xs
xsm
sm
md
lg

ประยุทธ์-คสช.จุดแข็งเพียบ แต่จุดอ่อนเรื่อง “ปากท้อง” ยังน่าห่วง!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


เมืองไทย 360 องศา


เพิ่งผ่านพ้นการแถลงผลงานครบรอบ 2 ปี ของรัฐบาลที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ยืนยันถึงความก้าวหน้าในทุกด้าน พร้อมทั้งประกาศเดินหน้ายุทธศาสตร์ประเทศในอีก 20 ปีข้างหน้า อย่างไรก็ดี เมื่อมีการพิจารณาจากผลสำรวจของสำนักโพลต่างๆ ที่ออกมาไล่หลังตามมา แม้ว่าส่วนใหญ่ชาวบ้านจะเห็นคล้อยตามชื่นชม และยอมรับในการแก้ปัญหาที่หมักหมมมาหลายเรื่องได้ดี แต่ยังมีสิ่งสำคัญเรื่องหนึ่งที่พวกเขาเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้ หรือทำไม่ได้ดีก็คือ เรื่องการแก้ “ปัญหาปากท้อง” หรือเรื่องเศรษฐกิจ

ยกตัวอย่างจากผลสำรวจของสวนดุสิตโพลก็ได้ ที่ชาวบ้านส่วนใหญ่พอใจกับผลงานของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในรอบสองปี โดยอันดับหนึ่งร้อยละ 82.69 เรื่องการปราบปรามการทุจริตและผู้มีอิทธิพล อันดับสองร้อยละ 78.32 การควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง อันดับสามร้อยละ 70.69 การบริหารประเทศเป็นไปตามโรดแมปที่กำหนด อันดับสี่ ร้อยละ 67.32 การแก้ปัญหาการบุกรุกป่าสงวน ที่สาธารณะ การจัดระเบียบสังคม และอันดับห้าร้อยละ 60.15 การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม

ขณะที่สิ่งที่ประชาชนผิดหวังกับสองปีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อันดับหนึ่งร้อยละ 73.52 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจค่าครองชีพ ปัญหาปากท้องของประชาชน อันดับสองร้อยละ 71.89 ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร เอาเป็นว่าเมื่อพิจารณาจากตัวเลขจากผลสำรวจดังกล่าวทั้งสองด้าน นั่นคือทั้งด้านพอใจและผิดหวังถือว่าอยู่ในระดับสูงพอกัน

แม้ว่าในระดับด้านความพอใจของชาวบ้านที่เห็นว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สามารถแก้ปัญหาในเรื่องสำคัญที่แทบจะไม่มีรัฐบาลไหนทำได้ แต่ชาวบ้านกลับมองเห็นว่าทำได้ดี นั่นคือ เรื่องการแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน การควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง เอาแค่สองเรื่องนี้ก็ย่อมได้ใจไปเต็มๆ แล้ว เพราะหากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแทบทุกรัฐบาลที่พังพาบมานักต่อนักไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลเผด็จการ หรือรัฐบาลประชาธิปไตยล้วนมีสาเหตุมาจากปัญหาการทุจริตแทบทั้งสิ้น ซึ่งไม่ว่ารัฐบาลเหล่านั้นจะมีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด หรือมีเสียงสนับสนุนในสภาเข้มแข็งแค่ไหน แต่เมื่อมีเรื่องดังกล่าวมันก็ทำให้เกิดความเสื่อมศรัทธาถูกขับไล่ออกไปในที่สุด

หากโฟกัสเฉพาะรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เรียกว่ารัฐบาล คสช.ที่ผ่านมาถือว่ามีจุดแข็งในเรื่อง “ภาพลักษณ์” ของการเอาจริงในเรื่องการปราบปรามทุจริต แม้ว่าบางครั้งจะมีเรื่องนินทาลับหลังบ้างในระดับวงในก็ “มีบ้าง” เหมือนกัน แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นเรื่องอื้อฉาวบานปลายนัก เช่นเรื่อง “ปมการก่อสร้างอุทนยานราชภักดิ๋” แต่ก็สามารถจำกัดวงเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

อย่างไรก็ดี ในเมื่อมีจุดแข็งก็มี “จุดอ่อน” ที่แก้ไม่ตกเหมือนกัน และถือว่าเป็น “เรื่องใหญ่” สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เป็นนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นั่นคือ เรื่องปัญหาปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ เรื่องราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ ทั้งหมดก็คือปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องเดียวกันคือเรื่องปากท้องนั่นแหละ

หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่า ผลการสำรวจทุกครั้งก่อนหน้านี้กระทั่งมาจนถึงการแถลงผลงานรัฐบาลครบรอบ 2 ปี สิ่งที่สร้างความผิดหวังและยังเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลนี้ก็คือเรื่องปากท้องนี่แหละ และยังไม่เปลี่ยนแปลงในทางบวก บางครั้งจนดูเหมือนว่าเป็นความรู้สึก “ฝังหัว” ไปแล้วหรือเปล่า แต่อย่างไรก็ดีเมื่อสำรวจตรวจสอบไปตามความเป็นจริงก็พบว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นคือเรื่องราคาสินค้าเกษตรตกต่ำก็ปฏิเสธไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ราคาข้าวเปลือก ขณะสวนทางกับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สวนทาง ราคาค่าครองชีพที่พุ่งพรวดไม่ยอมลดลงตามราคาน้ำมัน นี่คือความเดือดร้อนที่ชาวบ้านทั้งประเทศประสบอยู่และยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น

ที่ผ่านมา รัฐบาลหรือทีมเศรษฐกิจจะอ้างมาตลอดว่าเป็นตลาดโลกยังไม่ฟื้นตัว ประเทศคู่ค้าสำคัญยังเดี้ยงทำให้เราส่งออกไม่ได้หรือส่งออกได้น้อย ที่ผ่านมาประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกถึงเกือบร้อยละ 80 หากปีไหนเราส่งออกได้น้อยหรือเศรษฐกิจมีปัญหาเราก็เดี้ยงทันที แต่ในปัจจุบันนี้กำลังมีความพยายามเปลี่ยนแปลงโดยการสร้างเศรษฐกิจสร้างตลาดภายในประเทศขึ้นมาชดเชย เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกลง แต่ถึงอย่างไรตลาดภายในยังมีขนาดเล็กยังต้องใช้เวลา

นอกจากนี้ ปัญหาเศรษฐกิจนอกจากจะสร้างปัญหาให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทั้งในปัจจุบันและอาจส่งผลไปถึงอนาคตหากคิดจะ “ลากยาว” ตามเงื่อนไขของรัฐธรรมนูญใหม่อีกด้วย แม้ว่าที่ผ่านมาจะสร้างผลงานในเรื่องอื่นจนเกิดความเชื่อมั่นในเรื่องการปราบปรามทุจริต ผู้มีอิทธิพล แต่เศรษฐกิจปากท้องก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ชาวบ้านทุกคนสัมผัสได้ทุกวัน และที่สำคัญ เครือข่ายของทักษิณ ชินวัตร กำลังพยายามยกขึ้นมาเสียดสีอยู่ทุกวัน ดังนั้นก็ได้แต่หวังว่าเวลาที่เหลือนับจากนี้เขาจะแก้ไขจุดอ่อนที่เป็นเรื่องสำคัญดังกล่าวลงได้ดี เพราะมันมีผลกับวันหน้าอย่างแรง!
กำลังโหลดความคิดเห็น