นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะลงพื้นที่ อ.เสนา พระนครศรีอยุธยา ด้านจังหวัดชงแนวทางจัดการน้ำให้ทำนาแค่ปีละ 2 ครั้ง เว้นฤดูฝนให้ผันน้ำเข้านาน ขณะที่นายกฯ ลั่นทำให้ทุกคนมีรายได้ ชูพยายามฟื้นฟูทุกอย่าง ใจเย็นๆ กำลังแก้หนี้สิน ระบุทุกจังหวัดคือเมืองหลวง บ่นภาพนุ่งกระโจมอกทำต่างชาติมองด้อยพัฒนา แนะเกษตรกรลงทะเบียนไม่ต้องกลัวล้วงความลับ หวังปฏิรูปสร้างห่วงโซ่ใหม่ กล่อมต้องเสียสละเพื่อรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ ขอให้อดทนเหมือนตน ขู่ใครพูดโกหกในวัดไม่ตายดี ก่อนลงเรือมอบถุงยังชีพ
วันนี้ (5 ต.ค.) ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเวลา 12.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยที่วัดโบสถ์ (ล่าง) อ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยมีนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ มภท.1 นายสุจินต์ ไชยชุมศักดิ์ ผู้ว่าฯ จ.พระนครศรีอยุธยา และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยให้การต้อนรับ พร้อมฟังบรรยายสรุปสถานการณ์อุทกภัย โดยหลังจากกรมชลประทาน ระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา และเขื่อนพระราม 6 ตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา มีบ้านเรือนราษฎรใน 7 อำเภอ 22,075 ครัวเรือน วัด 24 แห่ง มัสยิด 3 แห่ง โรงเรียน 15 แห่ง และสถานีอนามัย 4 แห่งได้รับผลกระทบ โดยทุกหน่วยงานได้บูรณาการให้ความช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในเบื้องต้นแล้ว สำหรับพื้นที่ระบายน้ำใน จ.พระนครศรีอยุธยา เพื่อใช้ในการเกษตรและรักษาระบบนิเวศ มี 4 แห่ง ประกอบด้วย ทุ่งป่าโมก ทุ่งผักไห่ ทุ่งบางบาล และ ทุ่งเจ้าเจ็ด รวมเป็นจำนวน 627,450ไร่ สามารถเก็บน้ำได้ 1,150 ล้านลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ทางจังหวัดยังได้เสนอแนวทางในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน โดยจะให้ชาวนาในพื้นที่ทำนาปีละ 2 ครั้ง ในช่วงว่างหลังเก็บเกี่ยวซึ่งตรงกับฤดูฝน เกษตรกรต้องยินยอมให้ผันน้ำเข้าพื้นที่นาเพื่อใช้ในการเพาะปลูกในฤดูกาลถัดไป โดยจะต้องประกาศทางราชการให้เกษตรกร ชลประทาน กรมส่งเสริมการเกษตร และอำเภอทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันว่าจะต้องปฏิบัติตามแนวทางดังกล่าวเพื่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในการบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอให้รู้ว่าการมาครั้งนี้มาด้วยใจ และไม่ว่าจะมาหรือไม่ มาขอให้รู้ว่าใจของอยู่ตรงนี้ อยู่ที่คนยากจน ผู้มีรายได้น้อย และวันนี้ขอมาชี้แจงเรื่องที่ต้องเข้ามาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี เพราะมองเห็นทุกๆ คนตั้งแต่เด็ก จนถึงวันนี้หลายคนยังมีรายได้ไม่เพียงพอ ทั้งนี้จะต้องทำให้ทุกคนมีรายได้ โดยต้องรู้ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความสมดุลทุกภาคส่วน ที่ยังประสบปัญหาอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่ความผิดของประชาชน ผิดที่คนมาเป็นนายกฯ ก่อนหน้านี้ ผิดในการบริหารบ้านเมืองไม่สำเร็จ โดยเราจะต้องเร่งสร้างการรับรู้ การแก้ไขปัญหา วันนี้โลกได้เชื่อมโยงกันหมดแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจโลกก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่ 4 หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาโดยภาพรวมได้ ประชาชนไม่มีส่วนร่วม นั่นจะเป็นบ่อเกิดแห่งความขัดแย้ง ทุกคนมีสิทธิ์คิดและพูด ตนไม่เคยปิดกั้น แต่อยากให้คิดในระยะยาว อย่าคิดเพียงสั้นๆ อย่ามองแค่ตัวเองหรือพวกพ้อง มิเช่นนั้นปัญหาจะเป็นอยู่แบบนี้ตลอดไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลนี้พยายามฟื้นฟูทุกอย่างพัฒนาในทุกด้าน ทั้งการปฏิรูปประเทศ การเมือง การบริหารจัดการน้ำ การปลูกป่า การทวงคืนที่ดินที่มีการบุกรุก เพื่อทำให้ทุกคนได้รับผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมกัน ด้วยเหตุนี้ตนถึงได้เข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องความมั่นคงของประเทศ ภัยร้ายแรงจากการก่อการร้ายระหว่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป สิ่งที่ทำในหลายๆ อย่างที่ผ่านมาในสายตาต่างประเทศถือว่าดีขึ้น เป็นที่ยอมรับ และปัญหาการทุจริตก็ถูกจัดลำดับดีขึ้นในรัฐบาลนี้ แต่ไม่ใช่ว่าจะแก้ไขปัญหาให้หมดไปได้ทันที เพราะปัญหาการทุจริตเกิดขึ้นมาอย่างยาวนานแล้ว จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขปัญหา รัฐบาลจะพยายามทำอย่างเต็มที่ แม้บางเรื่องต้องขอเวลา และรับทราบดีว่าหลายคนเป็นห่วงปัญหาหนี้สิน ค่าชาวนา แต่ขอให้ใจเย็นๆ เพราะรัฐบาลกำลังทำและแก้ไขปัญหาอยู่ ซึ่งหลายอย่างดีขึ้นแม้จะไม่ใช่ 100 ร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ตาม
“ทุกจังหวัดคือเมืองหลวงของประเทศ ไม่ว่าไปที่ไหนก็จะพยายามบริหารจัดการให้ทุกพื้นที่คือเมืองหลวง มีการพัฒนาที่เจริญก้าวหน้า ทุกจังหวัดมีคนไทยอยู่ผมจึงถือว่าเป็นคนจังหวัดนั้นด้วย แม้ใครจะปล่อยให้ ถูกมองว่าเป็นประเทศล้าหลังจากภาพที่ถูกสื่อออกไป เช่น การนุ่งกระโจมอกอาบน้ำบนถนน และคำพูดของผมที่ออกไปทันทีเมื่อพูดจบทำให้บางครั้งกลายเป็นว่าประเทศของเราด้อยพัฒนา ไม่มีใครกล้ามาลงทุน เศรษฐกิจก็ไปไม่ได้ เราจะขัดแย้งต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ผมต้องทำให้คนทั้ง 77 จังหวัดเป็นสุข ไม่มีความขัดแย้ง อยู่ร่วมกันอย่างสันติ เมื่อปี 2554 ผมเคยบินลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาร่วมกับอดีตนายกรัฐมนตรีเพื่อตรวจน้ำท่วม มองลงมามีแต่น้ำไม่เห็นดิน แต่วันนี้พวกท่านมีความเข้มแข็ง สามารถอยู่และแก้ไขปัญหาได้ วันนี้จึงอยากให้ทุกคนร่วมมือกันสร้างความเข้มแข็งร่วมกับรัฐบาลต่อไป” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า บ้านเรามีเกษตรกร 40 ล้านคน ลงทะเบียนแล้ว 8 ล้านคน ที่เหลืออีก 30 กว่าล้านคนไม่ต้องการอะไรหรืออย่างไร ไม่ต้องกลัวว่าตนจะไปล้วงความลับ รัฐบาลนี้ไม่ได้ต้องการมองฝนแล้วเห็นน้ำตาหล่นลงมาของพวกท่าน ไม่ต้องการแบบนั้น แต่ต้องการให้ท่านคิดยาวๆ เพราะโอกาสในโลกใบนี้ไม่มีอีกแล้ว ต้องทำในสิ่งที่ตนพูดแล้วห่วงโซ่จะเกิดขึ้นใหม่ คนไทยจะได้มีความสงบสุขอยู่แบบนี้ ต้องการกันหรือไม่ จะได้ไม่ต้องนั่งรถเข้า กทม. เลิกประท้วงกันเสียที เจอมาไม่รู้กี่เวทีแล้วตั้งแต่เป็นทหาร ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับท่าน แต่เข้ามาทำหน้าที่เพื่อสร้างห่วงโซ่ให้เกิดขึ้นใหม่ วันนี้ต้องคิดใหม่ทำใหม่ แต่ต้องไม่เดือดร้อน อันนี้เขาเรียกว่าการปฏิรูปประเทศ แต่จะทำอย่างไรให้การปฏิรูปไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีการบาดเจ็บสูญเสียล้มตาย อย่างที่บางคนพูดว่าการเปลี่ยนแปลงต้องมีบาดเจ็บล้มตาย อยากถามว่าคนที่พูดมันบาดเจ็บล้มตายหรือไม่ ตนเหนื่อยเหมือนกัน พูดตั้งแต่เช้ายันเย็นมา 3-4 วันแล้วในหลายๆ เรื่อง กดดัน แต่ดันอาสามาเอง
นายกฯ กล่าวว่า ตนพร้อมจัดการเรื่องน้ำโดยยึดความเป็นจริงในพื้นที่ รัฐบาลจะดูแลตามความเป็นจริง ขอให้ทุกคนรักษาสิทธิของตัวเอง รัฐบาลจะมีการสำรวจข้อมูลโดยเฉพาะเรื่องข้าว รัฐบาลพยายามที่จะนำออกขายให้ แต่เวลายังมีข้าวอยู่ในคลังจำนวนมากที่รอระบาย แต่ด้วยราคาตกจึงยังทำอะไรไม่ได้ กลายเป็นภาระรัฐบาลในทุกวันนี้ และหวังที่จะขายข้าวใหม่ที่จะออกมา แต่บังเอิญฝนดันตก เวลานี้รู้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานกันอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกัน ขอขอบคุณประชาชนที่ไม่รุกเร้าตนมากเกินไป เพียงแต่ขอให้ตนชัดเจนในการจัดการ มาตรการ คือ 1. การประกาศภัยน้ำท่วม ซึ่งจะได้จำนวนหนึ่งสำหรับผู้ที่ปลูกพืช 2. ส่วนอื่นที่ได้รับความเดือดร้อนมีกติกาอยู่แล้ว และ 3. ข้าวที่กำลังจะเก็บเกี่ยว ถ้าจะให้ดึงน้ำเพื่อเก็บเกี่ยวทั้งประเทศ น้ำจะเป็นแบบปี 2554 แน่นอน รวมถึงเราต้องเสียสละกันบ้างในบางพื้นที่ เพื่อที่จะรักษาพื้นที่ส่วนใหญ่ไว้ อยากให้ทุกคนมองอย่างลึกซึ้ง เพราะทุกจังหวัดเชื่อมโยงกันทั้งประเทศ อยู่ที่ 70 ล้านคน
