ผู้จัดการรายวัน360-ป.ป.ท.เผยความคืบหน้าการเรียกค่าเสียหายโครงการจำนำข้าวในส่วน 80% เพิ่มเป็น 986 คดี จากเดิม 853 คดี ตั้งเป้าพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน เผยล่าสุดสั่งไต่สวนแล้ว 125 คดี ยันหากเป็นคดีอาญา ส่งอัยการฟ้องร้อง หากเป็นเรื่องค่าเสียหาย ส่งต้นสังกัดดำเนินการต่อ ด้าน "ภูมิธรรม" ออกตัวแทนนาย ยกสารพัดเหตุผลช่วย "ปู" ส่วน "ฟลุค เดอะสตาร์5" เจอไล่ใช้สกุล "ชินวัตร" หลังโพสต์สละเงิน 1 แสนช่วยจ่ายค่าทำจำนำเจ๊ง
นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในส่วนที่เหลืออีก 80% ว่า มีจำนวนคดีความที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มเป็น 986 คดี จากเดิมมี 853 คดี โดยเป็นคดีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ภาคเอกชน เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งป.ป.ท. จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตามจำนวนคดี และตั้งเป้าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ก่อนส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณาชี้มูลต่อไป
"ล่าสุด ได้มีการทยอยส่งเรื่องให้คณะกรรมการป.ป.ท.พิจารณา และมีมติสั่งให้ไต่สวนแล้ว 125 คดี โดยถ้าเป็นคดีอาญา ก็จะส่งให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องร้อง หากเป็นเรื่องของวินัยหรือค่าเสียหาย ก็จะส่งให้ต้นสังกัดดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป"
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า การทำงานของป.ป.ท. เป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร ส่วนการตั้งอนุกรรมการตามจำนวนคดี ถึงแม้จะมีบุคลากรไม่เพียงพอ แต่ก็จะทำงานตามขั้นตอน สลับบุคลากรเข้าไปทำงานในทุกชุดอนุกรรมการให้การทำงานเดินไปอย่างรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้เซ็นคำสั่งทางปกครองให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าว ในส่วนที่ต้องรับผิดชอบ 20% หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาทไปแล้ว จะต้องมีการติดตามเพื่อหาตัวผู้ที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนที่เหลืออีก 80% หรืออีกกว่า 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้ ป.ป.ท. เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ โดยจะพิจารณาจากคดีที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) องค์การคลังสินค้า (อคส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และภาคเอกชน เช่น โรงสี โกดังกลาง เซเวอร์เยอร์ เป็นต้น ซึ่งจะร่วมถึงข้าราชการ และกรรมการชุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการรับจำนำ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง
วันเดียวกันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอให้หยุดใช้กฎหมายแบบเลือกปฏิบัติ ทำลายประชาธิปไตยและนิติรัฐ โดยตนเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กำลังเผชิญกับความกดดันครั้งสำคัญของชีวิต จากนโยบายและความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้ชาวนาในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ทั้งโดยการรัฐประหารและใช้กลไกทางกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติหลายรูปแบบ และยังมีการเร่งรีบเร่งไต่สวนคดี เพื่อนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี รวมถึงการให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นการส่วนตัวจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ที่ขาดเหตุผลอันชอบธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายพชร ธรรมมล หรือ ฟลุค เดอะสตาร์ 5 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Phachara Thammon"เมื่อวันที่ 22ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ตนพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ จ่ายค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว 35,000 ล้านบาท และขอสละเงินส่วนตัวจำนวน100,000 บาท เป็นทุนเริ่มต้น และจากนั้น วันที่ 23 ต.ค. ได้โพสต์เฟซบุ๊กไลฟ์ เสนอความคิดเห็นอีกว่า ใครที่เลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ขอให้ร่วมกันจ่ายค่าเสียหายในส่วนนี้แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Chuchart Srisaeng" ถึงเรื่องนี้ว่า บิดาแท้ๆ ของนายพชร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Songwut Romyapan" ถึงกรณีดังกล่าวว่า "ใครจะดราม่า ด่าไอ้ฟลุค เดอะสตาร์ ขอให้ทราบว่ามันกับผมตัดขาดกันไปนานแล้ว กรุณาอย่าลามปามถึงโคตรพ่อโคตรแม่มันเลยครับ เพราะพวกเราก็รับมันไม่ใด้เหมือนกัน"
ทั้งนี้ นายชูชาติ ยังระบุอีกว่า ต้องแสดงความเสียใจ และเห็นใจบิดามารดาของนายพชรเป็นอย่างยิ่ง ที่มีบุตรเป็นอย่างนี้ และถ้าดูนามสกุลที่นายพชรใช้อยู่ ก็ไม่ได้ใช้นามสกุลของบิดา แสดงให้เห็นว่า นายพชรไม่ต้องการใช้นามสกุลของบิดา อันเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยของวิญญูชนทั่วไป ที่บุตรต้องใช้นามสกุลของบิดา เพื่อให้คนทั่วไปรู้ว่าตนเป็นบุตรของใคร มีเทือกเถาเหล่ากอมาจากไหน เมื่อนายพชร มีความชื่นชมน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงขนาดแสดงเจตนาจะช่วยเหลือออกค่าเสียหายที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้เช่นนี้ ก็น่าจะไปขอใช้นามสกุล ชินวัตร จากน.ส.ยิ่งลักษณ์ เสียเลย แต่ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุก นายพชร ไม่ต้องเสนอตัวเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในเรือนจำด้วยนะ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่อาจกระทำได้
นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขาธิการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวในส่วนที่เหลืออีก 80% ว่า มีจำนวนคดีความที่เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวเพิ่มเป็น 986 คดี จากเดิมมี 853 คดี โดยเป็นคดีที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ ภาคเอกชน เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งป.ป.ท. จะมีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาตามจำนวนคดี และตั้งเป้าจะพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ก่อนส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณาชี้มูลต่อไป
"ล่าสุด ได้มีการทยอยส่งเรื่องให้คณะกรรมการป.ป.ท.พิจารณา และมีมติสั่งให้ไต่สวนแล้ว 125 คดี โดยถ้าเป็นคดีอาญา ก็จะส่งให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องร้อง หากเป็นเรื่องของวินัยหรือค่าเสียหาย ก็จะส่งให้ต้นสังกัดดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป"
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า การทำงานของป.ป.ท. เป็นอิสระจากฝ่ายบริหาร ส่วนการตั้งอนุกรรมการตามจำนวนคดี ถึงแม้จะมีบุคลากรไม่เพียงพอ แต่ก็จะทำงานตามขั้นตอน สลับบุคลากรเข้าไปทำงานในทุกชุดอนุกรรมการให้การทำงานเดินไปอย่างรวดเร็ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่กระทรวงการคลังได้เซ็นคำสั่งทางปกครองให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าว ในส่วนที่ต้องรับผิดชอบ 20% หรือประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาทไปแล้ว จะต้องมีการติดตามเพื่อหาตัวผู้ที่จะต้องชดใช้ค่าเสียหายในส่วนที่เหลืออีก 80% หรืออีกกว่า 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้ ป.ป.ท. เป็นผู้พิจารณาดำเนินการ โดยจะพิจารณาจากคดีที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวว่ามีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานภาครัฐ ทั้งองค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) องค์การคลังสินค้า (อคส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) และภาคเอกชน เช่น โรงสี โกดังกลาง เซเวอร์เยอร์ เป็นต้น ซึ่งจะร่วมถึงข้าราชการ และกรรมการชุดต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการรับจำนำ หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง
วันเดียวกันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอให้หยุดใช้กฎหมายแบบเลือกปฏิบัติ ทำลายประชาธิปไตยและนิติรัฐ โดยตนเห็นใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่กำลังเผชิญกับความกดดันครั้งสำคัญของชีวิต จากนโยบายและความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้ชาวนาในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่กลับตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ ทั้งโดยการรัฐประหารและใช้กลไกทางกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติหลายรูปแบบ และยังมีการเร่งรีบเร่งไต่สวนคดี เพื่อนำไปสู่การฟ้องร้องดำเนินคดี รวมถึงการให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นการส่วนตัวจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ที่ขาดเหตุผลอันชอบธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก นายพชร ธรรมมล หรือ ฟลุค เดอะสตาร์ 5 โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "Phachara Thammon"เมื่อวันที่ 22ต.ค.ที่ผ่านมา ระบุว่า ตนพร้อมเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยน.ส.ยิ่งลักษณ์ จ่ายค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว 35,000 ล้านบาท และขอสละเงินส่วนตัวจำนวน100,000 บาท เป็นทุนเริ่มต้น และจากนั้น วันที่ 23 ต.ค. ได้โพสต์เฟซบุ๊กไลฟ์ เสนอความคิดเห็นอีกว่า ใครที่เลือก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็ขอให้ร่วมกันจ่ายค่าเสียหายในส่วนนี้แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย
ล่าสุด เมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) นายชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Chuchart Srisaeng" ถึงเรื่องนี้ว่า บิดาแท้ๆ ของนายพชร ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Songwut Romyapan" ถึงกรณีดังกล่าวว่า "ใครจะดราม่า ด่าไอ้ฟลุค เดอะสตาร์ ขอให้ทราบว่ามันกับผมตัดขาดกันไปนานแล้ว กรุณาอย่าลามปามถึงโคตรพ่อโคตรแม่มันเลยครับ เพราะพวกเราก็รับมันไม่ใด้เหมือนกัน"
ทั้งนี้ นายชูชาติ ยังระบุอีกว่า ต้องแสดงความเสียใจ และเห็นใจบิดามารดาของนายพชรเป็นอย่างยิ่ง ที่มีบุตรเป็นอย่างนี้ และถ้าดูนามสกุลที่นายพชรใช้อยู่ ก็ไม่ได้ใช้นามสกุลของบิดา แสดงให้เห็นว่า นายพชรไม่ต้องการใช้นามสกุลของบิดา อันเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยของวิญญูชนทั่วไป ที่บุตรต้องใช้นามสกุลของบิดา เพื่อให้คนทั่วไปรู้ว่าตนเป็นบุตรของใคร มีเทือกเถาเหล่ากอมาจากไหน เมื่อนายพชร มีความชื่นชมน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงขนาดแสดงเจตนาจะช่วยเหลือออกค่าเสียหายที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องชดใช้เช่นนี้ ก็น่าจะไปขอใช้นามสกุล ชินวัตร จากน.ส.ยิ่งลักษณ์ เสียเลย แต่ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุก นายพชร ไม่ต้องเสนอตัวเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ในเรือนจำด้วยนะ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่อาจกระทำได้
