xs
xsm
sm
md
lg

มช.แถลงยืนยันการสรรหาอธิการบดีถูกต้องโปร่งใสทุกขั้นตอน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แถลงกรณีมีผู้ร้องเรียนนายกรัฐมนตรีกล่าวหาการสรรหาอธิการบดีอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยืนยันกระบวนการถูกต้องโปร่งใสทุกขั้นตอนและเป็นไปตามกฎหมาย ชี้กรณีปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเนื่องมาจากการความเข้าใจและข้อมูลที่คลาดเคลื่อน เชื่อว่าไม่ได้มาจากความขัดแย้งภายใน

จากกรณีที่รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ จอมจันทร์ยอง อดีตรองอธิการบดี ฝ่ายวิจัยและบริการวิชาการและอดีตคณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งอธิการบดี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ร้องเรียนต่อนายกรัฐมนตรี, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ,ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา กรณีการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่มีมติด้วยเสียงข้างมากให้เสนอชื่อ ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์นิเวศน์ นันทจิต อธิการบดีปัจจุบันที่จะครบวาระในวันที่ 9 พ.ย. 59 เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสืบต่อไปอีกวาระหนึ่ง ว่าอาจจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งในเรื่องคุณสมบัติ,การเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 59 ของรักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และการลงมติของคณะกรรมการมหาวิทยาลัยในการคัดเลือกผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 59

วันนี้ (23 ก.ย. 59) ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ศุภชัย เชื้อรัตนพงษ์ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) พร้อมด้วยรองศาสตราจารย์ธีรภัทร วรรณฤมล ปฏิบัติการแทนอธิการบดีในงานฝ่ายสื่อสารองค์กรและนักศึกษาเก่าสัมพันธ์ มช.,อาจารย์ไพสิฐ พาณิชย์กุล ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารงานทั่วไปและกฎหมาย มช. และรองศาสตราจารย์ประเสริฐ ฤกษ์เกรียงไกร อุปนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกันชี้แถลงชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยยืนยันว่ากระบวนการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดังกล่าวถูกต้องตามกฎหมายและโปร่งใส ขณะที่ข้อมูลที่มีการนำไปร้องเรียนนั้น มีความคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ทั้งนี้ในประเด็นคุณสมบัติของผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีนั้น แม้ข้อบังคับมหาวิทยาลัย จะมีการกำหนดว่าห้ามเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองหรือกลุ่มการเมืองท้องถิ่น

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์นิเวศน์ ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 57 แต่ในบทบัญญัติมาตรา 41 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 บัญญัติว่า “ในกรณีที่มีบทบัญญัติของกฎหมายใดกำหนดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งทางการเมือง มิให้นำบทบัญญัติแห่งกฎหมายนั้นมาใช้บังคับแก่ผู้ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ดำรงตำแหน่งในคณะรักษาความสงบแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ กรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ ข้าราชการการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมืองตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการรัฐสภา”

ดังนั้น ศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์นิเวศน์จึงมีคุณสมบัติถูกต้องในการเป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดี ประเด็นนี้ทางคณะกรรมการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีผู้เชี่ยวชาญกฎหมายร่วมอยู่ด้วย ได้มีการพิจารณาอย่างละเอียดแล้วด้วย

ขณะที่กรณีการเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของรองศาสตราจารย์นายแพทย์สมศักดิ์ เชาว์วิศิษฐ์เสรี รักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะกรรมการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 59 นั้น รองศาสตราจารย์นายแพทย์สมศักดิ์ ครบวาระในวันที่ 29 มิ.ย. 59 และรักษาการในตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. 59 ระหว่างที่มีการจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ชุดใหม่ ซึ่งได้รับแจ้งประกาศจดทะเบียนแต่งตั้งคณะกรรมการสมาคมฯ จากอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 25 ก.ค. 59 และทางสมาคมฯ ได้ส่งหนังสือลงวันที่ 26 ก.ค. 59 ถึงสำนักงานสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แจ้งเปลี่ยนชื่อนายกสมาคมฯ เป็นนายซวง ชัยสุโรจน์ เพื่อเข้าร่วมประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ในครั้งต่อไป ดังนั้นในการเข้าร่วมประชุม สภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ของรองศาสตราจารย์นายแพทย์สมศักดิ์ ในวันที่ 23 ก.ค. 59 จึงเป็นในฐานะรักษาการในตำแหน่งนายกสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถูกต้องตามข้อบังคับของสมาคมนักศึกษาเก่ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่

