ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการค้าระหว่างประเทศสหราชอาณาจักร นำสมาชิกสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักรฯ เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ต่างหวังให้มีการเร่งรัดการค้า การลงทุนระหว่างกัน
ที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล วันนี้ (3 ต.ค.) เวลา 13.30 น. นายมาร์ค การ์นิเยร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการค้าระหว่างประเทศสหราชอาณาจักร นำสมาชิกสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักรเข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่ได้พบนายมาร์ค กานิเยร์ อีกครั้ง และขอแสดงความยินดีกับตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการค้าระหว่างประเทศ พร้อมขอบคุณที่ยังให้ความสำคัญกับประเทศไทย โดยเป็นผู้นำภาคเอกชนสหราชอาณาจักรมาด้วยตนเองในครั้งนี้ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวต้อนรับภาคเอกชนของสหราชอาณาจักร และยินดีที่หลังการเปิดตัวสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2559 ที่กรุงลอนดอน ได้มีการจัดประชุมครั้งแรกขึ้นในวันนี้ที่กรุงเทพฯ พร้อมยืนยันว่าไทยพร้อมจะร่วมมือกับภาคเอกชนของสหราชอาณาจักร เพื่อพัฒนาความร่วมมือระหว่างกันในด้านที่มีศักยภาพต่างๆ และขอยืนยันว่าจะเป็นหุ้นส่วนที่สำคัญของสหราชอาณาจักรในเอเชียต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ในรอบ 2 ปีที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการปฏิรูปประเทศในทุกด้าน และเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและอุปสรรคในด้านต่างๆ การจัดทำกรอบยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี การปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจตามนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อให้ประเทศสามารถก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง (Middle Income Trap)
นายกรัฐมนตรีเห็นว่าสมาชิกสภาผู้นำธุรกิจไทย-สหราชอาณาจักร จะเป็นกลไกที่ช่วยขับเคลื่อน และทำให้พลวัตของความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนระหว่างกันเพิ่มพูนมากขึ้น รวมทั้งเป็นเวทีที่จะหารือกันอย่างเสรี และร่วมกันแก้ไขปัญหาและอุปสรรค โดยรัฐบาลพร้อมรับฟังและให้การสนับสนุน
ทั้งสองฝ่ายหวังให้มีการเร่งรัดการค้าและการลงทุนระหว่างกัน โดยนายมาร์ค กานิเยร์ หวังส่งเสริมให้ภาคเอกชนไทยเข้าไปลงทุนในสหราชอาณาจักรมากขึ้น โดยเฉพาะนอกกรุงลอนดอน ตามนโยบายของรัฐบาลสหราชอาณาจักร ซึ่งนายกรัฐมนตรีหวังให้ภาคเอกชนสหราชอาณาจักรเข้ามาลงทุนในไทยเช่นกัน โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีดิจิทัล วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยตามนโยบาย Thailand 4.0
นายมาร์ค กานิเยร์ กล่าวว่า สหราชอาณาจักรสนใจที่จะขยายการลงทุนในไทย และใช้ไทยเป็นประตูสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และมีศักยภาพที่จะเป็นทางเข้าสู่ตลาดร่วมของอาเซียนซึ่งมีประชากรกว่า 600 ล้านคน ทั้งนี้ สหราชอาณาจักร หวังให้รัฐบาลเร่งผลักดันการแก้ไขกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคต่อภาคเอกชนสหราชอาณาจักร เช่น กฎหมายด้านการทำธุรกิจ มาตรการด้านการตรวจลงตรา ใบอนุญาตทำงาน ระบบภาษี ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขกฎระเบียบด้านการค้า การลงทุนที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนและขับเคลื่อนไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมภายในปี 2560
โอกาสนี้นายกรัฐมนตรียังได้แสดงความห่วงใยเกี่ยวกับการลงทุนของผู้ประกอบการบริษัทค้าปลีกของสหราชอาณาจักร โดยขอให้พิจารณาถึงผู้มีรายได้ต่ำของไทยด้วย ซึ่งอาจร่วมมือกับภาครัฐโดยผ่านช่องทางประชารัฐ ความร่วมมือด้านอากาศยาน นายมาร์ค กานิเยร์ กล่าวว่า สหราชอาณาจักรหวังจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงและทดสอบอากาศยานของภูมิภาคอาเซียนในไทย โดยเห็นว่าไทยมีศักยภาพทั้งในด้านภูมิศาสตร์ที่อยู่ศูนย์กลางอาเซียน และมีแรงงานที่มีคุณภาพ
ความร่วมมือด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และนวัตกรรม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่ารัฐบาลมุ่งขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็น Thailand 4.0 หรือ Value-based Economy โดยส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นพลังขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจ ซึ่งจำต้องเริ่มจากการพัฒนาบุคลากร โดยให้ความสำคัญกับการศึกษาและการพัฒนาศักยภาพของกำลังคน ให้สามารถสร้างสรรค์นวัตกรรม และเชิญชวนให้สหราชอาณาจักร เข้ามาเปิดสถาบันทั้งในระดับอุดมศึกษา และอาชีวศึกษาในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อตอบสนองต่อการพัฒนาบุคลากรด้านวิชาชีพของไทย
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือเรื่องการส่งเสริมความร่วมมือในด้านวิศวกรรมการบิน การเงิน พลังงาน และการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสาขาที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพอีกด้วย