ปธ.สหพันธ์ปลัดอำเภอฯ ยื่นหนังสือ “ประยุทธ์” ขอความเป็นธรรมเหตุรองผู้ว่าฯ ตรังไม่ได้ขึ้นเป็นพ่อเมืองตามหลักอาวุโสและหลักการปกครอง ถูกนายอำเภอข้ามหัวผู้บังคับบัญชา ดันน้องมาปกครองพี่ ถูกวิจารณ์สถาบันที่จบมามีผลต่อการแต่งตั้ง จี้ให้เกิดระบบคุณธรรม ไม่จำเป็นต้องร้องเรียนแค่ดูระบบหลักเกณฑ์ก็เพียงพอ ชมปลัด มท.กล้าทำสิ่งที่ถูกต้อง เล็งชง สนช.แก้ กม.
วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรมเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับบริหารสูงสุด ระดับ (10) ปี 2559 ของกระทรวงมหาดไทยที่ส่งผลกระทบต่อระบบคุณธรรมในการแต่งตั้ง
นายบุญฤทธิ์กล่าวว่า จากกรณีนายสายัณห์ อินทรภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจากกระทรวงมหาดไทย ปี 2559 ประเด็นดังกล่าวทำให้เกิดคำถาม ในประเด็นความชอบธรรม ถึงแม้จะเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะตามหลักความอาวุโสและตามหลักการปกครองบังคับบัญชา เนื่องจากผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดในรอบนี้หลายรายยังปฏิบัติหน้าที่นายอำเภอหรือเทียบเท่า โดยมีรองผู้ว่าฯ เป็นผู้บังคับบัญชา แต่ผ่านมา 3 ปี รองผู้ว่าฯ ยังคงตำรงตำแหน่งเดิม แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เคยเป็นนายอำเภอกลับได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงการข้าราชการกระทรวงมหาดไทยถึงสถาบันการศึกษาที่แต่ละคนจบมาว่ามีผลต่อการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งผู้ว่าต้องยึดหลักธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติมาทางราชการ แต่ครั้งนี้นายสายัณห์กลับไม่ได้รับการพิจารณาจากบอร์ดแต่อย่างใด
“ทางสมาพันธ์ฯ มาร้องเรียนนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เพื่อต้องการให้เกิดระบบคุณธรรม ในการแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ เพราะที่ผ่านมาจากกรณีรองผู้ว่าจังหวัดตรังไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ไม่ได้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ที่ผ่านมามีการฟ้องร้องกันหลายครั้ง และแต่ละครั้งมีความชัดเจน แต่ผู้บังคับบัญชามักจะบอกให้ทุกคนดำเนินการอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ร้องเรียน ทางสมาพันธ์ฯ เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องร้องเรียน เพียงแค่ดูระบบหลักเกณฑ์ก็เพียงพอที่จะดำเนินการ สิ่งสำคัญวันนี้อยากให้กำลังใจนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และอยากให้นายกฯ ตรวจสอบ และกำหนดแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจน” นายบุญฤทธิ์กล่าว
นายบุญฤทธิ์กล่าวว่า จากกรณีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่อาวุโสน้อย อายุงานเพียง 1-2 ปี ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ ทันทีจะทำให้เกิดปัญหาในการปกครอง บังคับบัญชา บางคนยังเป็นแค่นายอำเภอแต่ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ และมาปกครองรองผู้ว่าฯ ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชามาก่อนก็จะเกิดการปกครองลำบาก จะเอาน้องไปปกครองพี่ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” จากนี้ทางสมาพันธ์ฯ จะรวบรวมเรื่องทั้งหมดเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อแก้ไขกฎหมายให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงในระบบข้าราชการไทยในการแต่งตั้งทั้งนี้ขอยืนยันว่าทางสมาพันธ์ฯ ไม่ได้มีการได้เสียต่อการแต่งตั้งหรือการมาร้องเรียนทั้งสิ้น
