รองนายกฯ สั่งกรมสารนิเทศแจงขั้นตอนพระราชพิธีต่อทูตต่างประเทศ ยันประเทศไทยยังมีพระมหากษัตริย์ รับเห็นใจหน่วยงานรัฐ เอกชนที่ต้องทำปฏิทินปี 60 ล่วงหน้า ขอให้รอมติ ครม.กำหนดวันหยุดอย่างเป็นทางการก่อน เผยอยู่ในข่ายเปลี่ยนแปลง 3-4 วัน คาดคำวินิจฉัยศาล รธน.ออก 3 แนวทางใครเป็นผู้แก้ไขคำปรารภ เชื่อปมพระปรมาภิไธยใหม่ ไม่ยุ่งยากซับซ้อน
วันนี้ (19 ต.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงภายหลังประชุมร่วมกับรักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ผู้อำนวยใหญ่บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีว่า เป็นการหารือแนวทางประชาสัมพันธ์หรือการให้ข่าวตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี 10 ข้อ โดยในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศอาจจะมีเพิ่มเติม คือ กรณีสื่อต่างประเทศหรือชาวต่างประเทศไม่เข้าใจขนบธรรมเนียมประเพณีของคนไทย ไม่เข้าใจหัวจิตหัวใจของคนไทย เวลาเสนอรายการหรือเขียนข่าวอาจจะไม่ตรงต่อความเป็นจริง ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ โดยเฉพาะเมื่อมีการเอาไปเทียบกับธรรมเนียมของเขาที่พระมหากษัตริย์สวรรคตแล้วไม่เกิน 7 วันจะมีการฝังพระบรมศพ แต่ของไทยเขาไม่เข้าใจว่าจะต้องมีพระราชพิธีถวายพระเพลิง ต้องมีการสร้างพระเมรุ ซึ่งอีกยาวนาน ดังนั้น กรมสารนิเทศจะต้องไปแจ้งเพื่อให้เขารู้ขั้นตอน
รองนายกฯ กล่าวว่า โดยจะต้องแจ้งให้เขาทราบว่ามี 3 ขั้นตอน คือ 1. การขึ้นรับราชสมบัติซึ่งจะมาเป็นลำดับแรก โดยจะมีในเร็ววันนี้ 2. การถวายพระเพลิง ที่จะเกิดขึ้นอีกประมาณ 1 ปีหลังจากนี้ไป และ 3. การบรมราชาภิเษก จะเกิดขึ้นภายหลังการถวายพระเพลิงไปอีกระยะหนึ่ง โดยให้อธิบดีกรมสารนิเทศไปชี้แจงต่อทูตประเทศต่างๆ เพื่อให้ทูตไปชี้แจงต่ออีก อย่างไรก็ตาม วันนี้ขั้นตอนที่ 1 ยังไม่เกิดขึ้น เพราะรอเวลาตามพระราชปรารภของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยจะเกิดขึ้นแน่ในระยะเวลาหนึ่ง และนายกฯ ได้แจ้งแล้วว่าขอเวลาบำเพ็ญพระราชกุศลที่จะให้ประชาชนได้ถวายบังคมพระบรมศพระยะหนึ่ง ให้สมกับที่ตั้งใจและรอคอย สิ่งเหล่านี้จะมาเองในเวลาอันสมควร ดังนั้นที่ต่างประเทศไปออกข่าวกันว่าประเทศไทยไม่มีพระมหากษัตริย์นั้นไม่เป็นความจริง
นายวิษณุยังกล่าวถึงกรณีหน่วยงานรัฐและเอกชนจะต้องทำปฏิทินสำหรับปี 2560 ล่วงหน้าก่อนว่า ขอให้รอรัฐบาล และต้องขออภัยและเห็นใจหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชนที่จะต้องทำปฏิทินและไดอารีสำหรับปี 2560 ล่วงหน้า ทั้งนี้ การกำหนดวันหยุดยังต้องรอสักระยะหนึ่งเพราะจะต้องมีวันหยุดที่อยู่ในข่ายเปลี่ยนแปลงอยู่ 3-4 วัน แต่ขณะนี้ยังไม่สมควรที่จะบอกกล่าวออกไปก่อน เนื่องจากต้องรอให้เป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการ ขณะนี้ครม.จะมากำหนดวันต่างๆ ในช่วงนี้คงลำบาก รวมทั้งข้อปฏิบัติในวันที่ 5 ธ.ค.จะต้องรอสักระยะหนึ่ง
