“ประยุทธ์” แจง ครม. ส่วนหน้าแก้ไฟใต้ ลงพื้นที่สัปดาห์หน้า ยัน ทำงานไม่ซ้ำซ้อน เน้นบูรณาการเดินหน้า 9 ยุทธศาสตร์ ชี้ ต้องให้ ปชช. เลิกกลัวอิทธิพลโจร อย่าติดแต่ปัญหาเรื่องสิทธิฯ ไม่สนถูกโจมตีหนัก ย้อนทำให้เข้มแข็งอดทน ชี้ ไม่ได้มาจากเลือกตั้ง ให้สอบได้แต่ต้องดู กม. เผย “วิษณุ” หลุดพูด ม.44 ยุบสภา หวังปรามอย่าป่วนตอนโหวตนายกฯ ลั่นไม่ทนอยู่ถ้าประเทศล้มเหลว
วันนี้ (4 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการทำงานของผู้แทนพิเศษรัฐบาล หรือ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนหน้าเพื่อแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า หลังจากนี้ ครม. ส่วนหน้าจะขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ 9 ข้อ ทั้งเศรษฐกิจ ความมั่นคง ความปลอดภัย การพูดคุยสันติสุข ฯลฯ เพราะแต่เดิมยังไม่มีการบูรณาการ เช่น ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) บางช่วงก็อยู่ในการควบคุมของฝ่ายการเมือง ซึ่งหากเล่นการเมืองจะแก้ปัญหาภาคใต้ไม่ได้ เพราะจะมีทั้งผู้พอใจและไม่พอใจ วันนี้ประเทศชาติกำลังเดือดร้อน มีคนใช้วิธีการสกปรก บิดเบือนเรื่องต่าง ๆ เช่น เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องเหล่านี้ เพราะเรื่องดังกล่าวต้องแก้ไขทั้งระบบ หากปล่อยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองจะไม่มีความคืบหน้า ดังนั้น จึงให้แต่ละหน่วยงาน ได้กลั่นกรองแผนดำเนินการก่อนจะเสนอ ครม. ให้มีความสอดคล้องระหว่างแผนงานดำเนินการกับนโยบาย และจะเพิ่มการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลที่ทันสมัย มีการเฝ้าระวังโดยกล้องซีซีทีวี ที่ผ่านมา การทำงานกระจัดกระจาย จึงต้องส่งคนลงไปทำงาน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนด้านเศรษฐกิจได้มอบหมายให้หาแนวทางป้องกันความซ้ำซ้อนของงบประมาณ โดยต้องดูแลทั้งฝ่ายความมั่นคงและผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ประชาชนต้องได้รับประโยชน์ โดยจะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ ให้ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความมั่งคั่ง แต่การที่จะลงทุนในพื้นที่ต้องมีความปลอดภัยเกิดขึ้น
“ต้องช่วยให้ประชาชนเกิดความเข้มแข็ง ไม่หวาดกลัวอิทธิพลของโจรห้าร้อย ไม่ใช่มัวแต่ติดปัญหาประเด็นสิทธิมนุษยชน เพราะเวลาที่คนเหล่านี้ฆ่าทหารตำรวจ ประชาชนทั้งไทย พุทธ มุสลิม ทำไมไม่ประท้วงเขาบ้าง ต้องมองว่ารัฐกำลังแก้ปัญหา แต่กลับเอาปัญหาอื่นมาจับรัฐ ไม่ไปจับคนทำ ไม่ดูว่าประชาชนเดือดร้อน ขณะที่การลงทุนก็รออยู่ 1.6 หมื่นล้านบาท มีการเสนอมาแล้ว ทั้งอุตสาหกรรมยาง เกษตร อาหารฮาลาล แต่ก่อนหน้านี้ ให้สิทธิพิเศษ 3 เท่า ก็ยังไม่ไปเลย จะลงไปได้หรือไม่ เขาให้ผมรับรองความปลอดภัย และถ้าทหารทำอย่างเดียวคงไม่ได้ สังคมต้องเรียนรู้ คนในภาคใต้ 2 ล้านกว่าคน แล้วโจรมีกี่คน รู้จักกันก็เตือนกันให้มาสู้กันตามกฎหมาย รัฐบาลมีมาตรา 21 โครงการพาคนกลับบ้าน ดูแลอยู่แล้ว อดีตเป็นอะไรผมจะพยายามไม่พูดถึง แต่จะหาประเด็นความร่วมมือ เพราะความขัดแย้งมีอยู่แล้ว” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า คณะผู้แทนพิเศษรัฐบาลจะปฏิบัติหน้าที่ได้เมื่อใด พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ผ่านขั้นตอน ครม. รับทราบแล้ว และได้เซ็นแต่งตั้งคณะผู้แทนพิเศษไปแล้ว โดยทั้งหมดมีมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญชั่วคราวคุ้มครองอยู่แล้ว จากนั้นกระทรวงกลาโหมจะจัดทำรายละเอียดกรอบการทำงานให้มีความสมบูรณ์ เพียงแต่วันนี้เปลี่ยนจากการสั่งการในกรุงเทพฯ ให้ไปทำงานในพื้นที่ เพราะตน และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีหน้าที่ต้องรับผิดชอบอยู่มาก จึงลงพื้นที่ได้น้อย อย่างไรก็ตาม ผู้แทนพิเศษสามารถลงไปปฏิบัติหน้าที่ได้ในสัปดาห์หน้า โดยก่อนหน้านี้ ทั้งรัฐมนตรีช่วยกลาโหม และรัฐมนตรีช่วยกระทรวงศึกษา ซึ่งอยู่ในคณะผู้แทนพิเศษได้ทำหน้าที่ลงไปในพื้นที่อยู่แล้ว และการทำงานก็ต้องมีการประเมินผล
เมื่อถามว่า กลัวว่า ผู้แทนพิเศษจะทำงานซ้ำซ้อนกับหน่วยงานที่มีอยู่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนเขียนโครงสร้างเองจะซ้ำซ้อนได้อย่างไร เข้าคำว่าบูรณาการหรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การบังคับบัญชา ผู้แทนพิเศษจะเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจ นักศึกษา นักวิชาการด้วย
“ประเทศมหาอำนาจยังทำไม่ได้อย่างเราเลย ถ้าเขาทำก็คงเอากำลังไปกวาดล้าง ผมจะทำให้แบบนั้นเอาไหม เอาทหารทั้งกองพันไปลุยมันทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ เอาไหม” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ถึงกระแสโจมตีรัฐบาลและตนเอง รวมถึงคนใกล้ชิดในช่วงนี้ ว่า รู้แก่ใจตัวเอง ว่าเป็นอย่างไร ซึ่งตนก็วูบวาบเป็นธรรมดา ไม่รู้สึกอะไร เพราะธรรมดาก็ต้องโดนโจมตี การทำความดีไม่ค่อยได้ประโยชน์อะไรในบ้านเมืองนี้ จะต้องถูกขัดขวางเป็นธรรมดา จะผิดจะถูกให้ไปว่ากันในกระบวนการยุติธรรมก็ยังไม่เข้าใจกันเลยว่ากระบวนการยุติธรรมอยู่ตรงไหน เรื่องบางเรื่องมีกติกาอยู่แล้ว ก็ไปไล่เอาจากหน่วยที่รับผิดชอบ ไม่ใช่ให้ตนไปนั่งสั่งทุกเรื่อง กลไกเดิมมีอยู่แล้วไม่ใช่เพิ่งมาทำตอนนี้ ในอดีตก็ทำอย่าเอามาจับกันไปมา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การถูกโจมตีหลายเรื่องทำให้เสียสมาธิหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทำให้เข้มแข็งและอดทนขึ้น สมาธิตนแยกออกจากกัน โมโหคือโมโห ทำงานคือทำงาน อารมณ์ดีก็อารมณ์ดี แยกแยะออก เมื่อถามว่า ประเมินถึงการถูกโจมตีในช่วงนี้อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า แล้วสื่อประเมินอย่างไร เพราะสัมผัสประชาชนมากกว่า คิดอย่างไร หากจะตรวจสอบตนในฐานะที่เข้ามาบริหารประเทศก็ตรวจสอบไป ไม่ได้ห้ามใคร และไปห้ามใครหรือยัง การตรวจสอบอำนาจตนอยู่ตรงไหนต้องดูกฎหมายด้วย เพราะตนไม่ใช่ผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง นี่คือความแตกต่าง
“ขอให้เข้าใจว่าผมใช้อำนาจเพื่ออะไร ทำอะไร ผมพยายามทำทุกอย่างให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต้องไปว่ากันมา รู้หรือยังว่ากระบวนการยุติธรรมเริ่มต้นที่ตรงไหน สื่อก็ตกเป็นเครื่องมือคนโน้นคนนี้ หากจะผิดก็ไปว่ากันมาฟ้องร้องมา คนที่เกี่ยวข้องก็ชี้แจงฟ้องร้องไป ชี้แจงได้ก็จบ ชี้แจงไม่ได้ก็สอบต่อ ซึ่งทุกเรื่องไม่ใช่ไม่เคยทำ ก็ทำมาตลอดต้องไปดูว่าเป็นธรรมถูกต้องหรือไม่ หลายเรื่องตอนนี้ที่เข้ามาก็ต้องไปสอบมา ผมห้ามใครที่ไหน” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการใช้มาตรา 44 ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งมีการมองว่าใช้มากไปหรือไม่ ว่า ถามว่าที่ได้ใช้ไปนั้นมีความหมายอะไรหรือไม่ มันมีเหตุ มีผลในการใช้อยู่ มีเหตุผลอะไรที่ไม่ควรใช้หรือไม่บอกมา อยากให้สื่อมวลชนอธิบายให้ประชาชนเข้าใจด้วย ผมบอกไม่รู้กี่ครั้งแล้วสิ่งที่สื่อถ่ายรูป สิ่งที่เขียนไป ไม่ได้อยู่แค่ประเทศไทย สถานการณ์วันนี้เราต้องการความเข้าใจจากต่างประเทศให้มากที่สุด วันนี้จาการที่เราไปต่างประเทศ เขาก็เข้าใจเรามากขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ออกมาอธิบายเรื่องการใช้มาตรา 44 ในการยุบสภา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า นายวิษณุได้อธิบายขึ้นมาเองในห้องประชุม ครม. แล้วว่าไม่ใช่ความหมายอย่างที่เป็นข่าว เพราะมีกติกาการใช้อยู่ จะไปยุบได้อย่างไรถ้ามันไม่มีเรื่อง นายวิษณุ ได้ชี้แจงอธิบายว่าถ้ามันไม่ได้ แล้วมันจะทำอะไรต่อไป ใครตอบได้ไหมถ้า 6 เดือนเลือกนายกฯไม่ได้ จะทำอย่างไรต่อไป บ้านเมืองเดินหน้าได้ไหม ไม่มีรัฐบาลมันอยู่ได้ไหมประเทศไทย จะต้องลากยาวกันไปปีเลยหรือ ที่เขาพูดคือเตือนอย่าให้เป็นอย่างนั้น ทุกอย่างเขาเตือนหมด ที่ออกกฎกติกา แล้วทำไมจะต้องต่อต้านสิ่งที่เขาต้องการให้มันดีกว่าเดิม เขาไม่เอาไปรังแกใครหรอก แล้วที่ผ่านมามันทำดีกันหรือยัง ถ้ามันดีพอแล้วผมจะได้เลิก อำลาไป พอแล้ว
“ก็ตามใจ อยากทำอะไรก็ทำไป วันหน้าเลือกไม่ได้ จะตีกันอีก ผมก็จะปล่อยให้มันตีกันข้ามปีไปเลย ก็เลือกเอา ตามใจ ประชาธิปไตยแบบนั้นก็เอาไป ผมไม่ว่าอะไร แต่คิดว่าผมจะทนหรือ ที่ผมจะอยู่กับประเทศที่ล้มเหลวขนาดนั้น ผมก็ไปไหนของผม พอแล้ว”