อดีต ส.ส.กทม.ประชาธิปัตย์ โวยผู้ว่าการการประปาส่วนภูมิภาค ฟังแต่ข้อมูลเท็จ จี้ลงพื้นที่ ตั้งกรรมการสอบ ไม่ใช่รอแต่รายงาน สับพายเรือให้โจรนั่ง ขู่ยื่น ป.ป.ช.ฟัน แปลกนัดสอบวินัยที่ร้านอาหาร แฉมีหลายโครงการอมค่าซองประมูล ปูดบางโครงการประมูลได้งบแต่ไม่มีพื้นที่ให้สร้าง แย้มยื่นอีกสัปดาห์ละ 2 เรื่อง
วันนี้ (9 ต.ค.) นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนออกมาแถลงเรื่องการทุจริตของการประปาส่วนภูมิภาคบ่อยและหลายครั้งมาก เพราะไม่เคยเห็นองค์กรใดที่มีพฤติการณ์ส่อการทุจริตอย่างบ้าเลือดสวนทางกับนโยบายรัฐบาล คสช. ที่เน้น การปราบปราบการทุจริตคอร์รัปชัน มิหนำซ้ำยังมีพฤติกรรมที่ทำผิดกฎหมายมากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้ว่าการประปาฯ คนใหม่ คือนายเสรี ศุภราทิตย์ ซึ่งเป็นนักวิชาการ มีความซื่อสัตย์ โดยตนก็ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตในองค์กร แต่ขณะนี้ตนก็ไม่มั่นใจว่าคุณสมบัติเหล่านั้นจะเป็นประโยชน์ต่อองค์กรได้อย่างไร เพราะนายเสรีฟังแต่ข้อมูลที่เป็นเท็จซึ่งเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ทั้งๆ ที่ตนได้ออกมาเรียกร้องให้ช่วยกันรักษาองค์กร ไม่ได้เป็นกล่าวหา แต่ก็มีเจ้าหน้าที่พัศดุรายหนึ่ง เที่ยวไปให้ข้อมูลว่าอย่าส่งข้อมูลภายในให้กับตน หรือคนภายนอก ซึงเรื่องนี้ นายเสรีจะต้องจัดการกับคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ โดยตนก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ และไม่ได้ทำให้มีเงินเดือนเพิ่ม หากแต่เป็นเรื่องที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติและส่วนรวม นายเสรีเป็นเหมือนคนซื่อ และเชื่อคนง่าย เห็นได้จาก กรณีล่าสุดเรื่องกรณีที่การประปาภูมิภาคจำนวน 234 แห่ง ได้เปลี่ยนมาตรวัดน้ำใหม่ และนำของเก่ากลับมา โดยการนำแกนทองเหลืองในมาตรเก่าไปขายเกือบทุกสาขา แต่นายเสรีกลับออกมาแถลงว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ตนก็ชวนออกทีวีแถลงร่วมกันเพื่อให้ข้อมูลไม่คลาดเคลื่อน แต่นายเสรีก็ปฏิเสธ
นายวิลาศกล่าวต่อว่า การทำงานของนายเสรีจะต้องลงพื้นที่ไปดูและตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ไม่ใช่รอแต่การรายงานซึ่งรายงานที่ได้ก็เป็นเท็จ ตลอดเวลา 4 เดือนที่ผ่านมาตนได้ออกมาเรียกร้องให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จะกลายเป็นว่านายเสรีพายเรือให้โจรนั่งได้ ซึ่งท่านเคยระบุว่าหากมีความผิดชัดเจนจึงจะลงโทษ แต่เรื่องที่ตนแถลงมานั้นไม่ใช่ความผิดหรืออย่างไร เรื่องนี้นายเสรีจะต้องมีคำตอบ ไม่เช่นนั้นตนจะยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งนี้ยังมีข้อสังเกตอีกว่า คณะกรรมการที่ท่านตั้งให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงนั้น เป็นเรื่องที่แปลกมีที่ไหนกรรมการสอบวินัยจะไป สอบกันที่ร้านอาหารนอกเวลาราชการ
นายวิลาศกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนแถลงแต่เรื่องทุจริตที่เกิดขึ้นก่อนนานเสร็จจะรับตำแหน่ง แต่วันนี้ตนจะกล่าวถึงการทุจริตที่เกิดขึ้นในวันที่นายเสรีรับตำแหน่งแล้ว คือ โครงการวางท่อส่งน้ำประปาจากอ่างเก็บน้ำคลองประพุทธ ไปยังหน่วยบริการทรายขาว จ.จันทบุรี มูลค่าโครงการ 20 ล้านบาท โดยขายซองประมูลในราคา 24,100 บาท มีผู้ยื่นซอง 13 ราย ซึ่งมีการปล่อยข่าวว่าจะยกเลิกโมบายแพลน หรือแผนการประปาเคลื่อนที่ แต่มีเจ้าหน้าที่พูดกับผู้ยื่นซองว่า ให้ดูรายละเอียดให้ดีว่าโครงการโมบายแพลนจะแปลงสัญชาติ โดยท้ายที่สุดก็เป็นการล็อคสเปคให้กิจการร่วมค้ารายหนึ่ง ที่มีอดีตรองผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ คนปัจจุบันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตั้งบริษัทดังกล่าว แต่พอมีการรายงานข่าวนี้ออกไป ก่อนถึงวันเคาะราคา การประปาฯ ก็ได้แจ้งยกเลิกการประมูลดังกล่าว โดยอ้างว่าจะปรับทีโออาร์ใหม่ ดังนั้น นายเสรีจะปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นกับเรื่องนี้ไม่ได้ เพราะท่านมารับตำแหน่งแล้ว จะต้องหาคนกระทำผิด และถ้าสอบแล้วพบว่าตัวผู้ว่าฯ มีส่วนเกี่ยวข้องก็ต้องเล่นตัวเองด้วย และต้องรีบคืนเงินขายซองประมูลให้แก่ผู้ซื้อโดยเร็ว อย่านำเงินดังกล่าวไปแก้ปัญหาสภาพคล่อง เพราะมีหลายโครงการที่ยังอมไว้ไม่คืนค่าซองให้โดยที่ไม่มีการประมูล
นอกจากนี้ นายวิลาศยังได้กล่าวถึงโครงการวางท่อปรับปรุงระบบประปาสาขาจันทบุรี โดยมีการประกวดราคา เซ็นสัญญาว่าจ้างเรียบร้อย แต่กลับไม่มีสถานที่ให้ดำเนินการ ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ของบจากรัฐบาลหลายครั้ง รวมกว่า 700 ล้านบาท โครงการนี้ก็สร้างไม่ได้เพราะชาวบ้านคัดค้าน และกรมชลประทาน ผู้บริหารท้องถิ่นก็ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ในการสร้าง ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าโครงการนี้ก่อนเริ่มโครงการได้มีการเสนอพื้นที่ 30 ไร่ ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำซึ่งสามารถใช้ฟรีได้ไม่ต้องซื้อ แต่การประปาฯ กลับไปซื้อที่ 10 ไร่ ห่างไกลต้องวางท่ออ้อมกว่าจะถึงแหล่งน้ำ ตนก็สงสัยว่าเป็นเพราะอะไรถึงทำเช่นนี้ หรือมีผลประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีโครงการที่มีลักษณะคล้ายๆ กันคือไม่มีพื้นที่ให้ผู้รับเหมาดำเนินการ และชาวบ้านประท้วง วางท่อประปาขนาด 500 มล. ยาว 8,000 เมตร เป็นโครงการสูบน้ำจากคลองชลประทาน ไปยังสถานีผลิตน้ำบ้านนายาง จ.เพชรบุรี โดยโครงการนี้เสร็จเมื่อ 16 ส.ค. 58 โดยขณะดำเนินการผู้รับเหมาได้ส่งจดหมายทวงถามถึงการส่งมอบพื้นที่ 40 ครั้ง แต่ทางการประปาก็ส่งหนังสือเตือนให้ผู้รับเหมาเข้าดำเนินการ ซึ่งเรื่องนี้ผู้ที่เกี่ยวข้องจะต้องรับผิดชอบ ตนกำลังหาข้อมูลเพื่อเอาผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตาม ป.วิอาญา ม.157 เพื่อให้เป็นตัวอย่าง
ทั้งนี้ ตนจะไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. และ สตง.เพื่อสอบการปฏิบัติหน้าที่ของการประปาส่วนภูมิภาค สัปดาห์ละ 2 เรื่อง โดยขณะนี้ผ่านไปแล้ว 8 เรื่อง และคาดว่าน่าจะเกิน 30 เรื่อง เนื่องจากตอนนี้มีข้อมูลมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ และในครั้งต่อไปคงจะนำเรื่องการทุจริต จ.อุดรธานี และ จ.สตูล