ผู้บัญชาการเหล่าทัพประชุมครั้งแรก เผยภารกิจเร่งด่วนสนับสนุนรัฐบาลในทุกพระราชพิธี อำนวยความสะดวกชาวบ้านลงนามแสดงความอาลัยถวายฯ รวบรวมพระราชกรณียกิจรัชกาลที่ ๙ ทำสารคดี และหนังสือ ระบุติดตามพฤติกรรมพวกบิดเบือนอยู่ แต่ภาพรวมยังเรียบร้อยดี ให้กำลังพลและครอบครัวสืบสานปณิธาน ยังเดินหน้าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
วันนี้ (17 ต.ค.) ที่กองบัญชาการทหารสูงสุด เมื่อเวลา 10.00 น. พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พร้อม พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้ชายการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าร่วมประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพครั้งที่ 1/2560 โดยก่อนเริ่มการประชุมผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้แจ้งให้ที่ประชุมยืนสงบถวายอาลัยเป็นเวลา 1 นาที เพื่อน้อมเกล้าฯ ระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรภูมิพลอดุลยเดช โดยก่อนหน้านั้น ทั้งหมดได้เข้าสักการะพระพุทธรุปพุทธนวราชบพิตรชัยสิทธิมงคล ที่ชั้น 3 โดยพระพุทธรูปดังกล่าวมีฐานบัวหงายของพระพุทธรูป พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงบรรจุพระพุทธรูปพิมพ์ไว้ 1 องค์ คือ สมเด็จพระจิตรลดาพิมพ์เล็ก ทรงสร้างขึ้นโดยพระหัตถ์ ประกอบด้วยผงศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ จากพระองค์
จากนั้น พล.อ.สุรพงษ์แถลงข่าวว่า ในที่ประชุมได้ให้ความเร่งด่วนสูงสุดในการสนับสนุนคณะรัฐบาลในทุกพระราชพิธีที่บำเพ็ญพระราชกุศลอย่างสมพระเกียรติและเต็มความสามารถ เพื่อแสดงความจงรักภักดีแด่องค์จอมทัพไทย โดยได้ให้ทุกเหล่าทัพ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนที่เดินทางเข้ามาลงนามแสดงความอาลัยถวายแด่พระองค์ท่าน และถวายสักการะเบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ที่ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง พร้อมทั้งให้ทุกฝ่ายดำรงมาตรการการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่รับผิดชอบ
“ทางกองทัพให้การสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มที่ โดยรัฐบาลได้มีการตั้งศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล เราได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปร่วมประสานงาน สำหรับเจ้าหน้าที่ทหารที่ลงไว้ในพื้นที่นั้นเราส่งเข้าไปอย่างเต็มที่ซึ่งทางกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยก็ได้เข้าไปดูแลเพิ่มเติมเพราะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญทุกหน่วยให้ความสำคัญและให้การสนับสนุนได้ทุกเรื่องซึ่งก็จะมีการบริหารจัดการให้ดีขึ้นเรื่อยให้พี่น้องประชาชนได้มีความสะดวก” พล.อ.สุรพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระองค์ทรงเป็นจอมทัพไทยทางกองทัพจะมีการเทิดพระเกียรติอย่างไร พล.อ.สุรพงษ์กล่าวว่า ทางเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รวบรวมพระราชกรณียกิจสำคัญต่างๆ มาจัดทำเป็นสารคดีและหนังสือเพื่อเผยแพร่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ คงต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง ในขณะนี้ก็ได้รวบรวมไว้อยู่แล้วเพราะเป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์และอยากให้ลูกหลานได้ศึกษาในเรื่องนี้ด้วย
เมื่อถามว่า ในเรื่องความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ มีอะไรที่น่าเป็นห่วงหรือต้องลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนหรือไม่ พล.อ.สุรพงษ์กล่าวว่า ในช่วงนี้ในภาพรวม สงบเรียบร้อยดีทุกคนมีจิตใจเป็นหนึ่งเดียวเข้ามาถวายอะไรไม่น่าเป็นห่วงในเรื่องนี้ สำหรับกรณีที่มีความพยายามที่จะบิดเบือนในเรื่องต่างๆ ก็มีเพียงกลุ่มเล็กๆ ที่พยายามทำมาอยู่ระยะหนึ่งแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ได้ติดตามพฤติกรรมอยู่ซึ่งตอนนี้ไม่มีผลกระทบอะไรเพราะประชาชนส่วนใหญ่มีความจงรักภักดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณ
นอกจากนี้ พล.อ.สุรพงษ์ยังแถลงข่าวหลังการประชุมในเรื่องการส่งเสริมให้กำลังพลและครอบครัวได้ ดำเนินตามพระปณิธานในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ว่าได้ขอให้ทุกหน่วยยังคงส่งเสริมให้กำลังพลและครอบครัวสืบสานปณิธานการศึกษาน้อมนำพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสที่พระราชทานไว้ในโอกาสต่างๆ มาเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติตนในการดำรงชีวิต ตลอดจนยังคงเผยแพร่พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่มีต่อกองทัพไทย การพัฒนาประเทศ และในการดำเนินการตามโครงการพระราชดำริทุกด้านต่อไป
พล.อ.สุรพงษ์กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมยังหารือในเรื่องภารกิจของกองทัพในการพิทักษ์รักษาและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์การปกป้องประเทศและการรักษาผลประโยชน์ของชาติพัฒนาประเทศและการช่วยเหลือประชาชนพร้อมทั้งให้การสนับสนุนรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติในการปฏิรูปประเทศตามโรดแมป ถึงการสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับมิตรประเทศโดยได้เน้นย้ำให้ทุกเหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทุ่มเทการปฏิบัติงานตามภาระหน้าที่ และสนับสนุนรัฐบาลอย่างเต็มความสามารถและสืบสานพระราชปณิธานจะรักษาเอกราชอธิปไตยและความสงบเรียบร้อยภายในประเทศด้วยความรักและความสามัคคีตลอดไป
สำหรับโครงการพระราชดำริต่างๆ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ก็ยังดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะศูนย์ประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (ศปร.) และได้มีการจัดเผยแพร่หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งได้ทำมาอย่างต่อเนื่องและยังมีการขยายออกไปอีก รวมทั้งในช่วงที่ผ่านมาการปฏิบัติการเพื่อรักษาสันติภาพในประเทศติมอร์ตะวันออก และประเทศซูดาน ได้นำหลักเศรษฐกิจพอเพียงไปเผยแพร่จนเป็นที่ยอมรับของประชาชนและมีการพัฒนาที่ยั่งยืน เป็นที่กล่าวถึงในเวทีระหว่างประเทศ