สุราษฎร์ธานี - รองพ่อเมืองสุราษฎร์ธานี รุดตรวจโรงงานปาล์มน้ำมันในพื้นที่อำเภอชัยบุรี หลังถูกร้องปล่อยน้ำเสียลงคลอง ส่งผลปลาตายยกคลอง ล่าสุด เจ้าของโรงงานออกมารับผิดชอบยอมชดเชยความเสียหายต่อเกษตรกร ในขณะที่น้ำเสียขยายพื้นที่ไปอีก 1 หมู่บ้าน
เมื่อเวลา 16.00 น. นายวิชวุธ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยอุตสาหกรรมจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตปาล์มน้ำ ป.พานิชรุ่งเรือง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ถ.กระบี่-สุราษฎร์ ม.8 ต.ชัยบุรี อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ที่ปล่อยน้ำเสียลงคลองพัง เมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ให้ปลาในคลองพัง และลำห้วยสามร้อย ทำให้ปลาในกระชังของเกษตรกร ม.1 บ้านคลองพังกลาง ต.ชัยบุรี ตายยกคลอง
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ท่อส่งน้ำเสียของโรงงานดังกล่าวแตกชำรุดเสียหายแต่ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้น้ำเสียไหลลงสู่ลำคลองจนเกิดความเสียหาย ทางรองผู้ว่าจังหวัดได้สั่งการให้มีการปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยทางโรงงานได้ออกมารับผิดชอบนำรถแบ็กโฮมาขุดดินเปิดทางน้ำเสียระบายลงสู่ที่กักเก็บน้ำ และชดเชยค่าเสียหายให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา และปล่อยสัตว์น้ำคืนสู่ธรรมชาติหลังสภาพน้ำกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมรับปากจะปรับปรุงจัดทำแก้ไขตัวสันเขื่อนกักเก็บน้ำเสียให้ได้มาตรฐาน ในส่วนเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดเตรียมดำเนินการต่อผู้ประกอบการในด้านทางคดีต่อไป
ในขณะเดียวกัน วันนี้ (2 มี.ค.) น้ำเสียได้ขยายพื้นที่ลงไปในพื้นที่หมู่ที่ 2 ได้สร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก ด้านเจ้าหน้าที่เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่อาศัยอยู่ตามริมคลองเตรียมรับมวลน้ำเสียที่จะไหลผ่านก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำตาปี
เมื่อเวลา 16.00 น. นายวิชวุธ จินโต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยอุตสาหกรรมจังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานผลิตปาล์มน้ำ ป.พานิชรุ่งเรือง ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ ถ.กระบี่-สุราษฎร์ ม.8 ต.ชัยบุรี อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ที่ปล่อยน้ำเสียลงคลองพัง เมื่อคืนวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ให้ปลาในคลองพัง และลำห้วยสามร้อย ทำให้ปลาในกระชังของเกษตรกร ม.1 บ้านคลองพังกลาง ต.ชัยบุรี ตายยกคลอง
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า ท่อส่งน้ำเสียของโรงงานดังกล่าวแตกชำรุดเสียหายแต่ไม่ได้รับการแก้ไข ทำให้น้ำเสียไหลลงสู่ลำคลองจนเกิดความเสียหาย ทางรองผู้ว่าจังหวัดได้สั่งการให้มีการปรับปรุงแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยทางโรงงานได้ออกมารับผิดชอบนำรถแบ็กโฮมาขุดดินเปิดทางน้ำเสียระบายลงสู่ที่กักเก็บน้ำ และชดเชยค่าเสียหายให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลา และปล่อยสัตว์น้ำคืนสู่ธรรมชาติหลังสภาพน้ำกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมรับปากจะปรับปรุงจัดทำแก้ไขตัวสันเขื่อนกักเก็บน้ำเสียให้ได้มาตรฐาน ในส่วนเจ้าหน้าที่อุตสาหกรรมจังหวัดเตรียมดำเนินการต่อผู้ประกอบการในด้านทางคดีต่อไป
ในขณะเดียวกัน วันนี้ (2 มี.ค.) น้ำเสียได้ขยายพื้นที่ลงไปในพื้นที่หมู่ที่ 2 ได้สร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก ด้านเจ้าหน้าที่เร่งประชาสัมพันธ์ให้ผู้ที่อาศัยอยู่ตามริมคลองเตรียมรับมวลน้ำเสียที่จะไหลผ่านก่อนที่จะไหลลงสู่แม่น้ำตาปี
