xs
xsm
sm
md
lg

รัฐบาลเคาะราคาข้าวตันละ 1.3 หมื่นบาท เดินหน้าสร้างเกษตรกรเข้มแข็งด้วยตัวเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


นายกรัฐมนตรีเผยประชุม นบข.นัดพิเศษเช้านี้ได้ข้อสรุปช่วยเหลือข้าวนาปีตันละ 1.3 หมื่นบาท โดยให้ ธ.ก.ส.รับจำนำ 9,500 บาท ช่วยค่าเก็บเกี่ยว 2,000 ใครมียุ้งเก็บข้าวได้เพิ่มอีก 1,500 บาท พร้อมสั่งตรวจทุกโรงสี เช็กข้าวในคลัง ขออย่าเชื่อพวกบิดเบือนทางโซเชียลฯ เดินหน้าสร้างเกษตรเข้มแข็งด้วยตัวเอง ผลิตข้าวได้มากขึ้น ปัดเอื้อประโยชน์เอกชน ยันรัฐบาลแค่สร้างทางเลือกให้เกษตรกรจะขายให้ใคร ย้ำเป็นนายกฯ ที่คิดทั้งระบบ เมิน “ยิ่งลักษณ์” ให้เพิกถอนคำสั่งทางปกครอง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการการช่วยเหลือราคาข้าวตกต่ำต่อเกษตรกรชาวนาว่า จากการประชุม คณะกรรมการนโยบายบริหารจัดการข้าว (นบข.) วานนี้ (31 ต.ค.) เป็นการหาข้อมูลชั้นต้น แม้จะมีมติอะไรต่างๆ ออกมาแต่ยังไม่ถือเป็นข้อสรุป โดยตนให้ไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติมซึ่งก็ได้ข้อมูลมาแล้ว ก่อนการประชุม ครม.ได้มีการประชุม นบข.นัดพิเศษอีกครั้งหนึ่งเพื่อนำข้อมูลจากที่ได้ลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และคสช. ซึ่งมีมติว่าภาครัฐจะกำหนดมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาข้าวถือเป็นมาตรการใหญ่ ประกอบไปด้วย โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาลผลิต 2559 ถึง 2560 รวมถึงข้าวหอมมะลิ