วันนี้ (19 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 19 ก.ย. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักงาน ก.พ. นายบุญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ประธานสหพันธ์ปลัดอำเภอแห่งประเทศไทย (ส.ปอ.ท.) ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อขอความเป็นธรรมเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับบริหารสูงสุด ระดับ (10) ปี 2559 ของกระทรวงมหาดไทยที่ส่งผลกระทบต่อระบบคุณธรรมในการแต่งตั้ง
นายบุญฤทธิ์กล่าวว่า จากกรณีนายสายัณห์ อินทรภักดิ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรังไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดจากกระทรวงมหาดไทย ปี 2559 ประเด็นดังกล่าวทำให้เกิดคำถาม ในประเด็นความชอบธรรม ถึงแม้จะเป็นอำนาจของผู้บังคับบัญชา โดยเฉพาะตามหลักความอาวุโสและตามหลักการปกครองบังคับบัญชา เนื่องจากผู้ที่ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดในรอบนี้หลายรายยังปฏิบัติหน้าที่นายอำเภอหรือเทียบเท่า โดยมีรองผู้ว่าฯ เป็นผู้บังคับบัญชา แต่ผ่านมา 3 ปี รองผู้ว่าฯ ยังคงตำรงตำแหน่งเดิม แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เคยเป็นนายอำเภอกลับได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดแล้ว ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงการข้าราชการกระทรวงมหาดไทยถึงสถาบันการศึกษาที่แต่ละคนจบมาว่ามีผลต่อการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้งผู้ว่าต้องยึดหลักธรรมเนียมที่เคยปฏิบัติมาทางราชการ แต่ครั้งนี้นายสายัณห์กลับไม่ได้รับการพิจารณาจากบอร์ดแต่อย่างใด
“ทางสมาพันธ์ฯ มาร้องเรียนนายกรัฐมนตรีในวันนี้ เพื่อต้องการให้เกิดระบบคุณธรรม ในการแต่งตั้งข้าราชการกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะในช่วงที่ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ เพราะที่ผ่านมาจากกรณีรองผู้ว่าจังหวัดตรังไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ไม่ได้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่ที่ผ่านมามีการฟ้องร้องกันหลายครั้ง และแต่ละครั้งมีความชัดเจน แต่ผู้บังคับบัญชามักจะบอกให้ทุกคนดำเนินการอยู่ในกระบวนการตรวจสอบ ร้องเรียน ทางสมาพันธ์ฯ เห็นว่า ไม่จำเป็นต้องร้องเรียน เพียงแค่ดูระบบหลักเกณฑ์ก็เพียงพอที่จะดำเนินการ สิ่งสำคัญวันนี้อยากให้กำลังใจนายกฤษฎา บุญราช ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้กล้าที่จะทำในสิ่งที่ถูกต้อง และอยากให้นายกฯ ตรวจสอบ และกำหนดแนวทางการแก้ไขที่ชัดเจน” นายบุญฤทธิ์กล่าว
นายบุญฤทธิ์กล่าวว่า จากกรณีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่อาวุโสน้อย อายุงานเพียง 1-2 ปี ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ ทันทีจะทำให้เกิดปัญหาในการปกครอง บังคับบัญชา บางคนยังเป็นแค่นายอำเภอแต่ได้ขึ้นเป็นผู้ว่าฯ และมาปกครองรองผู้ว่าฯ ซึ่งเคยเป็นผู้บังคับบัญชามาก่อนก็จะเกิดการปกครองลำบาก จะเอาน้องไปปกครองพี่ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้” จากนี้ทางสมาพันธ์ฯ จะรวบรวมเรื่องทั้งหมดเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อแก้ไขกฎหมายให้เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงในระบบข้าราชการไทยในการแต่งตั้งทั้งนี้ขอยืนยันว่าทางสมาพันธ์ฯ ไม่ได้มีการได้เสียต่อการแต่งตั้งหรือการมาร้องเรียนทั้งสิ้น