โฆษกกลาโหมแถลง 2 ปีรัฐประหาร ชี้กองทัพเป็นแกนหลักขับเคลื่อนนโยบายรัฐ-คสช. ระบุสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านเปราะบาง หลายชาติถูกแทรกแซงจนล่มสลาย วอนให้เชื่อมั่นทหาร สร้างหลักประกันความมั่นคง ย้ำ กห.บริหารงบฯ โปร่งใส ตามแผนปฏิบัติงานของกองทัพ แจงศูนย์การต่อต้านการทุจริต กห. กำกับดูแล ขรก.ยันลูกจ้าง หวังแก้คอร์รัปชันเป็นรูปธรรม สภา กห.ตั้ง “บิ๊กรอด” คุม อผศ.
วันนี้ (23 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.ต.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมสภากลาโหมว่า ในโอกาสครบรอบ 2 ปีของรัฐบาล หลังการเข้ามาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง และแก้ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่ติดล็อกเพื่อให้ประชาชนเกิดความสงบสุขเพื่อให้ประเทศขับเคลื่อนเดินหน้าไปได้นั้น กระทรวงกลาโหมยังได้ทุ่มเททรัพยากรที่มีอยู่ทำหน้าที่เป็นแกนทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนนโยบายสำคัญของรัฐบาลและ คสช. โดยใช้ศักยภาพกองทัพที่มีอยู่เข้าคลี่คลายแก้ปัญหาของชาติที่เป็นวาระเร่งด่วน เช่น การค้ามนุษย์ การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ปัญหาการบินพลเรือน แก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ การสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในชาติ ตลอดจนการสนับสนุนการปฏิรูปประเทศด้วยการเป็นการแกนหลักขับเคลื่อนลดความเหลื่อมล้ำในสังคม โดยเฉพาะการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดบางประการที่เป็นภยันตรายต่อความสงบเรียบร้อย หรือบ่อนลายเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ
โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าวอีกว่า ผลการสำรวจความพึงพอใจของประชาชนในงานความมั่นคงในรอบสองปีที่ผ่านแสดงถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกองทัพและหน่วยงานความมั่นคงในการทำหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศ การดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนมาโดยตลอด ขณะที่ประเทศชาติกำลังเข้าสู่โหมดการปฏิรูป กระทรวงกลาโหมก็ไม่ได้ละเลยการปฏิรูปกองทัพเพื่อรองรับสภาพแวดล้อมและภัยคุกคามของโลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยกระทรวงกลาโหมได้ทบทวนและจัดทำแผนยุทธศาสตร์กระทรวงกลาโหม 20 ปีรองรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปืที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยจัดทำเป็นแผนควบคู่กับการปฏิรูปโครงสร้างและระบบบริหารจัดการกลาโหม โดยจัดทำเป็นแผนแม่บทการปฏิรูปการบริหารจัดการและการปรับปรุงโครงสร้างกลาโหม 10 ปี (พ.ศ. 2558-2567) ซึ่ง 5 ปีแรกจะปฏิรูประบบบริหารจัดการและเตรียมความพร้อมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ จากนั้นจะปรับปรุงโครงสร้างให้สอดคล้องกันใน 5 ปีต่อไป เพื่อให้กองทัพมีขนาดที่เหมาะสม ทันสมัย และมีประสิทธิภาพ สามารถเผชิญกับความท้าทายระดับภูมิภาค
พล.ต.คงชีพกล่าวอีกว่า การขับเคลื่อนแก้ปัญหาสังคม ควบคู่กับการวางรากฐานปฏิรูปประเทศในระยะเปลี่ยนผ่านมีความเปราะบางยิ่งต่อความมั่นคงและผลประโยชน์ของชาติ หากขาดความเข้าใจร่วมกันก็จะมีปัญหา ดังเช่นตัวอย่างจากหลายประเทศที่ขยายตัวจากความขัดแย้งภายในและถูกแทรกแซงจากนอกประเทศ จนถึงขั้นบ้านแตกสาแหรกขาด และล่มสลาย ทั้งนี้ งานความมั่นคงในปัจจุบันมีความซับซ้อนเชื่อมโยงทุกมิติของสังคม ทั้งในและต่างประเทศ ความเข้าใจและตระหนักรู้เท่าทันร่วมกัน ต่อผลกระทบส่วนรวมและผลประโยชน์ชาติที่จะเกิดขึ้น เป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนทุกภาคส่วนมิอาจเพิกเฉย โดยจำเป็นต้องเรียนรู้ร่วมกันและต้องการ การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในทุกมิติงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นพลังที่สำคัญยิ่งของการนำมาซึ่งความมั่นคงของประเทศที่ยั่งยืน
“ความเข้าใจ ไว้ใจและเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมที่เป็นสถาบันหลักเคียงข้างประชาชนและผลประโยชน์ของชาติแห่งนี้จึงสำคัญยิ่ง จึงขอให้คำมั่นว่าทหารทุกคนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อร่วมกันทำหน้าที่เป็นหลักประกันความมั่นคงของชาติ เคียงข้างกับประชาชน” โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุ
พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า ที่ประชุมสภากลาโหมได้เน้นย้ำหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพในการบริหารและจัดการงบประมาณในปี 60 ตามแผนปฏิบัติงานของกองทัพ โดยเน้นพัฒนากำลังพล ยุทโธปกรณ์ การปกป้องอธิปไตย สถาบันพระมหากษัตริย์ ประชาชน ตลอดจนถึงผลประโยชน์ของชาติ ในการดำเนินการต่างๆ ต้องให้เกิดความรอบคอบ โปร่งใส ตรวจสอบได้
“เน้นการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยให้เพิ่มบทบาทของศูนย์การต่อต้านการทุจริตของกระทรวงกลาโหมที่จะตั้งขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม เหล่าทัพ ร่วมถึงลูกจ้างสังกัดกระทรวงกลาโหม โดยให้ติดตามประเมินผลอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการบริหารงานที่ต้องมีธรรมาภิบาล โดยจะต้องมีมาตรการลงโทษ ผู้ที่กระทำความผิดอย่างชัดเจน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาการคอรัปชั่นเป็นรูปธรรม” โฆษกกระทรวงกลาโหมกล่าว
พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังได้เน้นย้ำหน่วยขึ้นตรงกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ในการบูรณาการ การทำงานกับส่วนราชการต่างๆ ในการช่วยเหลือสังคม โดยให้บริการประชาชน ทั้งในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัด เน้นจัดกิจกรรมสาธารณประโยชน์ เน้นจิตสาธารณะเพื่อแก้ปัญหาความเลื่อมล้ำในสังคม และให้ชุมชนมีความเข้มแข็ง
พล.ต.คงชีพกล่าวต่อว่า ประชุมได้เห็นชอบแต่งตั้ง พล.อ.อำนาจ รอดสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกระทรวงกลาโหม เป็นผู้อำนวยการองค์การทหารผ่านศึก (อผศ.) คนใหม่ พร้อมทั้งถอดถอน พล.อ.รณชัย มัญชุสุนทรกุล ผอ.ทหารผ่านศึกคนปัจจุบันออกจากตำแหน่งเนื่องจากเกษียณราชการโดยให้มีผลในวันที่ 1 ต.ค. 2559
สำหรับประวัติ พล.อ.อำนาจ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 16 จปร.27 เกิดเมื่อวันที่ 24 ธ.ค. 2499 จบปริญญาโทการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) การศึกษาทางทหาร : รร.สธ.ทบ.ชุดที่ 66 หลักสูตร วสท.รุ่นที่ 36 การศึกษาต่างประเทศ : ชั้นนายร้อยทหารปืนใหญ่ที่ประเทศออสเตรเลีย Canadian Army Command and Staff College ประเทศแคนาดา เสธ.ทหาร ที่ประเทศฟิลิปปินส์
ประวัติการทำงาน อาจารย์ รร.ป.ศป.รอง ผบ.ป.พัน.18 (ชกท.1193) นักวิชาการส่วนวิจัยและพัฒนายุทธศาสตร์ สบส. (อัตรา พ.ท.) อาจารย์ รร.สธ.ทบ. (ชกท.2728) (อัตรา พ.อ.) อาจารย์ หก.วทบ. (ชกท.2728) (อัตรา พ.อ.) จากนั้นมาเป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ช่วยราชการในตำแหน่ง ผอ.กองนโยบายและแผนส่วนนโยบายและแผน กอ.รมน.
โดยในวันที่ 1 ต.ค. 2553 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงกลาโหม 1 ต.ค. 2557 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นผู้ช่วยหัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และวันที่ 1 ต.ค. 2558 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัด ก่อนที่ประชุมสภากลาโหมมีมติให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ในวันที่ 1 ต.ค. 2559