ผู้จัดการรายวัน 360 - “ประยุทธ์” วอนคนไทยอย่าทะเลากัน ชี้คลิปตบตีทำประเทศเสียภาพลักษณ์ แจงมาตรา 112 มีไว้ปกป้องสถาบัน วอนหยุดดุงลงมาเป็นเรื่องการเมือง “ดอน” รับตามล่าแก๊งหมิ่นฯทำยาก เหตุต่างชาติไม่เข้าใจ หวังให้ช่วยปรามเท่าที่ทำได้ โบ้ยหน้าที่ “ยุติธรรม” ตามลากคอผู้ต้องหา “ไก่อู” เผย “บิ๊กตู่” สั่งเช็คสนธิสัญญาทุกประเทศขอตัวผู้ร้ายข้ามแดน คลิป “อริสมันต์” ดราม่าบ้านไฟไหม้ว่อนเน็ต โชว์ พระบรมฉายาลักษณ์ไม่ติดไฟ พร้อมเอ่ย”ข้ารองพระบาทของพระองค์ทุกชาติไป” สังคมออนไลน์รุมโห่ ขุดพฤติกรรมนำเผาเมืองในอดีต
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า อยากขอให้ประชาชนระมัดระวัง อย่าทำร้ายซึ่งกันและกันในช่วงเวลานี้ ด้วยความรู้สึกส่วนตัวที่ทั้งเจตนาและไม่เจตนา โดยขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย อย่าใช้มาตรการความรุนแรงมาทำร้ายหรือตบตีกัน เพราะภาพจะออกไปสู่ต่างประเทศ นำมาซึ่งความเสียหายต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ถึงแม้เป็นเวลาที่ทุกคนอยู่ในช่วงความเสียใจและทุกข์โศก ซึ่งไม่ได้มีกฎหมายมาตราใดมาบีบบังคับให้คนเป็นแสนเป็นล้านคนมาแสดงออกแบบนี้ และทุกอย่างเป็นการแสดงถึงจิตใจของคนไทย ต่างประเทศจึงน่าจะเข้าใจว่า เป็นความแตกต่าง ทั้งนี้กฎหมายมีไว้ปกป้องสถาบัน เพราะพระองค์ท่านไม่ได้ลงมาเกี่ยวข้องในทางการเมืองหรือในความขัดแย้งใดๆ ฉะนั้นกฎหมายที่เป็นปัญหาอยู่ในขณะนี้ เป็นกฎหมายที่ทุกรัฐบาลได้กำหนดในรัฐธรรมนูญ โดยสถาบันไม่เคยออกกฎหมายแบบนี้ อีกทั้งพระองค์ท่านทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ จึงขอให้เข้าใจกันด้วยอย่าเอามาพันกัน และวันนี้ทุกคนต้องกลับมาสู่กฎหมาย นึกถึงสังคมและเผื่อแผ่แบ่งปัน เพื่อถวายแด่พระองค์ท่าน และเพื่อให้ประเทศไปได้
“ขอให้เชื่อมั่นผมเถอะ ผมทำดีที่สุดแล้ว อยากให้บ้านเมืองไปได้และปลอดภัย เราต้องแสดงความเข้มแข็ง อย่าให้ต่างชาติมองว่าเรายังทะเลาะกันไม่เลิก เอาประเด็นความขัดแย้งและเอาสถาบันลงมาเล่นหรือมาเกี่ยวข้องกันอีกไม่ได้แล้ว อย่าลืมว่ากฎหมายเหล่านี้มีไว้พิทักษ์ปกป้องพระองค์ท่าน ก็เหมือนกฎหมายที่คุ้มครองประชาชนไม่ให้มีการดูหมิ่นกัน แต่พระองค์ท่านคุ้มครองพระองค์เองไม่ได้ ผมขอเถอะครับ เพื่อถวายพระองค์ท่าน ซึ่งที่ผ่านมาได้พระราชทานอภัยโทษทุกครั้ง แต่หลายคนออกมายังเป็นแบบเดิม" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
** “ดอน” หวังต่างประเทศช่วยปราม
ด้าน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการติดตามตัวบุคคลที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งหลบหนีอยู่ในต่างประเทศว่า กระทรวงยุติธรรมเป็นเจ้าภาพหลักในการติดตามตัวผู้กระทำความผิด และมีหน้าที่ประสานขอความร่วมมือในการส่งตัวผู้กระทำความผิดกลับมายังประเทศไทย ส่วนกระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่ขอความร่วมมือไปยังประเทศต่างๆ โดยผ่านทูตไทยและต่างประเทศ เพื่อให้ช่วยกำชับหรือกำราบผู้ที่กระทำความผิด ถือเป็นการดำเนินการทางการทูต ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วกับหลายประเทศ แต่ขอไม่เปิดเผยว่าเป็นประเทศใดบ้าง เพราะอาจมีผลกระทบในด้านต่างๆ ตามมา
“เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาเพราะถ้าเขาไม่ผิดในประเทศอื่น ก็ทำให้เราทำงานลำบากในเรื่องของการส่งตัวกลับ แต่การปราม เราสามารถขอความร่วมมือไปได้ ซึ่งยังไม่พบว่ามีประเทศใดไม่ให้ความร่วมมือ หลายประเทศก็ดำเนินการเท่าที่จะทำได้” นายดอน กล่าว