“โดยชาวนาจะได้รับเงินทั้งสิ้น 13,000 บาท วันนี้ต้องเป็นไปตามกฎหมาย มีหลักเกณฑ์ในการคิด ไม่ใช่จะเท่าไหร่ก็ได้ ต้องเอาราคามาเฉลี่ย ซึ่งตอนนี้ราคาเฉลี่ยอยู่ประมาณ 9,700-12,000 บาท เมื่อคิดคำนวนแล้วราคาค่าเฉลี่ยควรจะเป็นตันละ 11,000บาท โดย ธกส.จะรับจำนำตามความเห็นชอบของ ครม.ในวันนี้ 9,500 บาท แต่จะมีเพิ่มเติมช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพให้อีกตันละ 2,000 บาท ค่าขึ้นยุ้งเก็บรักษาตันละ 1,500 บาท รวมเป็น 13,000 บาท ทั้งนี้ ธ.ก.ส.จะรับเต็มที่ไม่ได้ จะทำให้ผิดกติกา ตรงนี้สำหรับเกษตรกรที่ร่วมโครงการและมียุ้งฉาง หากไม่มียุ้งฉาง รัฐบาลจะช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและค่าปรับปรุงคุณภาพโดยโอนเงินเข้าบัญชีตันละ 2,000 บาท แต่จะไม่ได้ค่าขึ้นยุ้งเก็บรักษาอันนี้ถือเป็นข้อยุติ หวังว่าพ่อแม่พี่น้องชาวนาคงจะพอใจระดับหนึ่ง และขอให้เห็นใจรัฐบาลบ้าง เพราะช่วงนี้มีความยากลำบากเกิดขึ้นหลายอย่าง ผลกระทบเกิดจากฝนและอะไรต่างๆ”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งสำคัญเราต้องช่วยกันคิดว่าจะทำงานในภาคการเกษตรต่อไปอย่างไร หากยังทำแบบเดิม ก็จะมีปัญหา แต่ตนก็เห็นใจพ่อแม่พี่น้อง ที่ทุกคนมีความคุ้นเคยตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่พ่อแม่ปู่ย่าตายาย ตนเข้าใจตรงนี้ ดังนั้นถึงได้บอกว่าเราต้องมาเรียนรู้ด้วยกันและมีศูนย์เกษตรทฤษฎีใหม่ ศูนย์ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงศูนย์ปราชญ์ชาวบ้าน ตอนนี้ต้องหาวิธีการปลูกข้าวที่จำนวนไร่น้อยลง แต่ได้ผลผลิตมากกว่าเดิม และต้องดูตารางข้าวโลกในปัจจุบันด้วย อย่ามองแค่ในประเทศอย่างเดียว ในประเทศเราต้องแก้ไป ด้วยวิธีการช่วยเหลือและสร้างความเข้มแข็ง รวมถึงเกษตรแปลงใหญ่ เพื่อลดต้นทุนการผลิต โดยรัฐบาลจะหาเครื่องมือไปให้ เป็นส่วนรวมไว้ที่สหกรณ์ต่างๆ ถ้าทุกคนรวมกลุ่มได้ ตนก็จะสนับสนุนให้ได้ เพื่อลดค่าแรงต้นทุนการผลิต และต่อไปตนกำลังให้หาโรงสีขนาดกลางในพื้นที่จุดที่เกษตรกรมีความเข้มแข็งและสามารถรวมกลุ่มกัน เพื่อไม่ต้องส่งไปโรงสีข้างนอก เพราะราคาเป็นที่พอใจ เราต้องสร้างให้ชาวบ้านมีความเข้มแข็งด้วยตัวเอง ทั้งปลูก ผลิต แปรรูป ขาย

ส่วนโรงสีเดิมก็ต้องปรับตัว ทำอย่างไรจะให้เกิดความสุจริต โดยประชาชนต้องได้รับผลประโยชน์มากที่สุด โดยเกษตรกรเองก็ต้องมีเครื่องมือตรวจสอบโดยกระบวนการท้องถิ่น เพื่อช่วยเหลือประชาชน เป็นการวัดความชื้นข้าวของตัวเองก่อนที่จะส่งไปโรงสี หากไม่ตรงกับที่โรงสีวัด จะได้ตรวจสอบได้ ถ้าเราไม่เตรียมการตัวเอง เราก็ต้องยอมรับผลการประเมินของโรงสี โดยที่ผ่านมาไม่มีการตรวจสอบหลังเจ้าของโรงสีประเมินค่าความชื้น

“วันนี้ผมได้สั่งมาตรการเหล่านี้ไปแล้ว กระทรวงเกษตรฯ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ และ คสช. จะลงไปสำรวจทุกโรงสีว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้มีอะไรที่แปลกประหลาดแทรกซ้อนหรือเปล่า ถ้าไม่มีก็แล้วไป พร้อมกันนี้จะต้องไปดูคลังข้าว ที่บางโรงสีอาจเก็บข้าวไว้ตามนโยบายรัฐบาลที่ผ่านมา รับค่าข้าวดูแลข้าวมาเยอะ การดูแลจะดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็ต้องไปว่ากันตรงนั้นด้วย ฉะนั้นต้องทำทั้งระบบ เราจะไปว่าใครดีหรือไม่คงลำบาก เพราะคนดีก็มี เราต้องมองในส่วนประชาชนที่จะช่วยเหลือตัวเองอย่างไร ถ้าต้านทุกอย่างมันไปไม่ได้ ผมก็ห่วง ปีนี้ความต้องการภายนอกลดลงเพราะแต่ละประเทศมีสำรองข้าวไว้เยอะ อีกทั้งยังไปลงทุนปลูกข้าวในพื้นที่ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ ขณะที่บ้านเราต้นทุนการผลิตยังสูงใช้น้ำเยอะ การปลูกข้าว ฝนแล้ง ฝนมากจะต้องมีวิธีการปลูกที่แตกต่าง ต้องใช้เทคโนโลยีสมาร์ทฟาร์มเมอร์ โดยรัฐบาลให้ความช่วยเหลือ โอกาสเรามีเยอะ”

