xs
xsm
sm
md
lg

‘วีระ สมความคิด’ เผยรับไม่ได้ บุก ป.ป.ช.ร้องสอบ “มิตร คสช.” 4 คดีรวด!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“วีระ สมความคิด” เผยรับไม่ได้ บุกร้อง ป.ป.ช.4 คดี “มิตร คสช.” รวด! จี้สอบเลขาฯ ป.ป.ช.ละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ขัดคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด สั่งเพิกถอนคำสั่งเลื่อนตำแหน่ง 35 ขรก.ป.ป.ช.โดยมิชอบ ยัน “วิทยา อาคมพิทักษ์” ส่อพ้นเก้าอี้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ พร้อมยื่น ม.157 สอบ 4 บิ๊ก ก.อุตสาหกรรม “จักรมณฑ์-อรรชกา-ปลัดกระทรวง-เลขาธิการบอร์ดอ้อยและน้ำตาลทราย” และขอใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ เปิดรายงานการประชุมสรุปตีตก “คดีอุทยานราชภักดิ์-คดี พล.อ.ปรีชา ตั้งลูกชายเป็นทหาร”

วันนี้ (5 ต.ค.) มีรายงานว่า นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชั่น ได้ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผ่าน พ.ต.อ.อิทธิพล กิจสุวรรณ ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.เป็นผู้รับหนังสือให้ไต่สวนข้อเท็จจริงนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีไม่ออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ 141/2548 ลงวันที่ 31 ต.ค. 2548 เรื่องเลื่อนข้าราชการจำนวน 35 ราย ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ระดับ 9 ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. 2558

ทั้งนี้ คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดผ่านมากว่า 1 ปีแล้ว แต่นายสรรเสริญยังไม่ได้ออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ทำให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงาน ป.ป.ช. กระทรวงการคลัง และประชาชน เพราะต้องจ่ายเดือนหรือเงินบำนาญให้แก่ข้าราชการจำนวน 35 รายดังกล่าว จ่ายเงินประจำตำแหน่งบริหาร ค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ข้าราชการในสำนักงาน ป.ป.ช. และทำให้ข้าราชการได้รับประโยชน์ รวมถึงนายวิทยา อาคมพิทักษ์ ที่ขณะนั้นได้เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ระดับ 9 ตามคำสั่งดังกล่าว กระทั่งได้เป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. (ปัจจุบันเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ ป.ป.ช.) หากนายสรรเสริญออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งสำนักงาน ป.ป.ช.ดังกล่าวเมื่อใดจะมีผลทำให้นายวิทยาต้องกลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ระดับ 8 ไม่ใช่ตำแหน่งรองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช.ซึ่งเทียบเท่าตำแหน่งอธิบดีระดับ 10 อีกต่อไป ทำให้นายวิทยาอาจขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. และต้องพ้นจากตำแหน่งได้

ขณะเดียวกัน นายวีระได้ใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารทางราชการ พ.ศ. 2540 ยื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ขอให้เปิดเผยเกี่ยวกับการรายงานการแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเอกสารทั้งหมด กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติไม่รับเรื่องกล่าวหาการทุจริตในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ไว้ทำการไต่สวนข้อเท็จจริง รวมถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช.ตีตกข้อกล่าวหาร้องเรียน พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม กรณีบรรจุนายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา (บุตรชาย) เป็นนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 3 โดยมิชอบด้วย

“ทั้ง 2 เรื่องลักษณะเหมือนกัน คือ ป.ป.ช.ไม่รับเรื่องไว้ไต่สวน ผมจะขอข้อมูล รายงานการแสวงหาข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งเหตุผลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.นำมาหักล้างข้อกล่าวหาของผม ผมรับไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะคิดว่าเป็นการปัดคดีของมิตร คสช. (คณะรักษาความสงบแห่งชาติ) ทั้งหมด” นายวีระกล่าว

มีรายงานด้วยว่า นายวีระยังได้ร้องเรียนกรณีเชื่อว่ามีการกระทำความผิดตามมาตรา 157 ของนายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมและอดีต รมว.อุตสาหกรรม, นางอรรชกา สีบุญเรือง อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง รมว.อุตสาหกรรม, นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และนายสมศักดิ์ จันทรรวงทอง เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย

สำหรับเอกสารที่นายวีระยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.มีดังนี้ ให้ไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีนายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีไม่ออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งคำสั่งสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ 141/2548 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2548 เรื่องเลื่อนข้าราชการ จำนวน 35 ราย ตามที่ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว (คำพิพากษาคดีหมายเลขแดงที่ อ.631/2558 (นายประมุขกับพวกผู้ฟ้องคดี) เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558) นับตั้งแต่วันที่ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2558 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งผ่านมาเป็นระยะเวลากว่า 1 ปี นายสรรเสริญ พลเจียก ก็ยังไม่ออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งสำนักงาน ป.ป.ช. ที่ 141/2548 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2548 ที่เลื่อนข้าราชการจำนวน 35 ราย ขึ้นแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ระดับ 9 แต่อย่างใด

การกระทำดังกล่าวของนายสรรเสริญ พลเจียก จึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงาน ป.ป.ช. กระทรวงการคลัง และประชาชน เพราะจะต้องจ่ายเงินเดือนหรือเงินบำนาญให้แก่ข้าราชการจำนวน 35 รายดังกล่าว จ่ายเงินประจำตำแหน่งบริหาร และค่าตอบแทนพิเศษให้แก่ข้าราชการสำนักงาน ป.ป.ช.

นอกจากนี้ การกระทำดังกล่าวของนายสรรเสริญเป็นการกระทำความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพราะทำให้ข้าราชการจำนวน 35 ราย ตามคำสั่งดังกล่าว ได้ประโยชน์ตามที่กล่าวข้างต้น รวมทั้งนายวิทยา อาคมพิทักษ์ เจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ระดับ 8 ซึ่งได้เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ระดับ 9 ตามคำสั่งดังกล่าวด้วย ปัจจุบันนายวิทยา อาคมพิทักษ์ ได้รับการสรรหาเป็นกรรมการ ป.ป.ช.ชุดปัจจุบัน

หากนายสรรเสริญ ออกคำสั่งเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวเมื่อใด ก็จะมีผลทำให้นายวิทยา ต้องกลับมาดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงาน ป.ป.ช.ระดับ 8 ไม่ใช่ตำแหน่งรองเลขาธิการ ป.ป.ช.ซึ่งเทียบเท่าตำแหน่งอธิบดีระดับ 10 อีกต่อไป จึงทำให้นายวิทยา ขาดคุณสมบัติในการเป็นกรรมการ ป.ป.ช. นายวิทยาจึงต้องพ้นจากตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.

มีรายงานด้วย ก่อนหน้านั้นนายวีระได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ‘Veera Somkwamkid’ ระบุถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตีตกข้อกล่าวหาร้องเรียน พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงกลาโหม บรรจุนายปฏิพัทธ์ จันทร์โอชา (บุตรชาย) เป็นนายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือน สังกัดกองทัพภาคที่ 3 โดยมิชอบ

หนังสือของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ระบุว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่า พฤติการณ์ของ พล.อ.ปรีชา ที่บรรจุนายปฏิพัทธ์ เข้ารับราชการและแต่งตั้งยศเป็นว่าที่ร้อยตรี เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามที่กล่าวหา จึงมีมติไม่รับไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง แต่ให้แจ้งเป็นข้อสังเกตไปยัง รมว.กลาโหม ว่าในกรณีเช่นนี้ ผู้รับมอบอำนาจจาก รมว.กลาโหม ควรต้องพิจารณาทำคำสั่งให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539 ด้วย โดยหากเห็นว่าคนเป็นคู่กรณีอันต้องห้ามมิให้กระทำการพิจารณาทางปกครองก็ควรเสนอผู้บังคับบัญชาขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งให้รับทราบและมีคำสั่งต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น