ประธาน สนช.โต้ “วัชระ” ลั่นตั้งแต่เข้ามาตั้ง กก.สอบและลงโทษไปเป็น 10 ชี้ยุคนี้มีโกงแค่ปมขนดิน สั่งฟันแล้ว ท้าเคสไหนไม่สอบมาเล่นงานเลย แนะคนถูกลงโทษแล้วไม่พอใจมาถามทำอะไรผิด เชิญเจ้าตัวมาคุยตรงๆ พร้อม “วิลาศ” ปัดล้วงลูกโยกย้าย ติงควรสอดส่องทุจริตไม่ใช่กล่าวหากัน ขอสื่อช่วยสอบสร้างสภาใหม่ ยันไม่มีปล่อยล็อบบี้ยิสต์พรรคนั่งห้องเลขาฯ โยนตั้ง สนช.เป็นอำนาจ “ประยุทธ์” ไม่มีมาถาม รอโปรดเกล้าฯ ค่อยวิจารณ์
วันนี้ (10 ต.ค.) ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงข่าวตอบโต้กรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวหาตนไม่ปราบปรามการทุจริตอย่างจริงจังว่า ตั้งแต่ตนเข้ามาทำงานนั้นมีการตั้งกรรมการสอบสวน ลงโทษทางวินัยเป็นจำนวนนับ 10 รายซึ่งเป็นการกระทำความผิดที่ค้างมาตั้งแต่สมัยก่อน ความผิดที่เกิดขึ้นในสมัยตนมีความผิดเรื่องทุจริตขนดินที่ใช้ก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่เท่านั้น ตนก็ได้ติดตามและลงโทษข้าราชการชั้นผู้น้อยที่เกี่ยวข้องไปแล้ว และก็มีการตั้งกรรมการสอบข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในกรณีนี้ด้วย ส่วนเรื่องที่นายวัชระได้ทวงเรื่องการตรวจสอบจัดการทุจริตเรื่องต่างๆ ก็ได้ชี้แจงไปหมดแล้ว ทั้งเรื่องทุจริตสมัยก่อน เช่น เรื่องนาฬิการัฐสภา การทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ บางสอบสวนเรื่องเสร็จแล้วมีการลงโทษแล้ว บางเรื่องก็ยังอยู่ในกระบวนการสอบสวน บางเรื่องก็ไม่พบความผิด ทุกอย่างมีหลักฐานชัดเจน สามารถขอรายละเอียดได้ แล้วจะกล่าวหาว่าตนปล่อยปละละเลยได้อย่างไร
“ผมขอท้าเลยว่าถ้าใครมาทุจริตแล้วไม่มีการดำเนินการ ขอให้มาเล่นงานเลย ขอย้ำว่าเรื่องรายละเอียดขอให้มาคุยกัน ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจงทุกเรื่องออกทางสื่อมวลชน ที่ผ่านมาตั้งแต่รับราชการมา 38 ปี ผมไม่เคยถูกฟ้องจากศาลไหน หรือมีเรื่องร้องเรียนมาก่อน ให้ไปดูประวัติได้ ผมมาเป็นประธาน สนช. การเซ็นชื่อในคำสั่งต่างๆ ผ่านคณะกรรมการต่างๆ ก็ลงนามในฐานะสูงสุด ถ้าหากมีปัญหาเขาก็ฟ้องผม” นายพรเพชรกล่าว
นายพรเพชรกล่าวต่อว่า ส่วนที่นายวัชระกล่าวหาว่าตนไร้ธรรมาภิบาลในการดูแลปกครองข้าราชการรัฐสภาไม่ได้รับความเป็นธรรมเหมือนในอดีต ขอถามว่าตนไปทำอะไร ตนมาใหม่ ไม่ได้รู้จักใคร ไม่มีจิตใจที่จะไปทำร้ายใคร ตนพอจะเข้าใจว่าถึงที่มาของข้อกล่าวหานี้ว่าน่าจะมาจาก ตนไปลงโทษตามรายงานคำสั่ง การสอบสวนของหน่วยงานต่างๆ คนที่ถูกลงโทษก็ไม่พอใจตน ดังนั้นก็ขอให้คนเหล่านี้ไปอุทธรณ์ตามขั้นตอนต่อไปดีกว่า เพราะฉะนั้นถ้าข้องใจว่าคนที่ถูกลงโทษทำผิดอะไร ก็มาคุยกันดีกว่า