“ผมจะขอร้อง มากไปหรือเปล่า ขอให้อดทนเหมือนที่ผมอดทนในทุกวันนี้ อดทนเพื่อท่าน หลายอย่างมากระทบผม บางเรื่องจริงหรือไม่จริง บิดเบือนบ้าง เพราะอะไร ก็ไปหาเหตุผล ทำไมถึงมีเรื่องแบบนี้ ประเทศกำลังจะเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ถ้าเรามีปัญหามากๆ จะกลับไปที่เดิม จะมีคนนำไปสู่ความขัดแย้ง นำไปสู่การเมืองที่มีปัญหา เราจะต้องเป็นประชาธิปไตยแน่นอน ผมไม่ฝืนหรอก ผมไม่ได้อยากจะอยู่ให้นานจนเกินแกง ผมแก่แล้วนะ ผมอยากจะให้สมัยที่ผมยังอยู่ ประชาชนมีรอยยิ้ม ไม่ได้มีแต่น้ำตา ไม่ได้มีแต่คำร้องขอ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้แม่ทัพภาคที่ 1 มาด้วย ขอให้ดูแลประชาชนให้มากที่สุด ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยต้องดูแลประชาชน รัฐบาลจะมีหน้าที่ตัดสินใจในการที่จะดูแลอย่างไรให้ดีขึ้น วันนี้ตนเตือนไว้ก่อนว่าหากเรายังยึดมั่นแบบเดิมโดยไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลย วันนี้ตนอยู่ในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ พูดเกเรไม่ได้ วัดเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ ใครมาพูดโกหกในวัดไม่ตายดี ใครที่เคยพูดโกหกในวัดคอยดูเอาแล้วกัน หลายอย่างมันมีกรรมอยู่แล้ว กรรมสนองกรรมหมดดังนั้น ทุกคนต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน รัฐบาลนี้ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ ถ้าใครมาเรียกร้องผลประโยชน์มาบอกตนจะตรวจสอบให้ทุกวัน
นายกฯ กล่าวว่า ทุกเรื่องถามนายกฯ หมดเลย ตั้งแต่ในบ้านยันต่างประเทศ บางเรื่องเขามีหน่วยงาน มีระเบียบ เขากำลังตรวจสอบ แต่วันนี้กลายเป็นการตอบโต้ในทีวี ในโซเชียลมีเดีย หน้าตนไม่น่าเชื่อถือ หน้าขี้โกงหรือ อย่าไปมองหน้าอย่างเดียวเดี๋ยวถูกหลอกจากพวกที่หน้าตาดีๆ ต่อไปนี้การบริหารบ้านเมืองต้องทำเหมือนที่ตนพูด และถ้าใครไปหาเสียงเหมือนที่ตนพูดก็ให้เลือกเขาได้ ถ้าไม่จริงใจพูดแบบนี้ไม่ได้ เก็บเอาไว้ดีกว่า ทุกคนที่จะมาบริหารบ้านเมืองต้องพูดแบบตน ใครจะหาเสียงต้องพูดแบบตนและให้เขาทำตามด้วย
“ขอร้องกำนัน ผู้ใหญ่ อบต. ท้องถิ่น ไม่มีใครเขาทำอะไรท่าน เว้นแต่ท่านทำตัวของท่านเอง เว้นแต่ท่านทำงานไม่มีประสิทธิภาพ บริหารองค์กรไม่ได้ วันนี้เราก็กำลังแก้ให้หมด อย่าทำอะไรตามใจชอบ อย่าทำอะไรที่เป็นการปิดกั้นความสัมพันธ์อันดีระหว่างข้าราชการและประชาชน เปิดโอกาสให้ประชาชนได้พูด ถ้าเขาพูดนานเพราะเขาเดือดร้อน ทุกอย่างจะกระจายไปข้างล่างได้ ข้างล่างต้องพร้อมเสียก่อน รวมถึงการไว้เนื้อเชื่อใจจากประชาชน ผมไม่ได้ต้องการสืบทอดอำนาจอะไรทั้งสิ้น ใครอยากเป็นมาสมัครไปเลย ปรับตัวเองให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ต่อมานายกฯ ได้มอบถุงยังชีพจำนวน 500 ถุงให้แก่ผู้ประสบภัย พร้อมกล่าวให้กำลังใจและย้ำถึงความจำเป็นในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งทั้งระบบ โดยเฉพาะการผันน้ำเข้าสู่พื้นที่แก้มลิงธรรมชาติซึ่งส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรกรรมที่เกษตรกรยังรอเก็บเกี่ยวผลผลิต
จากนั้นนายกฯ พร้อมคณะได้ลงเรือมอบถุงยังชีพแก่ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยมีชาวบ้านนำเรือออกมารอรับความช่วยเหลือจำนวนมาก ทั้งนี้ นายกฯ กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียงให้กำลังใจประชาชนว่าขอให้ทนหน่อยแค่แป๊บเดียว ส่วนความเสียหายจะดูแลให้ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน แม้ตัวไปไม่ถึงแต่มีใจมอบให้ เชื่อว่าจะสามารถบริการจัดการน้ำได้ ขณะที่คนไทยต้องช่วยกันลดความขัดแย้ง ประชาชนต้องมีความเข้มแข็ง
ต่อมาเวลา 15.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ได้ให้สัมภาษณ์ภายหลังลงพื้นที่ตรวจสอบสถานการณ์น้ำท่วมว่า มาทำความเข้าใจกับพี่น้องชาว จ.พระนครศรีอยุธยา ให้ปรับตัวเพื่ออนาคต ทำอย่างไรให้เกษตรกรมีชีวิตที่ดีขึ้น โดยไม่อยากให้มองว่าเป็นหน้าที่รัฐบาลอย่างเดียว เพราะเราให้มีปัญหาแบบนี้ไปเรื่อยๆไม่ได้ ต้องรวมกลุ่มเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องเกษตรและเรื่องน้ำ ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก็ได้ อย่าจมกับอดีตแบบเดิมๆ อย่างเรื่องน้ำมันเชื่อมกันทั้งประเทศ ต้องบริหารแบบสมดุลทั้ง 76 จังหวัดไม่อย่างนั้นเข้ากทม.อีก และต้องรู้จักเสียสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่ ไม่อย่างนั้นท่วมทั้งประเทศ อย่างที่พูดกันว่าเสียอวัยวะเพื่อรักษาชีวิต จะได้ไม่ต้องไปจ้าง 300 บาทคอยปิด-เปิดประตู และอย่าประมาท ปีหน้าฝนกอาจตกหรือไม่ตกก็ได้ แต่รัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุด ส่วนที่นำภาพเก่าๆมาเพื่อเรียกร้องเยียวยา ตนรู้นะแต่ไม่ได้ว่าอะไร และที่ลงเรือแจกถุงยังชีพก็เพื่อแสดงน้ำใจ ไม่ได้ต้องการมาถ่ายรูป ส่วนถุงยังชีพก็ขอให้มีคุณภาพ ราคาเหมาะสม ส่วนที่เล็ดลอดไปบ้างก็แก้ไข อย่าติเรือทั้งโกลน อย่าติโขนยังไม่ได้รัดเครื่องเลย
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าหลังจากนายกฯ ให้สัมภาษณ์เสร็จ ระหว่างที่ขบวนรถกำลังออกจากวัดโบสถ์ล่าง ได้มีชายสูงอายุชื่อนายสงวน แสงใจหนัก ชาวบ้าน อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ ได้มาดักรอนายกฯ แต่เป็นจังหวะเดียวกับที่ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรีมายืนรอขึ้นนรถอยู่ก่อน นายสงวนจึงเข้าไปก้มลงกราบ พล.อ.วิลาศ เพื่อขอความช่วยเหลือ ระหว่างนั้นรถนายกฯ ได้ผ่านมาพอดีและเห็นจึงได้ลดกระจกลงมา พร้อมกวักมือเรียกนายสงวนเข้ามาหา โดยนายสงวนกล่าวกับนายกฯ ขอให้ช่วยเหลือกรณีถูกโกงมรดกที่ดิน ขณะที่นายกฯ กล่าวว่า “ไม่ต้องโวยวาย เดี๋ยวดูให้” จากนั้นทีม รปภ.นายกฯ ได้กันตัวนายสงวนออกไป