xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ ขอ ปชช.อย่าตีกัน ให้เป็นเรื่อง กม. ยก ร.๙ อยู่ในใจคนไทย แนะทำตามพ่อสอน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ประยุทธ์” สั่งดูแล ปชช.ร่วมแสดงความอาลัย ห่วงเด็กพลัดหลง-โรคประจำตัว ให้เตรียมข้อมูลติดต่อฉุกเฉิน เผยเป็นพระมหากรุณาธิการล้นพ้น “สมเด็จพระบรมฯ” พระราชทานอาหารให้ประชาชนทุกวัน แจงนั่ง คกก.ถวายพระเพลิงพระบรมศพ ให้ สปน.ประสานสำนักพระราชวัง วอน ปชช.อย่าตีกันเอง จนภาพสู่ต่างประเทศ ให้เป็นเรื่อง กม. ป้องสถาบันฯ ไม่ยุ่งการเมือง เชื่อรัชกาลที่ ๙ อยู่ในหัวใจคนไทย ชูเศรษฐกิจพอเพียงพาชาติพ้นวิกฤต ขอทำตามพ่อสอน

วันนี้ (25 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงมาตรการเตรียมรองรับประชาชนที่จะเข้ามาถวายสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชในวันที่ 29 ตุลาคมนี้ว่า ได้มอบหมายไปแล้วว่าให้ทุกหน่วยงานตั้งศูนย์อำนวยการร่วมโดยเฉพาะบริเวณท้องสนามหลวง รวมถึงเรื่องการจัดระเบียบการเข้าไปถวายสักการะพระบรมศพ โดยในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ได้มอบหมายให้ศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ไปประชุมและพิจารณาร่วมกันโดยนำแผนงานทั้งหมดมาบูรณาการร่วมกัน ทั้งนี้เราต้องรองรับประชาชนที่เข้ามามากขึ้นทุกวัน จะเห็นว่าหลายอย่างมีความเป็นระเบียบมากขึ้น ทั้งการจัดที่พัก เลี้ยงอาหาร การรักษาความปลอดภัย น้ำ ขยะ ทุกอย่างต้องขับเคลื่อนภายใต้แผนเดียวกัน เพราะทุกอย่างมีผลกระทบซึ่งกันและกันทั้งสิ้น วันนี้ได้มีการพูดคุยกันเรื่องการแก้ไขปัญหาขยะ ทั้งถุงอาหาร ถุงพลาสติก ซึ่งเราควรทิ้งในที่ๆ ควรทิ้งจะได้ให้หน่วยงานนำไปทิ้งได้สะดวก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เรื่องการย้อมผ้าก็จัดหาสถานที่สำหรับการเทน้ำทิ้งเขาจะได้นำน้ำไปทิ้งที่อื่นได้ขอว่าอย่าเทลงพื้นดิน ส่วนเรื่องอาหารนั้นกรณีที่มีคนนำอาหารมาแจกจ่ายจำนวนมากถือเป็นน้ำใจให้ประชาชนที่เข้ามารวมกันซึ่งคงต้องดูว่ามากไป น้อยไปหรือไม่ สิ่งไหนควรปรับแก้ ส่วนอาหารแห้งหรืออาหารบรรจุสำเร็จรูป หากเหลือมากเกินไปเราจะนำไปทำประโยชน์อะไรได้บ้าง เพราะคนที่เดือดร้อนยังมีจำนวนมาก ซึ่งประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมก็ยังคงมีอยู่ ตนได้สั่งการลงไปโดยให้กระทรวงมหาดไทย (มท.) กทม.นำไปใช้ประโยชน์มากที่สุด อย่างไรก็ตาม ความตั้งใจคือนำไปให้คนที่ท้องสนามหลวงต้องเพียงพอก่อน

นายกฯ กล่าวว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝนตนจึงกังวลเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ โรคไข้หวัด และเป็นห่วงผู้ที่มีโรคประจำตัว ซึ่งใครที่เป็นโรคประจำตัว เช่น โรคลมชัก โรคความดันโลหิต ต้องมีรายละเอียดโรคติดตัวเสมอ เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาจะได้แก้ปัญหาได้ทัน ส่วนเรื่องเด็กที่พลัดหลงต้องมีชื่อ-ที่อยู่ผู้ปกครองไว้ติดตัวเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ รัฐบาลได้จัดตั้งศูนย์อำนวยความสะดวกในทุกๆ พื้นที่และทุกๆ กิจกรรม ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้เตรียมเอาไว้หากเกิดเหตุจะได้ช่วยเหลือได้ทันรวมถึงชุดเคลื่อนที่เร็วด้วย

“สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารได้ทรงพระราชทานอาหารทุกวัน โดยให้หน่วยงานในพระองค์ดำเนินการ ซึ่งเป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างล้นพ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงความคืบหน้าการตั้งกรรมการและอนุกรรมการจัดเตรียมงานถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชว่า ขณะนี้ได้ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เป็นหน่วยงานหลักและได้เสนอตั้งคณะกรรมการอำนวยการโดยมีตนเป็นประธาน ซึ่งจะมีคณะกรรมการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมด้วย โดยจะมีการเรียกประชุมครั้งแรกเร็วๆ นี้ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประสานแผนงานปฏิบัติในส่วนของพระบรมมหาราชวังในเรื่องพิธีการเพราะถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ ฉะนั้นจะต้องหารายละเอียดให้ได้มากที่สุดก่อนถึงจะจัดการประชุม

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอให้ระมัดระวังเรื่องการทำร้ายซึ่งกันและกัน ในช่วงเวลาเหล่านี้โดยความรู้สึกส่วนตัว ไม่ชอบเจตนา หรือไม่เจตนาก็ต้องดูให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการ เพราะมีกระบวนการทางกฎหมาย อย่าใช้มาตรการความรุนแรงทำร้ายซึ่งกันและกัน ถ้าจงใจจริงๆ ก็ให้ตำรวจดำเนินการไปจะดีกว่าอย่าไปตบตีกันเลย ภาพออกไปต่างประเทศทำให้เสียหายถึงผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย หวังว่าคงจะเข้าใจ ยืนยันว่าแม้ช่วงเวลาเหล่านี้ เป็นเวลาความเสียใจทุกข์โศก ทุกคนก็เสียใจด้วยกันทั้งหมด ข้อสำคัญคือทุกอย่างไม่ได้เป็นการบีบบังคับ ไม่ว่ากฎหมายมาตราใดไม่มีบังคับให้คนเป็นแสนเป็นล้านมาแสดงแบบนี้ นั่นหมายถึงจิตใจคนไทย ฉะนั้นต่างประเทศคงเข้าใจเราว่านี่คือความแตกต่าง ไม่ใช่กฎหมายฉบับใดทั้งสิ้นในการมาบังคับคนแบบนี้ แต่กฎหมายที่มีนั้นเพื่อปกป้อง ป้องกันสถาบันฯ พระองค์ท่านไม่ลงมาเกี่ยวข้องในทางการเมืองและความขัดแย้งใดๆ ทั้งสิ้น

“ฉะนั้น กฎหมายฉบับใดก็ตามที่เป็นปัญหาในขณะนี้ เป็นกฎหมายที่ทุกรัฐบาลได้กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐบาล สถาบันฯ ไม่เคยมาออกกฎหมายแบบนี้ เพียงแต่รับรอง (endorse) กฎหมายที่เสนอขึ้นไปเท่านั้นเอง และพระองค์ท่านก็ลงนามพระปรมาภิไธย เพราะพระองค์ท่านทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นพระราชกิจของพระองค์ท่าน ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย อย่าเอามาพันกันไปมา” นายกฯ กล่าว

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องการทำงานของรัฐบาลเรายึดหลักการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาตลอด คือปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตรงนี้ต้องช่วยขยายทำความเข้าใจให้มากขึ้น ซึ่งต่างประเทศเข้าใจและนำไปใช้แล้ว ในส่วนของเราตนก็พยายามสร้างการรับรู้ ในสิ่งที่รัฐบาลได้ทำ ตรงกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงอะไรบ้าง ซึ่งจะไปสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติอย่างไร ฉะนั้นต้องเชื่อมโยงระหว่างปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการบริหารราชการแผ่นดินของประเทศ แล้วนำไปสู่ที่ประเทศไทยต้องตอบคำถามสหประชาชาติ การบริหารยั่งยืน 15 ปี จะตอบอะไรเขาได้บ้าง เพราะเป็นหลักการของทั้งโลก จึงต้องตอบคำถามทั้งประเทศ ซึ่งมุ่งหวังให้โลกนี้ปลอดภัย ซึ่งเราก็ต้องทำเพราะเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลก ดังนั้นหน้าที่ไม่ได้มีเฉพาะกับไทยและคนไทย แต่ต้องมีหน้าที่กับคนทั้งโลกด้วย