ส่วนกรณีประเด็นการลงมติของที่ประชุมสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 59 ซึ่งมีการตั้งประเด็นเกี่ยวกับความโปร่งใสนั้น ยืนยันว่าเป็นการประชุมและดำเนินการตามข้อบังคับมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ว่าด้วยการประชุมและวิธีการดำเนินงานของสภามหาวิทยาลัย พ.ศ. 2551 โดยที่ประชุมสภาฯ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 59 ได้มีการพิจารณาชื่อผู้สมควรดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัย ที่ทางคณะกรรมการสรรหาเสนอเข้าสู่การพิจารณาจำนวน 2 ชื่อ และลงมติโดยวิธีลับที่เป็นไปตามข้อบังคับ

ขณะที่กรณีที่มีการกล่าวหาว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่าเจ้าหน้าที่มีการเปลี่ยนบัตรลงคะแนนหรือมีการเปิดดูบัตรนั้น เป็นการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต อย่างไร้จรรยาบรรณ ซึ่งกรรมการสภาฯ ที่ร่วมประชุมอยู่สามารถเป็นพยานได้ว่าไม่มีการกระทำดังกล่าว โดยการนับคะแนนและการรวมคะแนน ประธานที่ประชุมได้มอบหมายให้กรรมการสภาฯ จำนวน 3 คน เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อความโปร่งใสและป้องกันข้อครหา

ทั้งนี้ รองอธิการบดีฝ่ายกิจการสภามหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) กล่าวยืนยันว่ากระบวนการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ดังกล่าวมีความโปร่งใสและถูกต้องทุกขั้นตอน รวมทั้งชอบด้วยกฎหมายอย่างแน่นอน โดยกรณีที่มีการร้องเรียนอาจจะเนื่องมาจากความเข้าใจหรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งจากข้อมูลที่พบว่ามีการเผยแพร่ในสื่อมีหลายข้อที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง ยกตัวอย่างเช่น การระบุว่ามีถึง 23 หน่วยงานของมหาวิทยาลัย ที่เสนอชื่อ รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดนั้น ในความเป็นจริงมีจำนวนน้อยกว่านั้น และชื่อของรองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ ไม่ใช่ชื่อที่ได้รับการเสนอมากที่สุด เป็นต้น

โดยผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเข้ารับการสรรหาเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่นั้นมีทั้งสิ้น 21 รายชื่อ โดยมี 2 รายชื่อ ที่ตรงกับผู้ที่สมัคร คือ รองศาสตราจารย์ ดร.สมเกียรติ และศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์นิเวศน์ ส่วนอีก 19 รายชื่อ ทางคณะกรรมการสรรหาได้ทำการทาบทามตามขั้นตอนแล้ว แต่ได้รับการปฏิเสธเป็นรายลักษณ์อักษร และมีเหลือเพียง 2 รายชื่อที่ทำการพิจารณาตามขั้นตอนกระบวนการจนแล้วเสร็จ

นอกจากนี้ ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์ศุภชัยระบุด้วยว่า ก่อนหน้านี้มีสถาบัน 2 แห่ง ที่มีประเด็นพิจารณาเช่นเดียวกันกับศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์นิเวศน์ กล่าวคือ เป็นอธิการบดี และเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่ได้รับการสรรหาให้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีเป็นวาระที่ 2 ซึ่งได้รับการโปรดเกล้าฯ ไปแล้ว

ทั้งนี้ ทางสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ทำรายงานผลการสรรหาอธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ให้กับคณะกรรมการการอุดมศึกษาแล้วตั้งแต่เดือน ส.ค. 59 ที่ผ่านมา และจนถึงเวลานี้ไม่ปรากฏว่ามีการท้วงติงหรือตั้งข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับกระบวนการสรรหาดังกล่าว โดยกรณีการร้องเรียนที่เกิดขึ้น เชื่อว่าไม่ได้เป็นเพราะความขัดแย้งภายในมหาวิทยาลัย แต่อาจเป็นเพียงความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนซึ่งน่าจะสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกันได้



กำลังโหลดความคิดเห็น