MGR Online - ตำรวจ 191 รวบโจ๋สาว 19 ปี ปลอมบัตรประชาชนจนออกหมายจับผิดตัว และแจ้งความเท็จถูก “แอล โอรส” ร่วมกับแฟนสาวทำร้ายร่างกาย-พยามรุมโทรมข่มขืน อ้างกุเรื่องให้ดูน่ากลัวเพราะต้องการเรียกร้องความสนใจจากแฟนหนุ่ม
ตำรวจ 191 รวบสาวแสบแจ้งความเท็จ อ้างถูกแก๊งโอรสทำร้ายปล้นทรัพย์ #theta360 - Spherical Image - RICOH THETA
วันนี้ (18 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (191) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบก.สปพ. พร้อมด้วย พ.ต.อ.จักรเพชร เพชรพลอยนิ ผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.พรพรหม จักษุรักษ์ รอง ผกก.สายตรวจ พ.ต.ท.ปียรัช เวสสะโกศล สว.งานสายตรวจ 3 และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน งานสายตรวจ 3 ร่วมกันทำการจับกุมตัว น.ส.สหธญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 480/2559 ลงวันที่ 10 ส.ค. 2559 ข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 137, 174 โดยจับกุมได้บริเวณห้องปฏิบัติการ 3 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กทม.
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์กล่าวว่า สืบเนื่องจาก น.ส.สหธญา (ผู้ต้องหา) ได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่สายตรวจ ตามโครงการ 191 You’ll never walk alone 191 ทำดี ทำได้ ทำทันที ว่าได้ถูก น.ส.ภิรมย์ยา กองเงิน อายุ 25 ปี ชาว จ.เชียงใหม่ (ผู้เสียหาย) ร่วมกับแฟนหนุ่มชื่อ แอล โอรส ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ปล้นทรัพย์ และจะพยามรุมโทรมข่มขืน ก่อนส่งภาพถูกทำร้ายร่างกายและอาวุธปืนมาให้เจ้าหน้าที่ เมื่อ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น.ทราบเรื่องจึงได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบสวนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะคดีแก๊งโอรสที่สร้างความความเดือดร้อนให้ประชาชนอย่างต่อเนื่อง ตนจึงสั่งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจทำการสืบสวน
ด้าน พ.ต.ท.ปียรัชกล่าวว่า หลังจากสืบค้นข้อมูลจนทราบว่าผู้ต้องหาได้แจ้งความดำเนินคดีทำร้ายร่างกายต่อผู้เสียหายที่ สน.ทุ่งสองห้อง จำนวน 3 คดี และคดีทำร้ายร่างกาบ กับคดีปล้นทรัพย์ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จำนวน 2 คดี จนผู้เสียหายถูกออกหมายจับที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ แต่โดยข้อเท็จจริงหลังจากสืบสวนแล้ว ผู้เสียหายไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวอ้างแต่อย่างใด ต่อมาผู้ต้องหายังได้สร้างบัญชีเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า “Ooy smil” ตั้งใจจะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเกิดความสับสน โดยมีการลงภาพอ้างแก๊งโอรสทำร้ายลงในบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว
พ.ต.ท.ปียรัชกล่าวอีกว่า หลังจากพบข้อพิรุธหลายอย่างว่าเรื่องดังกล่าวนั้นไม่ได้เกิดขึ้นจริง ส่วนภาพที่ผู้ต้องหาได้รับบาดเจ็บนั้นก็เป็นภาพถ่ายตอนที่ผู้ต้องหามีเรื่องทะเลาะตบตีกันกับเพื่อนสนิท ส่วนทรัพย์สินที่อ้างว่าถูกปล้นไปนั้นก็ไม่ได้มีอยู่จริง ทั้งนี้ การแจ้งความร้องทุกข์เกี่ยวกับคดีอาญาที่ไม่ได้เกิดขึ้นจริงทำให้ผู้เสียหายได้รับความเสียหายเดือดร้อนอย่างยิ่ง เพราะอาจจะถูกดำเนินคดีทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดจริง ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ไปดำเนินการขอถอนหมายจับผู้เสียหายที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ เรียบร้อยแล้ว
ด้าน น.ส.สหธญา ผู้ต้องหาให้การสารภาพว่า ตนได้กุเรื่องขึ้นโดยใช้ชื่อปลอม คือ น.ส.นาทัชชา สาวแวว เข้าแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยอ้างว่าบัตรประชาชนหาย และมีเรื่องราวตบตีกับเพื่อนที่ทำธุรกิจด้วยกันถึง 5 ครั้ง ทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องหึงหวง แต่ตนไม่ทราบชื่อจริงของเพื่อนคู่กรณี จึงอ้างชื่อของ น.ส.ภิรมย์ยา ซึ่งเคยเป็นลูกค้าที่สั่งซื้อครีมผ่านทางเฟซบุ๊กของตนเอง และเห็นว่า น.ส.ภิรมย์ยาอาศัยอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ เลยไม่คิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะติดตามตัว น.ส.ภิรมย์ยามาดำเนินคดีได้ ส่วนที่อ้างว่า น.ส.ภิรมย์ยาเป็นแฟนกับแอล แก๊งโอรสนั้น เพื่อต้องการให้เรื่องราวดูน่ากลัวและต้องการเรียกร้องความสนใจจากแฟนหนุ่ม ไม่คิดว่าเรื่องจะบานปลายขนาดนี้ ตนต้องขอโทษผู้เสียหายด้วย
ด้าน น.ส.ภิรมย์ยา ผู้เสียหายกล่าวว่า ตนนั้นเปิดร้านถ่ายเอกสารอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ และอยู่ จ.เชียงใหม่มาโดยตลอด ที่ทราบถูกออกหมายจับตนก็รู้สึกตกใจและเป็นกังวลมาก ไม่ทราบว่าใครเป็นคนไปแจ้งความ เพราะที่ผ่านมาตนเคยมา กทม.เพียงแค่ครั้งเดียว คือมาทัศนศึกษากับทางมหาวิทยาลัย 2 วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็ไม่ได้มา กทม.อีกเลย จนกระทั่งมีหมายเรียกของ สน.ทุ่งสองห้อง มาที่บ้านเมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 2559 ที่ผ่านมา ตนจึงได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.ภูพิงค์ จ.เชียงใหม่ ไว้เป็นหลักฐาน และเดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 เพื่อยืนยันว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวอ้าง และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่พบกับผู้ต้องหา โดยส่วนตัวไม่เคยรู้จักกับผู้ต้องหาแต่อย่างใด ที่ผ่านมาตนสั่งครีมออนไลน์ผ่านทางเฟซบุ๊กหลายเจ้าจึงไม่ทราบว่าใครเป็นคนอ้างชื่อตน ทั้งนี้ตนอยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ 191 ที่ให้การช่วยเหลือสืบสวนจนทราบความจริงจนได้ความยุติธรรม ไม่เช่นนั้นตนคงถูกดำเนินคดีไปแล้วและไม่รู้ชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป