เมืองไทย 360 องศา
อาจเป็นเพราะกำลังอยู่ในช่วงอารมณ์ขุ่นมัว โมโหที่ตัวเองกำลังถูกดำเนินคดีต่อเนื่องกันหลายคดี บางคดีเช่น คดีทุจริตบ้านเอื้ออาทร ก็กำลังใกล้สรุปในชั้นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คดีความผิดเกี่ยวกับพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ที่เจ้าตัวเปิดเผยเองว่า ศาลนัดฟังคำพิพากษาวันที่ 31 ตุลาคมนี้ เวลา 09.00 น .และยังมีอีกหลายคดีที่จะตามมา สำหรับ “นักประชาธิปไตยในแบบเฉพาะตัว” อย่าง วัฒนา เมืองสุข ที่ออกมาขู่ว่าหากถูกกระทำมาก ๆ “ระวังจะเกิดสงครามกลางเมือง”
เป็นคำพูดของเขาที่ใช้สื่อโซเชียลโพสต์ผ่านเฟซบุ๊กจั่วหัว ว่า “อย่าทำให้ประเทศถึงทางตัน” พร้อมทั้งเล่าให้ฟังว่าเขาและลูกสาวได้มีโอกาสพบกับ ทักษิณ ชินวัตร ที่สหรัฐอเมริกา โดยมีการจัดงานเลี้ยงและนอนพักที่โรมแรมเดียวกัน ซึ่ง ทักษิณ เป็นเจ้าภาพ และเปิดเผยว่า เขา (วัฒนา) ได้ขออนุญาตศาลเพื่อเดินทางออกนอกประเทศระหว่างวันที่ 1 - 3 ตุลาคม
“หลายคนแสดงความเป็นห่วงเรื่องคดีที่กำลังถาโถมเข้ามาหาผมและพรรคพวก โดยเห็นว่า คสช. กำลังใช้กระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือกำจัดฝ่ายตรงข้าม ซึ่งคนไทยจำนวนมาก และประชาคมโลกต่างก็รู้สึกเช่นเดียวกัน แต่ผมเห็นว่าเป็นการลงทุนที่เสี่ยงมาก เพราะหากประชาชนไม่สามารถแสวงหาความเป็นธรรมได้จากกระบวนการยุติธรรมแล้ว ประชาชนก็ต้องแสวงหาความเป็นธรรมกันเอง นั่นก็คือสงครามกลางเมืองแบบที่เคยเกิดขึ้นในหลายประเทศ ซึ่งเราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นในประเทศไทยเพราะมันคือการสูญเสียของทุกฝ่าย
“ทางออกเดียวที่ประเทศจะหลุดจากความขัดแย้ง คือ การสร้างความปรองดอง ด้วยการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากกฎเกณฑ์ใดไม่สามารถใช้บังคับได้อย่างเท่าเทียม ก็ต้องเลิกกฎเกณฑ์นั้น ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ให้ประชาชนเห็นว่ากำลังถูกเลือกปฏิบัติ อำนาจที่มีในมือควรใช้เพื่อสร้างความปรองดองมากกว่าใช้ประหัตประหารฝ่ายตรงข้าม เหลือกระบวนการยุติธรรมไว้เป็นทางออกให้กับประชาชนดีกว่า อย่าเอามาเป็นเครื่องมือทางการเมืองจนไม่เหลือทางออกให้กับประเทศเลย อันตรายครับ”
นั่นก็เป็นข้อความบางตอนของ วัฒนา เมืองสุข ที่จะเรียกว่า เป็นการเตือนหรือว่า “ขู่” ไปถึงรัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ รวมไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ได้ หากยังเดินหน้าใช้กฎหมายดำเนินคดีกับพวกเขาไม่หยุด โดยอ้างว่านี่คือ การ “กลั่นแกล้ง” มีนัยยะแฝงก็คือการกำจัดฝ่ายตรงข้าม