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้าเราช่วยกัน ที่ผ่านมามาตรการอุดหนุนเรื่อยๆ ไม่สามารถสร้างความเข้มแข็งได้ ดังนั้นต้องสร้างความเข้มแข็งให้ได้ ขึ้นอยู่กับสหกรณ์ แกนนำ หมู่บ้าน ต้องร่วมมือกัน อย่าไปเชื่อคำบิดเบือนทางโทรศัพท์ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่รัฐบาลทำ คนไทยบังคับไม่ได้ทั้งหมด ต้องใช้วิธีการขอร้องกัน คนที่เข้ามาอยู่ในโครงการที่รัฐบาลแนะนำมีผลผลิตและรายได้ที่ดีขึ้น แต่คนที่ยังไม่เปลี่ยนรายได้ก็น้อยลง สิ่งที่ห่วงอีกเรื่องคือถ้ารัฐบาลบริหารจัดการน้ำได้ดี ก็จะเฮโลปลูกข้าวกันอีก และให้รัฐบาลปล่อยน้ำมาเลี้ยงข้าว ปัญหาก็จะวนทับแบบนี้ ฉะนั้นวันนี้ต้องแก้ทั้งระบบ ทั้งประชาชน โรงสี เอกชน พ่อค้าข้าว ต้องมีธรรมาภิบาล ขณะที่รัฐบาลจะมีนโยบายใหม่ๆ โดยเอาปัญหาเหล่านั้นมาแก้ แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่กำหนดขอให้เข้าใจตรงกัน อย่าอะไรกันอีกเลย ขอดูแลข้าวหอมมะลิที่มีปัญหาตอนนี้ก่อน และเชื่อว่าจะมีปัญหาอีก 2-3 เดือน ประมาณ 2 ล้านตัน และอะไรต่างๆ จะดีขึ้นเอง โดยหวังว่าราคาตลาดจะดีขึ้น

ส่วนการขายข้าวตามถนนตนไม่ห้าม หากเป็นรายได้เล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าขายเป็นทางการใหญ่โตเป็นห้างร้านต้องจดทะเบียน ตอนนี้ยังไม่ได้จับกุมดำเนินคดีใดๆ ทั้งสิ้น ถือเป็นการช่วยเหลือตัวเอง อย่าไปโทษกันไปมา ต่อไปหากไม่มีโรงสีหรือพ่อค้าข้าวเลยก็ไม่ได้ รวมถึงพ่อค้ารายใหญ่ เพราะทั้งหมดเป็นห่วงโซ่เดียวกัน แต่ทำอย่างไรให้ทุกคนอยู่ในกติกาให้ได้ โดยใช้กฎหมายที่มีอยู่ทุกตัวก็จะไม่มีปัญหา อย่าให้ใครมาบิดเบือน

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาราคาข้าวจะให้พอใจทั้งร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นไปไม่ได้ ขอให้เข้าใจรัฐบาลมีงบประมาณจำกัด สิ่งไหนทำได้ก็ทำแต่อะไรที่ผิดกฎหมายก็อย่าทำ อย่ามาบอกว่าเคยได้ราคาสูงกว่านี้ประชาชนได้ประโยชน์แล้วมันผิดกฎหมายหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่ต้องระมัดระวัง ถ้าผิดกฎหมายตนทำให้ไม่ได้ สิ่งที่ตนทำนั้นได้ปรึกษาหารือกับฝ่ายกฎหมายแล้วเขาบอกว่าทำได้ เพราะเราไม่ได้ไปช่วยทุกเมล็ดหรือเก็บไว้ในคลังของรัฐ