“ขอย้ำว่าผมเป็นสุภาพบุรุษ ไม่เอาความไม่ดีของคนอื่นเอามาพูดผ่านสื่อ บอกได้เลยว่าพวกที่ร้องเรียนไม่ว่านายวัชระ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.ให้มาคุยกับผมตรงๆ เลยจะได้ชี้แจง แต่ไม่ใช่มากล่าวหาแบบนี้ ย้ำว่าไม่มีเรื่องไร้ธรรมาภิบาล และที่กล่าวหาเรื่องความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้ง โยกย้ายข้าราชการในรัฐสภา ขอเรียนว่าที่ผ่านมาผมไปยุ่งเกี่ยวน้อยที่สุดเพราะมีกระบวนการที่จะดำเนินการ มีการประเมินคัดเลือก ไม่มีทางที่ประธาน สนช.จะไปล้วงลูกได้ กระทรวงอื่นๆ นั้นรัฐมนตรีมีสิทธิจะตั้งเลขาธิการได้เลย และไม่ต้องตั้งกรรมการสรรหา แต่ที่รัฐสภาผมก็ดูรายงานโดยยึดหลักอาวุโสในการแต่งตั้งข้าราชการตลอด ที่ผ่านมาผมไม่รู้ว่าธรรมมาภิบาลเป็นอย่างไร แต่ว่าในอดีตนั้นการแต่งตั้งเลขาธิการรัฐสภา ประธานสภาสามารถแต่งตั้งได้เลย แต่กฎหมายกฎหมายที่ออกมาใหม่และบังคับใช้ในสมัยผมนั้นก็ระบุว่าการแต่งตั้งจะต้องมีคณะกรรมการสรรหาก่อน” นายพรเพชรกล่าว
นายพรเพชรกล่าวว่า ส่วนข้อกล่าวหาว่าตนไม่มีธรรมาภิบาล กล่าวหาว่ามักแต่งตั้งคนของนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย อดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ทั้งที่รู้ว่าขณะนี้นายสุวิจักขณ์ถูกสอบอยู่หลายเรื่อง ขอเรียนว่าถ้าอยู่สภาแล้วมามองว่าคนนี้เป็นคนของใคร ตนก็คงอยู่ไม่ได้ คงรับราชการมาจนถึงตรงนี้ไม่ได้ ตนดูที่การทำงานของบุคคลเป็นหลัก ก็อยากเรียนนายวัชระในฐานะกัลยาณมิตรว่าไม่ควรมากล่าวหากันแบบนี้ แต่ควรมาช่วยกันสอดส่องและปราบปรามการทุจริตจะดีกว่า
ส่วนเรื่องล็อบบี้ยิสต์ที่มานั่งในห้องเลขาธิการรัฐสภาเป็นผู้ประสานประโยชน์การก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ให้แก่ สนช.ผู้อาวุโสบางคนนั้น นายพรเพชรกล่าวว่า ขอเรียนว่าใครที่ได้ประโยชน์จากการทุจริตก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ในสมัยที่ตนเป็นประธาน สนช.จะต้องโดนจัดการหมด และตนไม่มีวันที่จะหาผลประโยชน์จากกรณีสร้างรัฐสภาใหม่อย่างแน่นอน ขอให้สื่อมวลชนช่วยตรวจสอบหากพบความไม่โปร่งใสในการก่อสร้างรัฐสภาด้วย ตนต้องจัดการ ตนสั่งไว้ชัดเจนว่าผู้ที่รับเหมาในการก่อสร้างรัฐสภานั้นไม่ต้องมาพบ หากมีอะไรก็ให้ส่งหนังสือทำตามขั้นตอนราชการ และในวันปีใหม่ก็ต้องมีกระเช้ามาให้ด้วย ตนรู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีคนจับจ้อง จ้องมองอยู่ หรือที่หาว่าตนปล่อยปละละเลยให้ล็อบบี้ยิสต์ของพรรคการเมืองไปให้ห้องเลขาธิการรัฐสภาติดต่อธุรกิจ เห็นเรื่องนี้ก็เป็นข่าวมีการพูดถึงกัน เรื่องนี้ตนจะไปรู้ได้อย่างไรเพราะพบปะกับผู้คนในสภาเยอะแยะ เวลาเจอกันก็ไม่ได้ว่าใครเป็นใคร ดังนั้นเรื่องนี้ต้องให้เลขาธิการรัฐสภาเป็นผู้ชี้แจง ซึ่งเลขาธิการรัฐสภาก็ได้ชี้แจงมาแล้วสรุปว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีล็อบบี้ยิสต์อย่างที่ว่ากัน