ก็ว่ากันไป ก็แล้วแต่มุมมอง แต่หากพิจารณาจากข้อความในโซเชียลของ วัฒนา เมืองสุข เชื่อว่า หลายคนกลับมองเห็นไปอีกทาง เหมือนกับว่ามีเจตนาสื่อออกมาสองสามเรื่อง และมีเจตนาสื่อออกไปถึงใคร
อย่างแรกก่อนเลย วัฒนา เมืองสุข ต้องการโชว์ให้เห็นว่าเขาได้ใกล้ชิดกับ ทักษิณ ชินวัตร เพราะบอกว่า ทักษิณ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงวันเกิดให้กับลูกสาว แถมยังจองที่พักโรงแรมเดียวกันเสียอีก เป็นภาพที่สื่อออกมาว่าเขาสนิทสนมกลายเป็น “วงใน” และแน่นอนว่า หากมองกันแบบข้ามช็อตแบบคาดการณ์ล่วงหน้ามันก็อาจเป็นผลดีต่อตำแหน่ง “หุ่นเชิด” รายใหม่ในพรรคเพื่อไทยในวันหน้าที่ตอนนี้ยังไร้หัวที่แท้จริง และนาทีนี้ที่เห็นแย้มเปิดตัวออกมานอกจาก วัฒนา แล้ว ก็มี สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แต่รายหลังถ้าให้เดาก็คงหวังสูงถึงระดับนายกฯหญิงอีกคนกันเลยทีเดียว
อย่างที่สอง ที่คาดว่า ต้องการสื่อออกไป ก็คือ “หาพวก” ขอความเห็นใจ เพราะเมื่อพิจารณาจากคดีที่เขาเจออยู่ในเวลานี้มันก็หนักหนาไม่น้อย โดยเฉพาะคดีทุจริตที่กำลังรอสรุปอยู่ในคณะกรรมการป้องกันและราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) อย่างไรก็ดี เพื่อให้เกิดน้ำหนักมากขึ้น ก็เลยพ่วงเอาคนอื่น ๆ ในเครือข่ายที่กำลังถูกดำเนินคดีและสื่อสารออกไปในทำนองแบบเหมารวมว่า “พวกเขาถูกรังแกแบบไม่เป็นธรรม”
ดังนั้น หากพิจารณากันแบบซับซ้อนให้เลยเถิดไปไกลความหมายที่ต้องการสื่อออกไปมันก็มองได้เหมือนกับว่าต้องการ “ปลุกระดม” หาแนวร่วม หามวลชนที่เจ็บแค้นแทนหรือเปล่า
อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาจากสาเหตุของ “สงครามกลางเมือง” ส่วนใหญ่ก็ล้วนมาจากการกดขี่ข่มเหงประชาชน โดยเฉพาะจากผู้นำทรราช มีการทุจริตฉ้อฉล จนชาวบ้านทนไม่ไหวลุกฮือต่อต้าน ยังมองไม่เห็นว่าการดำเนินคดีอย่างจริงจังกับคดีทุจริตคอร์รัปชัน เคร่งครัดทางกฎหมายโดยใช้กระบวนการยุติธรรม ให้ศาลยุติธรรมชี้ขาดความถูกผิด มันจะเป็นชนวนให้เกิดสงครามกลางเมืองได้อย่างไร
เพราะเมื่อพิจารณาจากคดีของ วัฒนา เมืองสุข หรือแม้แต่คดีของ ทักษิณ ชินวัตร ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไล่เรียงต่อเนื่องไปจนถึงบรรดา 5 แกนนำ นปช. ที่ศาลไต่สวนคำร้องเพิกถอนประกัน และล่าสุด ศาลก็นัดฟังคำสั่งในวันที่ 11 ตุลาคมนี้ ทุกคดีล้วนมีที่มาที่ไป ไม่ใช่อยู่ ๆ จะลากใครเข้าคุก หรือจะดำเนินคดีกับใครก็ได้ เพราะถ้าทำแบบนั้น นั่นแหละคือ ชนวนสงครามกลางเมือง แต่เท่าที่มองเห็นขณะนี้ยังมองไม่ออก
ดังนั้น หากพิจารณาจากบทบาท ทั้งจากส่วนตัวของ วัฒนา เมืองสุข และคนอื่น ๆ ในเครือข่ายเดียวกันที่กำลังถูกถาโถมดำเนินคดี ล้วนมีที่มา มีสาเหตุเฉพาะตัวของมัน และยังมั่นใจว่าตรรกะที่เขานำมาอ้างมันไม่น่าเป็นไปได้ น่าจะเป็นการดิ้นรนที่เสียเวลาเปล่า !!