ความพอเพียงคืออะไร ?
“ความพอเพียง” หมายถึง ความพอประมาณที่ไม่มากจนเกินไปและไม่น้อยจนเกินไป โดยที่ระดับของความพอเพียงนั้นจะต้องไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อตนเองผู้อื่นและสังคม ดังนั้น คุณลักษณะของผู้ที่มีความพอเพียงนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ มีความระมัดระวัง มีความประมาณตน ไม่เป็นคนโลภมักได้ เป็นคนที่เห็นคุณค่าของสิ่งของและทรัพยากรต่าง ๆ จึงทำให้สามารถปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบสุขโดยที่ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ซึ่งการกระตุ้นให้คนเรามีจิตสำนึกของความพอเพียงนั้นต้องเริ่มสอนกันตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก โดยเริ่มปลูกฝังในเรื่องของความพอเพียงขั้นพื้นฐาน 3 เรื่องใหญ่ ๆ ดังนี้
1. พอเพียงในเรืองของการกิน คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกเห็นคุณค่าของอาหาร โดยคุณพ่อคุณแม่คุยให้ลูกฟังว่ากว่าจะมาเป็นอาหารแต่ละจานนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย เช่น ข้าวแต่ละเม็ดนั้นมาจากหยาดเหงื่อแรงงานของชาวนา และหลังจากนั้น ก็ต้องมีการผ่านกรรมวิธีหลายขั้นตอนกว่าจะออกมาเป็นข้าวที่อยู่ในจานตรงหน้าให้เรากินตอนนี้ ดังนั้น ลูกจึงต้องรู้จักตักข้าวและอาหารต่าง ๆ อย่างพอดีกับความต้องการของตนเองและไม่ติดนิสัยเป็นคนชอบกินทิ้งกินขว้าง
2. พอเพียงในเรื่องของการใช้ทรัพยากรอย่างประหยัด คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกให้รู้จักอนุรักษ์และใช้ทรัพยากรส่วนรวมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและรู้คุณค่า เช่น ถ้าต้องเดินทางในระยะใกล้ ๆ แทนที่จะนั่งรถยนต์ที่ต้องใช้น้ำมันก็อาจจะชวนลูกขี่จักรยานหรือเดินไปแทน นอกจากนี้ ควรฝึกให้ลูกติดนิสัยไม่ทิ้งขยะลงในแม่น้ำลำคลองและพื้นถนน ไม่ขีดเขียนและทำลายทรัพย์สินของตนเองและของสาธารณะ อีกทั้งเข้มงวดให้ลูกปิดก๊อกน้ำและปิดไฟที่ไม่จำเป็นทุกครั้งเพื่อเป็นการประหยัดพลังงานธรรมชาติ
3. พอเพียงในเรื่องของการใช้สิ่งของ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนลูกให้รู้จักเก็บรักษาสิ่งของเครื่องใช้ของตนเองเป็นอย่างดี อีกทั้งรู้จักใช้อย่างคุ้มค่า เหมาะสม และประหยัด ตัวอย่างที่สูงค่าในการแสดงให้เห็นถึงการใช้สิ่งของด้วยความประหยัดอย่างคุ้มค่าที่เราควรจะนำมาเป็นแบบอย่างสอนแก่เด็ก ๆ ก็คือ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ จากเรื่องและภาพเกี่ยวกับหลอดสีพระทนต์ของพระองค์ท่านที่ได้รับการตีพิมพ์กันอย่างแพร่หลาย ว่า พระองค์ท่านทรงใช้หลอดสีพระทนต์จนเกลี้ยงหลอดให้เห็นว่าหลอดเรียบคล้ายแผ่นกระดาษ นอกจากนี้ มีบันทึกว่า ในแต่ละปีนั้นพระองค์ท่านทรงเบิกใช้ดินสอเพียง 12 แท่งต่อปีเท่านั้น โดยจะทรงใช้ดินสอเดือนละ 1 แท่ง และใช้จนดินสอแท่งนั้นจนกุดใช้เขียนอีกไม่ได้แล้ว ซึ่งพระจริยวัตรของพระองค์ท่านนั้นทรงเป็นแบบอย่างที่ดีที่เราสมควรนำมาเป็นแนวทางในการสอนลูกให้ประหยัดและรู้จักความพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของพระองค์
คุณพ่อคุณแม่ที่ดีควรเป็นตัวอย่างให้กับลูกในเรื่องของการใช้ชีวิตที่พอเพียง สมถะ ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย นอกจากนี้ คุณพ่อแม่คุณแม่สามารถสอนบทเรียนกับลูกในเรื่องของพอเพียงผ่านทางนิทานและเพลง ตัวอย่าง เช่น
เพลง ความพอเพียงของพ่อ
คำร้อง/ทำนอง ดร.แพง ชินพงศ์
-ชีวิตที่พอเพียงที่พระองค์ทรงสอน
ติดอยู่ในหัวใจของชาวไทยทุกคน
พระองค์เป็นหยาดฝนที่ชโลมกายใจ
เป็นศูนย์รวมหัวใจของเราชาวไทย
-ชีวิตที่พอเพียงที่พระองค์ทรงสอน
ติดอยู่ในหัวใจของชาวไทยทุกคน
พระองค์เป็นมิ่งขวัญ
พระองค์เป็นหลักชัย
องค์พระเจ้าอยู่หัวของเราชาวไทย
(ชุดเพลงค่านิยม 12 ประการ, บริษัท แปลน ฟอร์ คิดส์ จำกัด)
“ความพอเพียง” เป็นรากฐานที่สำคัญของชีวิตที่ก่อให้เกิดความสงบสุขและการพัฒนาของสังคมและประเทศชาติทุกด้านที่เชื่อมโยงถึงกันหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านสังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมือง ดังพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ที่ทรงตรัสไว้เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2541 ว่า" ...คนเรา ถ้าพอในความต้องการ ก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อย ก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด - อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความคิดว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณ ไม่สุดโต่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข...”
พระราชดำรัสและคำสั่งสอนในเรื่องความพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ รัชกาลที่ ๙ จะเป็นหลักในการดำเนินชีวิตของประชาชนชาวไทยสืบไปตราบชั่วนิรันดร์