xs
xsm
sm
md
lg

จุดพลุคาร์บอมป่วนกรุง ของจริงหรือภารกิจอุ้มใคร??

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวการเมือง


ป้อมพระสุเมรุ

ไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย สำหรับจังหวะที่ “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.) ออกมาเปิดเผยว่า กลุ่มผู้ไม่หวังดีเตรียมเข้ามาก่อเหตุคาร์บอมบ์ในกทม. และปริมณฑล ระหว่างวันที่ 25-30 ตุลาคม 2559

ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ข่าวคราวระเบิดหายเงียบไปนานตั้งแต่เกิดเหตุป่วนภาคใต้ตอนบนเมื่อวันที่ 11 - 12 สิงหาคม 2559 จนกระทั่งมาถูกจุดอีกครั้งในครั้งนี้

แต่เรื่องนี้ข่าวไม่ตูมตามเท่าไร ผิดแปลกจากปกติที่ข่าวคราวการลอบวางระเบิดขนาดนี้ ย่อมทำให้ประชาชนเกิดความตระหนกตกใจ เพราะจุดที่มีการเตือนคือ เมืองหลวง และโซนเศรษฐกิจ ซึ่งจะว่าไปประชาชนยังไม่หายผวานับตั้งแต่เหตุการณ์คนร้ายลอบวางระเบิดที่ศาลพระพรหม สี่แยกราชประสงค์ เมื่อปีก่อน

ส่วนหนึ่งนั่นเป็นเพราะการออกมาจุดประเด็นของ “บิ๊กปู” มันมีความพิลึกพิลั่นหลายประการให้ชวนสงสัย เริ่มตั้งแต่เหตุใดเกิดลอบวางระเบิดจึงเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ ถ้าดูไทม์ไลน์ทางการเมือง มีวันที่เป็นสัญลักษณ์เพียงวันเดียวนั่นคือ โอกาสครบรอบ 43 ปี เหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516

ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้าก็คือ โอกาส “ครบรอบ 40 ปี 6 ตุลาคม 2519” ที่ก่อนหน้านี้หลายเดือนเคยมีข่าวหลุดมาว่า “ฝ่ายต้าน” จะถือเอาวันสัญลักษณ์ดังกล่าวจัดอีเวนต์ แต่จนแล้วจนรอดเจ้าหน้าที่สามารถคอนโทรลฝ่ายเคลื่อนไหวให้อยู่ในกรอบได้

ขณะที่วันครบรอบสถาปนา “ขบวนการบีอาร์เอ็น” ในปลายเดือนตุลาคมนี้ มันผิดปกติตรงที่เหตุใดขบวนการผู้ก่อความไม่สงบจึงขยับพื้นที่มาไกลถึง กทม.และปริมณฑล เพราะที่ผ่านมาทุกครั้งที่ถึงวันครบรอบมักจะเกิดเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มากกว่า ไม่เคยออกนอกพื้นที่

อย่างที่รู้กันว่า กลุ่มความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ไม่ประสงค์จะก่อเหตุนอกพื้นที่ เพราะการกระทำดังกล่าวจะส่งผลให้ขาดความชอบธรรม มีเพียงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนเมื่อวันที่ 11 - 12 สิงหาคมเท่านั้นที่ยังคลุมเครืออยู่ทุกวันนี้ว่า สุดท้ายเป็นฝีมือของพวกเขาจริงหรือไม่ และถ้าใช่ จุดประสงค์หรือขยายพื้นที่

หรือเป็นเพียงแค่งาน “ฟรีแลนซ์” รับจ็อบเฉพาะกิจ

นี่คือ ปัจจัยที่ทำให้ประเด็นของ “บิ๊กปู” ไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร ไม่ว่าจากทั้งสื่อและจากประชาชนโดยทั่วไป ที่สำคัญ มันยังย้อนศรกลับไปที่รอง ผบ.ตร.รายนี้ว่า ต้องการอะไรกันแน่กับการจุดพลุครั้งนี้

โดยเฉพาะจังหวะเวลามันบังเอิญไปตรงกับช่วงที่รัฐบาลกำลังเผชิญมรสุม “คนใกล้ชิด” ของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กำลังสร้างภัยให้ ตั้งแต่กรณีน้องชาย “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ประเด็นมีการนำชื่อภรรยาสุดที่รัก “มาดามอู๊ด” ผ่องพรรณ จันทร์โอชา ไปตั้งชื่อฝายในจ.เชียงใหม่ จนถูกตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสม

หรือกรณีลูกชาย “บิ๊กติ๊ก” อย่าง “หนุ่มกบ” ปฐมพล จันทร์โอชา มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทที่รับงานหลายโครงการในกองทัพภาคที่ 3 ที่พ่อของตัวเองเคยเป็นอดีตแม่ทัพภาคที่ 3 จนเป็นประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน

ต่อเนื่องมาถึงเรื่องทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในโซเชียลมีเดีย กรณีคณะของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ยกพลบุกเกาะฮาวาย โดยเช่าเครื่องบินเหมาลำ มูลค่าสูงลิ่วถึง 20 ล้านบาท ที่ถูกติงว่า สูงเกินจริงหรือไม่

นอกจากนี้ ยังมีชื่อของ “หนูทิพย์” พ.ต.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข พิธีกรข่าวช่อง ททบ.5 ที่ว่ากันว่าเป็น “ผู้ใกล้ชิด” โผล่อยู่ในบัญชีผู้เดินทาง แม้จะไม่ได้ขึ้นเครื่องไปด้วยก็ตาม แต่ก็ยังมีคำถามคาใจสังคมว่า “หนูทิพย์” ไปในฐานะอะไร จะต้องเดินทางไป โดยประเด็นดังกล่าวทั้งหมดสร้างความปั่นป่วนให้กับรัฐบาลอย่างมาก ชนิดยิ่งแจงยิ่งเป็นลิงแก้แห เพราะย้อนแย้งกันเอง

แถมยังถูกตั้งคำถามถึงการตรวจสอบขององค์กรต่างๆ ว่า ไม่กล้าแตะต้องผู้มากบารมีในรัฐบาลชุดนี้ จนเกิดวลีประชดประชันว่า คนดีทำอะไรไม่เคยผิด!

ช่วงที่ผ่านมาจึงถือว่า รัฐบาล คสช. เจอมรสุมลูกใหญ่ ซึ่งต้องบอกว่า การรับมือกับประเด็นร้อนๆ แบบนี้ของรัฐบาลอ่อนหัด ไม่สามารถดิ้นหลุดข้อครหาได้ เหมือนแก้ปัญหานี้ แล้วเจอปัญหาใหม่ตลอด

ทันใดนั้น “บิ๊กปู” ก็โผล่ออกมาจุดประเด็นนี้ นั่นมันก็หนีไม่พ้นที่คนจะนินทากันว่า เจ้าตัวตั้งใจออกมาเบี่ยงกระแสเพื่อให้คนสนใจเรื่องอื่น โดยเฉพาะย่อมแลกกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจในประเทศ หลังเลือกเรื่องใหญ่อย่างระเบิดมาเป็นตัวดึงความสนใจ

แน่นอนว่า เรื่องการแจ้งเตือนหรือการข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ มีมาโดยตลอด แต่ที่ผ่านมาข้อมูลที่ได้รับจากประชาคมข่าวกรองประเทศต่างๆ มักเป็นข้อมูลที่ไม่ได้กรอง แต่ทางการไทยต้องมาตรวจสอบอีกชั้นหนึ่ง ซึ่งช่วงที่ผ่านมาในการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย (ACD SUMMIT) ครั้งที่ 2 ที่มีผู้นำต่างประเทศต่างๆ เดินทางมายังประเทศไทย มีการแจ้งเตือนจริงว่า จะมีการก่อเหตุคาร์บอมโดยรถยนต์ยี่ห้อดัง แต่เจ้าหน้าที่ก็สามารถสอดส่องดูแลความเรียบร้อยเอาไว้ได้

แต่ช่วงที่ “บิ๊กปู” ออกมานั้นมันเกิดขึ้นหลังการประชุม “ACD SUMMIT” ผ่านพ้นไปแล้ว มันจึงดูเบาหวิวมาก และส่อให้เห็นถึงเจตนาอะไรบางอย่าง

อย่าลืมว่า ข่าวประเภทนี้ที่ผ่านมาต่อให้เป็นข่าวที่กรองแล้ว แต่อย่างไรฝ่ายความมั่นคงก็จะกุมความลับ ชนิดรั่วยากเพื่อไม่ให้ประชาชนแตกตื่น เพราะมีผลต่อความเชื่อมั่นภายในประเทศ แต่ข่าวนี้รองผบ.ตร.ด้านความมั่นคง ออกมาเปิดเผยเองซะอย่างงั้น

จึงถูกมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจากภารกิจพิทักษ์ “รัฐบาล” แต่ก็แป้ก

น่าสนใจสำหรับชีวิตของ “บิ๊กปู” หลังจากนี้กับการยอมเอาตัวเข้าแลก เพราะที่ผ่านมามีข่าวมาตลอดว่า เจ้าตัวมีลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร. เสียบแทน “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ปัจจุบันเก้าอี้ง่อนแง่น อยู่ในภาวะ “เสียทรง” ค่อนข้างมาก ไม่โดดเด่นเหมือนตอนเป็นรอง ผบ.ตร.

ที่สำคัญเลย “บิ๊กปู” นี่จัดเป็นสายตรง “ตึกไทยคู่ฟ้า” อีกคนนะจ๊ะ! มีอะไรเข้าหา “บิ๊กตู่” ได้โดยตรง.
กำลังโหลดความคิดเห็น