MGR Online - ทนายวัดปากน้ำ แจง “สมเด็จช่วง” บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีรถหรู เป็นเพียงแค่ผู้รับบริจาคนั้น ซ้ำมีพยานปากสำคัญยันไม่มีความผิด ย้อนดีเอสไอแถลงข่าวละเมิดสิทธิทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำสังคมแคลงใจเกิดความเกลียดชัง
ทนายความวัดปากน้ำ แถลงโต้กรณีดีเอสไอชี้ “สมเด็จช่วง” ครอบครองเบนซ์โบราณ เข้าข่ายผิด 2 ข้อหา #theta360 - Spherical Image - RICOH THETA
ทนายความวัดปากน้ำ แถลงโต้กรณีดีเอสไอ ชี้ “สมเด็จช่วง” ครอบครองเบนซ์โบราณ เข้าข่ายผิด 2 ข้อหา #theta360 - Spherical Image - RICOH THETA
วันนี้ (1 ส.ค.) เมื่อเวลา11.00น. ที่วัดปากนำภาษีเจริญ นายสมศักดิ์ โตรักษา ทนายความวัดปากน้ำแถลงชี้แจง กรณีรถยนต์ยี่ห้อ Mercedes benz หมายเลขทะเบียน ขม 99 กทม. ในความครอบครองของสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ (วรปุญฺญมหาเถร) หรือสมเด็จช่วง หลังจากเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้แถลงความคืบหน้าการประชุมร่วมกับพนักงานอัยการว่าผู้ครอบครองรถยนต์คันดังกล่าวเข้าข่ายความผิดฐานมีส่วนรู้เห็นและครอบครองสินค้าที่รู้ว่าไม่เสียภาษี หรือเสียภาษีไม่ครอบถ้วน และร่วมกันแจ้งความเท็จลงในเอกสารราชการ รวม 2 ข้อกล่าวหา
นายสมศักดิ์กล่าวว่า ในฐานะทนายความที่ปรึกษาและผู้รับมอบอำนาจจากสมเด็จช่วงขอชี้แจงว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงในการแถลงความคืบหน้าของดีเอสไอ ยังไม่พบว่าสมเด็จช่วงมีความผิดตามกฎหมายที่ได้กล่าวมาแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน ขอชี้แจงอีกว่าสมเด็จช่วงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นในการกระทำความผิดตามกฎหมายดังกล่าว โดยเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2559 สมเด็จช่วงได้ทำหนังสือชี้แจงไปยังดีเอสไอเกี่ยวกับกรณีรถยนต์คันดังกล่าวซึ่งมีเนื้อหาพอที่จะสรุปได้ว่าสมเด็จช่วงมีชื่อในการจดทะเบียนรถเท่านั้น และนำรถยนต์คันกล่าวมาแสดงในพิพิธภัณฑ์เพื่อให้ประชาชนเข้ามาศึกษาหาความรู้และเยี่ยมชม รวมทั้งจดทะเบียนระงับการใช้งานแล้ว จนกระทั่งมาทราบว่ารถคันดังกล่าวผิดกฎหมายก็ได้ส่งรถคือผู้บริจาค และรถเบนซ์นั้นได้ถูกส่งต่อไปยังดีเอสไอแล้ว
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า ส่วนการซื้อขายนั้นสมเด็จช่วงไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่ได้รับโอนโดยไม่มีการกรอกเอกสารอื่นๆ เลย แค่ลงนามกำกับว่ารับโอนรถแล้วเท่านั้น ส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น ตั้งแต่บุคคลรับโอนเป็นคนแรก หรือการมอบอำนาจต่างๆ ยืนยันว่าสมเด็จช่วงได้เคยรู้จักและรู้รายละเอียดอื่นๆ เลย สมเด็จช่วงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจเนื่องจากเป็นผู้รับบริจาคเท่านั้นซึ่งพยานบุคคลที่สำคัญของดีเอสไอก็ระบุแล้วว่าสมเด็จช่วงไม่มีส่วนรู้เห็นในการกระทำความผิด
นายสมศักดิ์กล่าวอีกว่า การที่ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ และ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้บัญชาการสำนักปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ออกมาชี้แจงต่อสื่อมวลชนดังกล่าวข้างต้นนั้นส่วนตัวเห็นว่าท่านทั้งสองกระทำการกระทบสิทธิและละเมิดสมเด็จช่วง ทำให้ประชาชนทั่วไปและสื่อมวลชนเข้าใจว่าสมเด็จช่วงมีความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ทำให้เสียชื่อเสียง ภาพลักษณ์ และทำให้เกิดความเกลียดชัง รวมทั้งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวกับความเสียหายของสมเด็จช่วงที่เกิดขึ้นจากการแถลงข่าวของท่านทั้งสองเพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป