“ปรีชา” ย้ำแต่งตั้งลูกชายเป็นทหารตามขั้นตอน แจงจบตามสายงานพอดี เล็งสอบเอกสารหลุดมาได้อย่างไร พร้อมแจง ป.ป.ช. รับนายกฯ ทราบแล้วไม่ได้ว่าอะไร “ประวิตร” เผยเรื่องธรรมดา ย้ำเป็นอำนาจของตนรับบุคคล แจงเอกสารที่หลุดไม่ได้เป็นเอกสารลับ
วันนี้ (18 เม.ย.) ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การแต่งตั้งนายปฏิพันธ์ จันทร์โอชา บุตรชายเป็น รรท.นายทหารปฏิบัติการกิจการพลเรือนกองทัพภาคที่ 3 ว่า เป็นอำนาจของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมอบหมายอำนาจให้ตนเป็นผู้เซนต์คำสั่งแต่งตั้งดังกล่าว ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ากระบวนการดังกล่าวถูกต้องตามขั้นตอน อีกทั้งมีหลักฐาน เพราะอยู่เฉยๆ จะไม่สามารถไปบรรจุได้
เมื่อถามว่าสาเหตุเป็นเพราะนามสกุลจันทร์โอชา เลยถูกนำมาโจมตีหรือไม่ พล.อ.ปรีชากล่าวว่า “พี่ชายผมก็เป็นทหาร โตมาจากครอบครัวทหาร ส่วนลูกชายของผมก็เรียนจบสื่อสารมวลชน และก็ตรงตามสายงานที่บรรจุพอดีในส่วนของกองกิจการพลเรือนที่เน้นการทำงานเกี่ยวกับมวลชน งานด้านจิตวิทยา รวมทั้งงานประชาสัมพันธ์”
เมื่อถามว่าทางออกของประเด็นนี้จะเป็นรอย่างไร พล.อ.ปรีชากล่าวว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวอนุมัติบรรลุแล้ว บุตรชายตนต้องมารายงานตัวเพื่อทำงานต่อไป
เมื่อถามต่อว่า คำสั่งดังกล่าวหลุดออกมาจากคนใกล้ตัวหรือไม่ ปลัดกระทรวงกลาโหมกล่าวว่า ตนไม่ทราบ อย่างไรก็ตามต้องมีการตรวจสอบว่าเอกสารดังกล่าวออกไปเผยแพร่ต่อสาธารณะได้อย่างไร
ส่วนกรณีที่นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ไปร้องเรียนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบว่าการใช้อำนาจดังกล่าวขัดกับต่อประมวลจริยธรรม พล.อ.ปรีชากล่าวว่า ทาง พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมได้ชี้แจงไปแล้ว คำสั่งดังกล่าวปฏิบัติตามข้อระเบียบบังคับที่ถูกต้องตามขั้นตอน ไม่ใช่ตนแต่งตั้งขึ้นมาเอง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ตนจะรอ ป.ป.ช.นัดไปชี้แจง ขณะเดียวกัน ทางนายกรัฐมนตรีก็รับทราบในเรื่องนี้แล้วซึ่งท่านไม่ได้ว่าอะไร
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย เพราะเรื่องนี้ถือเป็นอำนาจของตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยตนจะรับใครทำงานได้ทันทีทันใดเพราะว่าบางตำแหน่งดังกล่าวกองทัพกำลังขาดแคลนอยู่ อีกทั้งเป็นสาขาพิเศษที่ตนมีอำนาจในการรับบุคคลได้หากมีคุณสมบัติครบ เช่น จบปริญญาตรี รับการตรวจสุขภาพเรียบร้อย และไม่มีคดีความติดตัวก็สามารถรับเข้าเป็นทหารได้เลย บางตำแหน่งไม่จำเป็นต้องมีการสอบแข่งขัน นอกจากว่าจะมีคนมาสมัครตำแหน่งดังกล่าวเป็นจำนวนมากก็จะต้องเปิดสอบ เรื่องพวกนี้บางครั้งต้องขอร้อง เพราะบางทีเขาไม่อยากจะมา บางคนไม่อยากเข้า โดยเฉพาะพวกที่มีคุณสมบัติพิเศษของแต่ละบุคคล
เมื่อถามว่าเรื่องนี้ถูกมองเป็นระบบอุปถัมภ์หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “เอาน่า ไม่เป็นอะไรหรอก”
เมื่อถามว่าการที่มีเอกสารลับหลุดออกมามีความเป็นห่วงหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เอกสารนี้ไม่ได้เป็นเอกสารลับ ถือเป็นเอกสารปกติ เพราะขั้นตอนทุกอย่างถูกต้อง