนึ่งว่าเธอกำลังช่วยชาวนา แต่กลับต้องมาพบชะตากรรมแบบนี้ ซึ่งชาวบ้านชาวช่องเห็นซีนดราม่า ก็สงสารผู้หญิงตัวน้อยๆ
จะว่าไปไม่ใช่ไม่มีใครจับไต๋เธอได้ แล้วเธอก็รู้ว่าหลายคนรู้ว่าการออกมารับซื้อข้าวชาวนาครั้งนี้ เป็นดราม่าทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการอะไร แต่ในเมื่อชีวิตของเธอเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง เสี่ยงจะหมดตัว มันก็ไม่มีอะไรให้ต้องเหนียมอายกันอีก
ยิ่งลักษณ์รุกหนักแน่กับเรื่องนี้ ถ้ารัฐบาลแก้เกมไม่ถูก ยิ่งการไปก่นด่าว่าเป็นฉากดรามา ก็เสี่ยงที่กระแสจะตีกลับเหมือนกัน เพราะอาจถูกมองว่าตัวเองก็บริหารไม่ดี พอมีคนมาช่วยก็ไปด่าเขาอีก ทางที่ดีควรนิ่งๆ หาทางทำให้ชาวนารู้สึกว่ารัฐกำลังหาทางช่วยเหลือทุกวิถีทาง ไม่ใช่ให้รอระยะยาวอย่างเดียว
เพราะว่าระยะยาวมันไม่ทันกินหรอก ประชาชนจะตายก่อน!