“ที่หาว่าผมเอาแต่ตั้งก๊วนร้องเพลงยามค่ำ ทุกวันนี้ตกเย็นค่ำผมไปงานแทบทุกวัน ไปงานศพ งานมงคลสมรส งานของเอกอัครราชทูต งานเลี้ยงต่างๆ สัปดาห์ที่ผ่านมา บางวันก็มี 2 งาน ต้องกลับถึงบ้าน 3-4 ทุ่มแทบทุกวัน คนในวัยอย่างผมนั้นจะมีงานประเภทนี้ค่อนข้างมาก เป็นการพูดที่แรงมาก ขอเรียนว่าไม่มีแต่อย่างใด การไปร้องเพลงนั้นก็ไปในโอกาสที่สมควร เมื่อมีงานในหมู่เพื่อนฝูง อาทิ ระหว่างเพื่อนฝูงในกลุ่ม วปอ. เพื่อนร่วมเรียนหนังสือด้วยกันมา หรือแม้แต่สื่อมวลชนที่เชิญมาผมก็ไป หลังจากถึงบ้านผมก็นอนและก็ตื่นตี 5 เพื่อมาออกกำลังกายและก็มาทำงานที่รัฐสภา นี่ก็คือกิจวัตรประจำวันของผมในฐานะประธาน สนช. ภารกิจของผมมากตั้งแต่เช้าจดเย็น ที่ผ่านมาผมต้องมีคนขับรถถึง 2 คน แต่ตอนนี้ลาออกไป 1 คน ก็ลำบากเพราะบางครั้งต้องขับรถเอง จริงๆ ผมไม่จำเป็นต้องชี้แจงเรื่องส่วนตัวเหล่านี้เลย แต่ในเมื่อนายวัชระใช้ถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาผม ผมก็จำเป็นต้องชี้แจง วันนี้ผมพูดมากหน่อยเพราะคุณวัชระไม่เป็นธรรมกับผม พูดอย่างเลื่อนลอย มาพูดกับผมตรงไปตรงมาถ้าข้องใจใคร ผมไม่ให้ความเป็นธรรมกับใคร คนนั้นเป็นคนที่รักของคุณวัชระหรือ ผมจะได้อธิบายให้ฟัง” นายพรเพชรกล่าว
เมื่อถามต่อกรณีที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาวิจารณ์ว่าสมาชิก สนช.ที่ถูกแต่งตั้งใหม่ไม่มีความเหมาะสมกับงาน นายพรเพชรกล่าวว่า ตนไม่ทราบเพราะไม่ได้อยู่ในกระบวนการ แต่เห็นเอกสารนั้นซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จไม่ สามารถยืนยันได้ เป็นเอกสารที่เตรียมการเสนอโปรดเกล้าฯ มีรายชื่อเป็นเอกสารที่ทำขึ้นหรือเปลี่ยนแปลง ตนไม่ทราบว่าจริงเท็จแค่ไหน
นายพรเพชรกล่าวว่า นี่เป็นการให้ความเห็นบนสมมติฐาน ไม่ทราบว่ารายชื่อจริงหรือไม่ อำนาจในการเสนอชื่อสมาชิก สนช.ใหม่อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มีสิทธิเด็ดขาดก็สามารถเสนอชื่อบุคคลที่เห็นว่าเหมาะสม เกี่ยวกับการปฏิบัติงานของ สนช.และสอดคล้องกับยุทธศาสตร์และแผนการปฏิรูปของท่านด้วย
เมื่อถามต่อหัวหน้า คสช.ได้มีการมาปรึกษาเรื่องรายชื่อ สนช.หรือไม่ นายพรเพชรกล่าวว่า ไม่มีการสอบถามมา ไม่จำเป็นต้องปรึกษา ไม่มีการปรึกษารายชื่อเป็นรายบุคคล ก็รอดูว่าเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้ว ก็ค่อยมาวิพากษ์วิจารณ์สอบถามได้ เพราะขณะนี้เป็นเพียงรายชื่อที่อยู่ บนสมมติฐานเท่านั้น