** เผย “บิ๊กตู่” สั่งเช็คสัญญาส่งผู้ร้ายฯ
ขณะที่ พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการติดตามตัวบุคคลที่กระทำความผิดมาตรา 112 นั้น นายกฯได้สั่งให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องไปรวบรวมข้อมูลมาว่า เรามีพันธสัญญาข้อกฎหมายเรื่องการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศไหนบ้าง แล้วที่ผ่านมาจากข้อมูลมีประเทศไหนให้ความร่วมมือในการส่งตัวและแลกส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนได้บ้าง เพื่อเป็นข้อมูลส่วนหนึ่งในการพิจารณาในอนาคต
** มาแปลก!! “พี่กี้ร์” ขอเป็นข้ารองบาทฯ
วันเดียวกัน เฟซบุ๊ก "อริสมันต์ พงศ์เรืองรองแฟนคลับ" ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอการให้สัมภาษณ์ของ นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กับสถานีโทรทัศน์ อมรินทร์ทีวี ช่อง 34 ภายหลังบเหตุการณ์ไฟไหม้บ้านพักย่านรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา โดนตอนหนึ่งนายอริสมันต์ ระบุถึงสาเหตุที่เกิดเพลิงไหม้ว่าต้นเพลิงมาจากห้องพระบนชั้น 3 คาดว่า มีไฟลุกไหม้จากเทียนไฟฟ้า จนเกิดความเสียหายในวงกว้างมีเพื่อนบ้านกว่า 50 คนมาช่วยดับไฟ ส่วนตัวบาดเจ็บถูกไฟลวกที่เท้าขวาเล็กน้อย พร้อมทั้งเปิดเผยด้วยว่า ทุกอย่างในห้องพระถูกไฟไหม้หมด เว้นแต่เพียงพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เท่านั้น โดยได้นำพระบรมฉายาลักษณ์ที่มีรอยไหม้เล็กน้อยมาแสดงให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย
"กราบสักการะดวงพระวิญญาณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พวกเราเป็นพสกนิกรของท่าน ตั้งใจทำความดีมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหนก็ตาม วันนี้ผมได้เห็นรอยยิ้มของพ่อบนสรวงสวรรค์ ได้เห็นคนไทยกลับมารักกันอีกครั้งหนึ่ง ผมดีใจครับ แล้วก็อยากจะบอกกับพระองค์ท่านว่า ไม่ว่าจะเกิดกี่ชาติ ก็จะขอเป็น ข้ารองพระบาทของพระองค์ทุกชาติไป" นายอริสมันต์ กล่าวในคลิปดังกล่าว
** ชาวเน็ตรุมโห่-ขุดวีรกรรมเผาเมือง
ภายหลังจากคลิปดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้สร้างความประหลาดให้แก่สังคมออนไลน์เป็นอย่างมาก โดยได้กล่าวย้อนกันไปถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งกลุ่ม นปช.ชุมนุมใหญ่เมื่อปี 2552 - 2553 โดยนายอริสมันต์ได้เป็นแกนนำการประชุมอาเซียนซัมมิท ที่โรงแรมรอยัล คลิฟบีช รีสอร์ต พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อปี 2558 อีกทั้งนายอริสมันต์ยังเป็นเจ้าของคำปราศรัยเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2553 ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก ระบุว่า “พี่น้องนัดกันคราวหน้า ถ้ารู้ว่าเขาจะปราบปราม ไม่ต้องเตรียมอะไรมาก มาด้วยกัน ขวดแก้วคนละใบ มาเติมน้ำมันเอาข้างหน้า บรรจุให้ได้ 75 ซีซี ถึง 1 ลิตร ถ้าเรามาหนึ่งล้านคนในกรุงเทพมหานคร มีน้ำมันหนึ่งล้านลิตร รับรองว่า กทม.เป็นทะเลเพลิงอย่างแน่นอน” และอีกช่วงที่ว่า “โรงพยาบาลแล้วก็ถนนราชวิถี สะพานข้ามแม่น้ำโรงพยาบาลศิริราช สนามบิน ทำเนียบฯ กระทรวงสำคัญๆ ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารพาณิชย์ ค่ายทหาร บ้านบุคคลสำคัญ และศาลยุติธรรม และองค์กรอิสระ คุณไม่ต้องบอก ถ้าหากว่าคุณใช้ความรุนแรงกับคนเสื้อแดง รับรองว่าไอ้สิ่งที่คุณพูดถึงนี้จะไม่เหลืออยู่ในประเทศไทยอย่างแน่นอน” ซึ่งคำปราศรัยในวันนั้นถูกมองว่า เป็นคำเชิญชวนจนทำให้มีเหตุการณ์เผาบ้านเผาเมืองในภายหลัง
ทั้งปรากฎว่าสังคมออนไลน์ต่างวิพากษ์วิจารณ์นายอริสมันต์ในเชิงตำหนิที่แอบอ้างกล่าวถึง พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อย่างมิบังควร รวมทั้งมีบางส่วนที่แสดงความคิดเห็นในเชิงซ้ำเติมนายอริสมันต์ ว่าเป็นเพราะกรรมตามทัน เนื่องจากมีส่วนทำความเสียหายให้ประเทศ.