ป.ป.ช.มีมติเอกฉันท์ ยกคำร้อง “สุกำพล” ตั้งกรรมการปลด “อภิสิทธิ์” ออกจากราชการโดยมิชอบ ระบุทำตามกฎหมายแล้ว
นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.เปิดเผยว่า ตามที่มีการกล่าวหา พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการกรณีบรรจุเข้ารับราชการ การขึ้นทะเบียนกองประจำการ และแต่งตั้งยศทหารของ ร.ต.อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และมีคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ออกจากราชการโดยมิชอบ รวมทั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการได้สอบสวนกรณีการบรรจุเข้ารับราชการ การขึ้นทะเบียนกองประจำการ และแต่งตั้งยศทหารของ ร.ต.อภิสิทธิ์ โดยมิชอบ
นายสรรเสริญกล่าวว่า จากการไต่สวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า ช่วงก่อนที่ พล.อ.อ.สุกำพลจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม ได้มีผู้ร้องเรียนเพื่อขอให้ถอดยศของนายอภิสิทธิ์ และเรียกคืนเงินเดือนและเบี้ยหวัด ต่อมาเมื่อ พล.อ.อ.สุกำพลเข้ามาดำรงตำแหน่งแล้วจึงแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น ซึ่งได้ข้อสรุปว่าเอกสารต้นขั้วใบสำคัญ (แบบ สด.9) ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 แบบ สด.1 และแบบ สด.27 ฉบับจริง ทั้ง 3 ฉบับมีข้อความถูกต้องตรงกันว่านายอภิสิทธิ์เข้าบัญชีทหารกองเกินเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 แต่ในการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการได้ใช้เอกสารใบสำคัญ (แบบ สด.9) (แทนฉบับที่ชำรุดสูญหาย) ลงวันที่ 8 เมษายน 2531 ไม่ใช่ฉบับลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2529 ในการขึ้นทะเบียน จึงเป็นการไม่ถูกต้อง ทำให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ เพื่อดำเนินการต่อไป
นายสรรเสริญกล่าวว่า การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการดังกล่าวได้มีการหารือข้อกฎหมายไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ได้ดำเนินการไปตามขั้นตอนการปฏิบัติราชการและผ่านสายการบังคับบัญชาตามปกติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 5, มาตรา 9 แห่ง พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม 2551 การแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการดังกล่าวจึงเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย คณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ เป็นไปตามกรอบอำนาจหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายตามคำสั่งแต่งตั้ง โดยมีการตรวจสอบยืนยันความถูกต้องของเอกสาร มีการนำความเห็นของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาประกอบการพิจารณา มีการพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีการให้สิทธินายอภิสิทธิ์ได้เข้าชี้แจงข้อมูลต่อคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ หากไม่สามารถมาให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ ได้ก็สามารถยื่นเป็นเอกสารหลักฐานได้ และไม่มีการคัดค้านบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ แต่อย่างใด ซึ่งไม่ปรากฏพฤติการณ์ว่าได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานมาโดยไม่ชอบแต่อย่างใด
“ขณะนั้นนายอภิสิทธิ์ยังเป็นนายทหารนอกราชการ สังกัดจังหวัดทหารบกกรุงเทพ ตามคำสั่งกระทรวงกลาโหม จึงเป็นนายทหารประเภทที่ 5 ตามข้อบังคับทหารฯ และสามารถถูกดำเนินการทางวินัยและถูกปลดออกจากราชการได้ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยทหาร พ.ศ. 2476 มาตรา 5 และตามข้อบังคับกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อน และลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ. 2502 ข้อ 4 (2) ซึ่งผลการสอบสวนของคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการฯ ปรากฏว่านายอภิสิทธิ์ได้กระทำผิดวินัยทหารร้ายแรงขณะอยู่ในราชการ จึงเสนอให้สมควรปลดออกจากราชการ และในการเสนอคำสั่งปลดออกจากราชการก็เป็นไปตามขั้นตอนโดยผ่านผู้บังคับบัญชาตามสายงานปกติ ประกอบกับศาลแพ่งได้มีคำพิพากษาแล้วว่าคำสั่งที่ให้ปลดออกจากราชการเป็นคำสั่งโดยชอบแล้ว” นายสรรเสริญกล่าว
นายสรรเสริญกล่าวว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่ พล.อ.อ.สุกำพลแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการสอบสวน และการมีคำสั่งปลดนายอภิสิทธิ์ออกจากราชการ เป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ข้อกล่าวหาตกไป