ส่วนกรณีที่มีการทำหนังสือเรียกร้องให้นายกฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง เรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ใครจะเพิกถอนใคร เพิกถอนตนได้หรือ เพราะทำตามหน้าที่ ทุกรัฐบาลก็มี พ.ร.บ.ฉบับนี้ เรื่องนี้เป็นคดีความที่ส่งขึ้นตามขั้นตอน ผู้ถูกกล่าวหาก็ต้องไปสู้ทางคดี ถ้าไม่ผิดเขาก็ถอนให้ เขาต่อสู้คดีกันแบบนี้ไม่ใช่หรือ ถ้าเราไม่ทำเราผิดไหม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์ชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ไม่ค่อยสบายใจคือเรื่องที่บอกว่าตนไปเอื้อประโยชน์ให้เอกชน ถามว่าไปเอื้อใคร เอื้อทำไม แล้วจะได้อะไร แต่ต้องไปดูว่าสิ่งที่ได้กลับมาคืออะไร การเอาบริษัท ห้างร้านเข้ามาช่วย เป็นเรื่องที่ประชาชนจะเป็นผู้เลือกเองว่าจะขายให้ใคร จะขายให้ประชารัฐ หรือจะขายเอง ก็เรื่องของเขา ตรงนี้เป็นทางเลือกเท่านั้นเอง

“ตรงนี้เป็นกรณีที่มีคนมาช่วยการทำงานของรัฐบาล ไม่ได้เอาอะไรจากเขา แล้วเขาก็ไม่ได้เอาอะไรจากผม เพราะผมไม่ได้อำนวยอะไรให้เขาเลย เป็นเรื่องที่เขามาช่วย เป็นเรื่องของการต่างตอบแทน แต่จะทำอย่างไรให้เกิดความเป็นธรรม ก็เป็นเรื่องการแก้ปัญหาของเรา เช่น ต้องดูเรื่องโควตา ดูเรื่องมาตรการ ดูเรื่องภาษี ข้าวโพดราคาตกก็ให้บริษัทใหญ่มารับซื้อไป ไม่ใช่ให้เอาไปขึ้นทะเบียนกับเขา เขามาซื้อไปแล้วก็จบ วันหน้าเขาไม่ต้องซื้อก็ได้”

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตรงนี้เป็นทางเลือกให้ประชาชนว่าจะขายเองหรือจะขายให้ประชารัฐ หรือจะขายให้บริษัทใหญ่ รัฐบาลนี้มีหน้าที่สร้างทางเลือกให้ประชาชนเข้มแข็งด้วยตัวเขาเอง นอกจากจะมีการช่วยอย่างนี้แล้ว ก็ยังมีในส่วนของกรมวิชาการเกษตร ไปผลิตเมล็ดพันธุ์พืชให้มากกว่า 8 แสนตัน ได้สั่งไปแล้ว ต้องทำเป็นล้านตัน ก็ไม่พอ เพราะต้องใช้ถึง 6-7 ล้านตัน ต่อไปก็ขยายให้ชาวนาแต่ละกลุ่ม เช่นแปลงนี้ไม่ต้องขายเป็นข้าว แต่ให้ขายเป็นเมล็ดพันธุ์ ผมคิดตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่ใช่ใครเสนออะไรมาก็รับหมด เงินมีหรือเปล่าก็ช่างมัน ผิดกฎหมายหรือเปล่าไม่รู้ก็ช่างมัน ไม่ใช่อย่างนั้น เป็นนายกฯแบบนั้นไม่ได้



กำลังโหลดความคิดเห็น