รองนายกฯ กล่าวว่า เรื่องวันหยุดไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องที่พระราชสำนักแจ้งลงมาทั้งหมด เพราะบางเรื่องรัฐบาลดำริแล้วกราบบังคมทูลขึ้นไปก็ได้ หรือบางเรื่องรัฐบาลอาจจะตัดสินใจเองก็ได้ เพราะบางวันเป็นวันหยุดราชการเป็นไปตามมติ ครม.อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าวันที่เคยเป็นวันหยุดราชการในอดีตจะเป็นต่อหรือไม่นั้นต้องรอ ครม.มีมติต่อไป วันนี้ขอให้ตั้งหลักให้ได้ก่อน อย่าเพิ่งไปถึงวันนั้นเลย
นายวิษณุกล่าวต่อถึงการส่งคำปรารภร่างรัฐธรรมนูญให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ต้องรอพระปรมาภิไธยของพระองค์ใหม่ด้วยหรือไม่ว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาตามที่รัฐบาลได้ส่งไป และทราบว่าจะมีคำวินิจฉัยในสัปดาห์หน้า รัฐบาลได้ถามไว้ 2 ข้อ คือ 1. เมื่อเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นโดยไม่ได้คาดหมายจะสามารถแก้ได้หรือไม่ 2. ใครเป็นคนแก้กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) หรือไม่ เพราะเป็นผู้ร่างมาแต่เดิม หรือให้รัฐบาลแก้ เพราะเรื่องมาถึงมือรัฐบาลแล้ว หรือจะเป็นสำนักราชเลขาธิการแก้ไข เพราะกว่าจะปรากฏความชัดเจนว่าจะแก้อย่างไรรัฐบาลคงส่งไปถึงสำนักราชเลขาธิการแล้ว จึงขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และเมื่อผลคำวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็จะปฏิบัติตาม
รองนายกฯ กล่าวว่า หากศาลรัฐธรรมนูญบอกว่าแก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องแก้ ให้ปล่อยไปไว้อย่างนั้น ถ้าศาลบอกว่าแก้ได้และระบุใครเป็นคนแก้ คนที่ศาลสั่งต้องปฏิบัติตาม ส่วนจะแก้อย่างไรมีวิธีปฏิบัติอยู่แล้ว โดยที่ไม่ได้ลำบากเพราะมีแบบอย่างมาตลอด ไม่ว่าการลงนามจะเป็นการลงนามโดยผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่ก็ตาม ซึ่งความจริงปรากฏชัดแล้วว่ามีพระราชบัณฑูรจะทรงลงพระปรมาภิไธยเอง ดังนั้น เวลาแก้ต้องแก้ไปตามนั้น ส่วนพระปรมาภิไธยจะว่าอย่างไรนั้น ไม่ยุ่งยากซับซ้อนเพราะปกติก่อนจะบรมราชาภิเษกนั้น พระปรมาภิไธยพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลก็จะไม่เปลี่ยนเท่าไหร่ คือใช้พระนามเดิม พระนามจะเปลี่ยนต่อเมื่อได้บรมราชาภิเษก ที่เราเรียกว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเกิดขึ้นหลังจากบรมราชาภิเษก เมื่อก่อนบรมราชาภิเษกนั้นพระองค์ท่านยังเป็นสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจุฬาลงกรณ์