“ประยุทธ์” เปิดงาน Startup Thailand & Digital Thailand แจง รบ.สร้างสะพานเชื่อมโยง ใช้ประชารัฐขับเคลื่อน ปชช.ได้รับสิทธิเท่าเทียมตามสากล ยันใช้ กม.พิเศษเพื่อความสงบ ขอร่วมมือกัน รบ.แก้ปัญหาผู้เดียวไม่ได้ อย่าระแวง ดีใจคนภูเก็ตมาต้อนรับ ขอไม่ต้องมอบกุหลาบ ย้ำอำนาจทั้งหมดอยู่ที่ ปชช.จะเลือกผิดหรือคนดีมาสานต่อนโยบายที่วางไว้ ขออย่ากังวล รมว.ดิจิทัลเป็นใคร
วันนี้ (16 ก.ย.) เมื่อเวลา 11.20 น. ที่ดวงจิต รีสอร์ท แอนด์ สปา จ.ภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานพิธีเปิดการจัดงาน “Startup Thailand & Digital Thailand ภูมิภาค 2016” ที่เกิดจากการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วนเพื่อร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาธุรกิจวิสาหกิจเริ่มต้น (สตาร์ทอัพ) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ภูมิภาคได้รับรู้และมีโอกาสในการเข้าร่วมกระบวนการพัฒนาต่างๆ ตั้งแต่เริ่มต้น และเป็นการเน้นย้ำจุดยืนของรัฐบาลที่มีความตั้งใจต่อการสนับสนุนกลุ่มวิสาหกิจเริ่มต้น รวมทั้งเพื่อสร้างต่อเนื่องของกิจกรรมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางปฏิบัติอย่างแท้จริงและทันเหตุการณ์
พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “การส่งเสริมภูเก็ตสู่ศูนย์กลางธุรกิจสตาร์ทอัพและเมืองอัจฉริยะ” ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ถือเป็นสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศ แต่หากมองย้อนกลับไปจะเห็นปัญหามากมาย โดยเฉพาะปัญหาการสร้างสะพานเชื่อมโยงกันไม่ได้ วันนี้รัฐบาลจึงเข้ามาสร้างสะพานเชื่อมโยงนี้ขึ้นมาจากการบูรณาการทุกภาคส่วน โดยใช้กลไกประชารัฐในการขับเคลื่อน และต้องคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และประชาชนต้องได้รับสิทธิเท่าเทียมกันตามกติกาสากล ยืนยันว่ารัฐบาลใช้กฎหมายพิเศษในด้านความมั่นคงเพื่อให้มีความสงบเรียบร้อย จะเห็นได้ว่าประชาชนมีสิทธิที่จะทำอะไรก็ได้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร จึงต้องขอให้ใช้เวลานี้ในการให้ความร่วมมือ หลายอย่างที่ไม่เกิดขึ้นเพราะไม่มีแรงขับเคลื่อนและแรงผลักดันมานาน โดยเฉพาะในส่วนของรัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องมีเป้าหมาย มีโรดแมปในแต่ละช่วงเวลา โดยอาศัยทุกคนร่วมมือกัน เพราะรัฐบาลผู้เดียวไม่สามารถแก้ปัญหาได้โดยลำพัง อย่างไรก็ตาม ด้านเศรษฐกิจอาจมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะมีการจัดระเบียบจึงทำให้บางคนเดือดร้อน แต่สิ่งที่ทำตนทำเพื่อคนไทยทั้ง 70 ล้านคน และต่างประเทศที่เป็นมิตรต่อเรา วันนี้จึงหวาดระแวงกันไม่ได้ และยืนยันว่าประเทศไทยมีศักยภาพในทุกเรื่อง จึงอย่าไปกลัวผีที่มองไม่เห็น ต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง ไหว้พระก็จะปลอดภัยแล้ว และขออย่าฝันกลางฤดูฝนว่าจะเป็นนั่นจะเป็นนี่ รัฐบาลมีนโยบายที่จะทำให้สอดคล้องกับความต้องการของคนทั้งประเทศ ไม่ใช่ดูแลเฉพาะพื้นที่ แต่ต้องสร้างความเข้มแข็งเป็นภูมิภาคและกลุ่มจังหวัดแล้วสร้างความเชื่อมโยงระหว่างกัน รัฐบาลมีหน้าที่เป็นพ่อบ้านที่ต้องทำให้ลูกบ้านคือประชาชนทั้งหมดมีความสุข โดยมีผู้ว่าฯ และหน่วยราชการเป็นผู้แทนดูแลทุกข์สุขของประชาชน
“ดีใจที่มาภูเก็ตแล้วมีคนมาต้อนรับ ขอร้องอย่างเดียวอย่าไปกะเกณฑ์ให้เขามา ถ้าเขาไม่อยากมาก็ปล่อยเขา ไว้เมื่อไหร่อยากมาก็ค่อยมา แต่ขอให้มาก่อนผมไปก็แล้วกัน ไม่ต้องมีดอกไม้ วันนี้อย่าให้เห็นว่ามีดอกกุหลาบมาให้ ผมไม่ต้องการ เพราะรู้อยู่แล้วเป็นกุหลาบที่มาจากร้านเดียวกัน แม้บางคนแนะนำว่าให้รับไปเพราะเขามีน้ำใจและคนขายก็จะมีรายได้ แต่ผมไม่ต้องการ และไม่รู้เป็นอะไรผมโชกเลือดเกือบทุกเรื่อง ขนาดแค่เรื่องกางร่มหรือไม่กางร่มยังโดนด่า สรุปผมต้องโชกโชนทุกเรื่องเลยหรืออย่างไร ขอย้ำว่าวันนี้อำนาจเป็นของประชาชน ถ้าเลือกผิดก็จะผิดต่อไป แต่ถ้าเลือกคนดีก็จะดีต่ออนาคตและมาสานต่อนโยบายดีๆ ที่ผมวางไว้ แต่ทั้งหมดใครเข้ามาเป็นรัฐบาลเขาก็มีอำนาจในการบริหารที่จะเปลี่ยนแปลง แต่เราก็มีแผนปฏิรูป แผนพัฒนาทุก 5 ปี รวมทั้งมียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เป็นตัวกำหนด ดังนั้น อำนาจทั้งหมดอยู่ที่มือประชาชนทุกคนว่าต้องการให้ประเทศก้าวหน้าและมีอนาคตต่อไปหรือไม่ ฟังผมแล้วคิดว่าเห็นอนาคตหรือไม่ อนาคตของผมกับนโยบายการเมืองมันคนละเรื่อง ก็อยู่ที่ประชาชนจะเลือกแบบไหน แต่ถ้าในห้องนี้เห็นด้วยกับผมก็ถือว่าเป็นสัญญา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงการแต่งตั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม ว่าวันนี้ยังมีการเป็นห่วงกันว่ารัฐมนตรีจะเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นใครก็เหมือนกัน เพราะต้องทำตามนโยบายรัฐบาล โดยฝ่ายเศรษฐกิจได้วางไว้แล้วจึงขออย่ากังวล