เมืองไทย 360 องศา
หลายคนคงคาดคิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาแบบนี้จะไม่มีเรื่องราวอื่น ๆ เข้ามาแทรกซ้อนให้รำคาญใจ แต่ก็เกิดขึ้นจนได้ จากการสร้างกระแสดรามาของพวกคนในพรรคเพื่อไทย ที่มีต้นตอมาจากกรณีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องคดีคำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวจำนวน 3.5 หมื่นล้านบาท
จับอาการที่แสดงออกมาก็ไม่มีอะไรแปลกใหม่ไปจากเดิม ก็คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกรังแกอย่างไม่เป็นธรรม หรือเป็นเหยื่อของการทำลายล้าง เท่าที่เห็นในตอนนี้ระดับตัวแทนมีชื่อถึงคิวที่ต้องออกมาแล้ว เช่น ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่ลงทุนโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กปกป้องเธออย่างเต็มที่
สำหรับความหมายแทบทั้งหมดที่ ภูมธรรม เวชยชัย ยกมาอ้างอิงก็ไม่มีอะไรมากหรือเพิ่มเติมไปจากเดิม ก็เป็นการย้ำให้เห็นว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกรังแกอย่างไม่เป็นธรรม มีการวางแผนไว้ล่วงหน้าเพื่อกำจัดเธอออกจากการเมือง จากคณะรัฐประหารที่ไม่มีความชอบธรรม และที่สำคัญว่าเธอมาจากการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ และไม่มีความผิดจากนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงและอนุมัติจากสภา
มองแบบเผิน ๆ ก็อาจคล้อยตามได้เหมือนกันว่าสาเหตุที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกดำเนินคดีจากโครงการรับจำนำข้าว และถูกคำสั่งทางปกครองเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเป็นจำนวน 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น มีเหตุจูงใจทางการเมือง
อย่างไรก็ดี นั่นคือ มุมของฝ่ายจำเลย หรือผู้ต้องหา ซึ่งหากสำรวจแล้วเกือบทั้งร้อยไม่มีใครยอมรับว่าตัวเองผิด ส่วนใหญ่จะพูดเหมือนกันประเภท “เขาหาว่า” กันทั้งนั้น กรณีนี้ก็เช่นเดียวกัน คนพวกนี้ก็ไม่ได้ต่างกัน
ข้อความของภูมิธรรมที่โพสต์ลงเฟซบุ๊กดังกล่าวระบุบางตอนว่า “เห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กำลังเผชิญกับความกดดันครั้งสำคัญของชีวิต จากนโยบายและความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องชาวนาในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่มีความรับผิดชอบต่อประชาชนที่ได้มอบความไว้วางใจเลือกเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แต่กลับต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ทั้งโดยการรัฐประหาร และใช้กลไกทางกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติหลายรูปแบบ ตั้งแต่การถอดถอนออกจากตำแหน่ง ทั้ง ๆ ที่ไม่มีตำแหน่งและรัฐธรรมนูญก็ถูกยกเลิกแล้ว เพื่อทำให้ขาดคุณสมบัติที่จะเข้าสู่อำนาจทางการเมือง เร่งรัดรีบเร่งไต่สวนคดีทั้งหลาย เพื่อนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี”
“ผู้รู้ทางกฎหมายหลายท่าน ตั้งประเด็นว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้คุมนโยบาย มิใช่เจ้าหน้าที่รัฐตามบทนิยามของกฎหมายนี้ ยังไม่นับรวมประเด็นว่า การกระทำทางนโยบาย ไม่เป็นการละเมิดตามความหมายของกฎหมายนี้แต่อย่างใด ประเด็นข่าวอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ถูกเรียกให้ชดใช้ความเสียหายจากนโยบายการรับจำนำข้าว การออกคำสั่งอาศัยอำนาจตามมาตรา 44 ให้กรมบังคับคดีเข้าไปยึด และอายัดทรัพย์ได้ ซึ่งในที่นี้คงจะหมายรวมถึงการยึดบ้านที่พักอาศัยและทรัพย์สินอื่น ๆ กำลังสร้างความขัดแย้งในสังคม การมีปรากฏการณ์ที่ประชาชนบางส่วนแสดงเจตจำนงจะร่วมแบ่งปันความทุกข์กับอดีตนายกฯ เพราะตระหนักดีว่าอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ เป็นฝ่ายถูกกระทำโดยไม่เป็นธรรม ท่าทีและการดำเนินการในห้วงเวลาอันเร่งรัดโดยไม่คำนึงถึงกระบวนการยุติธรรมที่อยู่ในหลักนิติธรรม กำลังเป็นหมุดหมายสำคัญที่คนไทยและชาวโลกจำนวนหนึ่งกำลังเฝ้าดู และติดตามระบบและกระบวนการยุติธรรมของสังคม การเร่งรัดตัดสินใจเพื่อหวังว่าจะจัดการให้ฝ่ายผู้เห็นต่างในการดำเนินนโยบายเพื่อแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ให้ตกเป็นจำเลย และเพื่อให้ยุติบทบาททางการเมือง โดยไม่ใส่ใจถึงความละเอียดอ่อนของผลที่ตามมา ไม่ใส่ใจต่อการจุดเชื้อไฟประเด็นความขัดแย้งใหม่ ๆ เป็นการตัดสินใจที่ทำให้สังคมไทยหลุดไม่พ้นจากวงจรแห่งปัญหา ผมไม่มีอะไรที่จะขอร้องรัฐบาล เพราะดูเหมือนท่านจะปักธงของท่านไว้แน่น”
พิจารณาจากข้อความของ ภูมิธรรม เวชยชัย มันก็ทำให้รู้สึกเห็นใจ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกโกรธเพิ่มขึ้นไปอีกว่าการพยายามช่วยเหลือชาวนาให้อยู่ดีกินดีกำลังถูกขัดขวางและมิหนำซ้ำคนที่ช่วยเหลือกำลังจะติดคุกถูกยึดทรัพย์หากไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายตามที่ว่านั้น
แต่เดี๋ยวก่อนครับพี่น้องทั้งหลาย สิ่งที่พูดมานั้นมันเป็นความจริงแค่เศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น เพราะทุกเรื่องทั้งคดีอาญา และความเสียหายทางแพ่งในเรื่องการชดใช้ความเสียหายนั้น ทุกอย่างจะต้องจบลงที่ศาลเท่านั้น เช่น คดีอาญาที่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกฟ้องเป็นจำเลยในศาลอาญาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งในความเป็นจริงทางฝ่ายยิ่งลักษณ์ก็ยื้ออย่างเต็มที่ด้วยการเพิ่มพยานเข้าไปอีกหลายปาก แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
ส่วนคดีทางแพ่งที่เกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 3.5 หมื่นล้านบาทนั้น ในที่สุดจุดสุดท้ายก็ต้องให้ศาลตัดสินเช่นเดียวกัน แม้เวลานี้มีใบแจ้งให้ชดใช้ค่าเสียหายแล้ว แต่ขั้นตอนทางกฎหมายยังอีกนานนับปี เพราะเชื่อว่า พวก ยิ่งลักษณ์ ต้องอุทธรณ์คำสั่งที่ศาลปกครองกลาง และยังไปต่อที่ศาลปกครองสูงสุด ทุกอย่างว่ากันตามพยานหลักฐาน ตามความจริงทั้งสิ้น
การที่กล่าวหาว่ามีการใช้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตามมาตรา 44 ยึดทรัพย์ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ไม่จริงอีก เพราะเป็นเพียงการชี้ชัดให้หน่วยงานทางราชการ คือ กรมบังคับคดีดำเนินการยึดอายัดทรัพย์หากศาลชี้ออกมาว่ามีความผิด ต้องชดใช้ค่าเสียหายจริง ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ อีกทั้งการรีบออกคำสั่งทางปกครองให้เรียกค่าเสียหายนั้น เพราะเป็นคดีแพ่งมีอายุความแค่สองปี ก็ต้องรีบดำเนินการให้เข้าสู่ขั้นตอนในทางคดีก่อน จากนั้นค่อยว่ากันตามกระบวนการ
ทุกอย่างมันก็เป็นแบบนี้ มันเป็นเรื่องตามกระบวนการยุติธรรม เป็นการดึงเรื่องให้เข้ามาพิสูจน์ตามพยานหลักฐาน มันไม่ใช่เรื่องของการตัดหนทางช่วยเหลือชาวนาไม่ให้อยู่ดีกินดี เพราะการใช้นโยบายที่ต้องใช้งบประมาณแผ่นดินนั้นต้องไม่ทุจริต ไม่ปล่อยปละละเลยให้เกิดความผิดพลาด ซึ่งที่ผ่านมาก็มีหน่วยงานต่าง ๆ ท้วงติงตักเตือน แต่ก็ไม่ฟัง จนนำมาสู่เรื่องอื้อฉาว เรื่องเศร้าสลดมากมายดังที่เคยเห็นกันอยู่
แน่นอนว่า หากมั่นใจว่า ทำถูกต้องก็ไปว่ากันในศาล นำหลักฐานพยานมาพิสูจน์ก็แล้วกัน อย่างไรก็ดี ที่น่าสังเกต ก็คือ การออกมาของ ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ถือว่าเป็นลูกน้องคนใกล้ชิดของครอบครัว ทักษิณ ชินวัตร จึงไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกที่เขาต้องปกป้องนาย แต่การออกมาในช่วงเวลาแบบนี้มันต้องการอะไรกันแน่ !!