นายกฯ กล่าวอีกว่า วันนี้อยากให้ทุกคนรู้สึกเหมือนที่ตนรู้สึก พระองค์ท่านทำทุกเรื่องที่เกี่ยวกับแผ่นดินของเราให้อยู่ดีกินดี มีการทดลองทดสอบด้วยพระองค์เอง พระองค์ท่านทำประโยชน์สูงสุดต่อแผ่นดิน ขณะเดียวกัน พระองค์ท่านก็ทำให้มีระบบน้ำ และรักษาความสมดุล ทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการพัฒนาเพื่อดูแลอากาศ โดยตนคิดและรู้สึกว่าพระองค์ท่านอยู่กับพวกเราเสมอ เพราะท่านอยู่กับสิ่งต่างๆ เหล่านั้น พระองค์ท่านทำเรื่องดิน น้ำ อากาศ ที่มีคุณภาพเหล่านี้ไม่มีวันที่จะจากเราไปไหน อยู่ในหัวใจพวกเราทุกคน ขอให้ทุกคนได้นำสิ่งที่พระองค์ท่านได้ริเริ่มไว้ ไม่ว่าจะเป็นพระราชดำรัส พระราชดำริ ที่พระองค์ท่านทรงทดลองหรือทรงใช้มาแล้ว นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น ซึ่ง 15 ปีที่ผ่านมาเราได้ขับเคลื่อนด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงทำให้ผ่านพ้นวิกฤตกาลหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นต้มยำกุ้ง น้ำท่วม ต่างชาติเขาก็ทึ่ง น้ำท่วมมหาศาลแต่เราทำให้ทุกอย่างดีขึ้นในเวลารวดเร็วเพราะความพอเพียง ดังนั้นต้องนำสิ่งเหล่านี้มาสานต่อ แต่ต้องเป็นความพอเพียงที่ทุกคนมีความสุข มีมากใช้มาก มีน้อยก็ใช้น้อย และพัฒนาตัวเองไปสู่การเรียนรู้และมีรายได้สูงขึ้น สู่เศรษฐกิจ 4.0 และขออย่าไปเขียนว่ารัฐบาลเอาแต่เรื่องทันสมัย การลงทุน ทั้งนี้เพราะทุกอย่างเชื่อมโยงกัน จึงต้องดำเนินการ โดยใช้เงินให้น้อยให้ประชาชนแข็งแรงด้วยตัวเอง

นายกฯ กล่าวว่า หากเมื่อไหร่รายได้มากขึ้นก็จะนำไปสู่เงินเดือน ค่าแรงงาน รัฐสวัสดิการ การศึกษาที่ได้งบประมาณมากขึ้น และการรักษาพยาบาลก็มากขึ้น หลายอย่างต้องใช้เงิน และต้องมีเงินไปลงทุนหลายอย่าง โดยเรายังมีรายได้ไม่พอเพียง เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจเราต้องปรับ ที่พูดนั้นเพียงแค่หลักการ แต่ที่ทำเป็นร้อยเรื่องซึ่งต้องใช้เวลาขับเคลื่อน หากไม่วางพื้นฐานตรงนี้ไว้ประเทศก็ไปไม่ได้

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สำหรับเรื่องกฎหมายกระบวนการยุติธรรม หลายกฎหมายยังค้างอยู่ โดยเฉพาะกฎหมายที่มีความจำเป็น เพราะมีข้อสังเกตและความคิดเห็นเพิ่มเติมมาหลายอย่าง เราต้องยืนยันหลักการ อะไรปรับได้เราก็ปรับ หลายอย่างบางทีคนไทยไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมานานแล้ว มีกฎหมายบางทีก็ใช้ไม่ได้ ดังนั้น วันนี้ทุกคนต้องกลับมาสู่กฎหมาย เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน แล้วประเทศจะไปได้ และถ้ากฎหมายมาถึงก็จะหาวิธีการทางรัฐศาสตร์ว่าจะดูแลอย่างไร ช่วยเหลือเยียวยาอย่างไร ทุกอย่างต้องมีพื้นฐานก่อน อย่าไปบอกว่ารังแกคนรายได้น้อย ไม่อย่างนั้นกฎหมายจะเขียนเว้นว่าสำหรับคนจน ไม่ต้องปฏิบัติหรืออย่างไร ตนพูดอย่างมีเหตุผลไม่ได้ทะเลาะกับใคร ทุกคนต้องนึกถึงสังคมและคนอื่นด้วย ขอให้ทุกคนได้ทำถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว นึกถึงคนอื่น เผื่อแผ่แบ่งปัน ส่วนเรื่องอื่นๆ ก็มีขั้นตอนในการทำงานอยู่แล้ว ขอให้เชื่อมั่น ตนทำดีที่สุดแล้ว อยากให้บ้านเมืองไปได้ปลอดภัย เราต้องแสดงความเข้มแข็งของเรา อย่าให้ต่างชาติมองว่าเรายังทะเลาะกันไม่เลิก หรือเอาเรื่องประเด็นความขัดแย้ง นำสถาบันฯ ลงมาเกี่ยวข้องกันอีกไม่ได้แล้ว อย่าลืมว่ากฎหมายเหล่านี้มีเพื่อพิทักษ์ปกป้องพระองค์ท่าน เพราะฉะนั้นต้องมาดูว่าจะทำกันอย่างไร เหมือนกับกฎหมายต้องให้ประชาชนคุ้มครองซึ่งกันและกัน ไม่มีการดูหมิ่นกัน แต่ท่านทรงฟ้องอะไรด้วยพระองค์เองไม่ได้

“ก็ขอเถอะ ขอถวายพระองค์ท่าน และพระองค์ท่านพระราชทานอภัยโทษทุกที หลายคนออกมายังเป็นเหมือนเดิม” นายกฯ กล่าว




กำลังโหลดความคิดเห็น