กกต.ส่งร่าง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส.ให้ กรธ.วันนี้ ยังไม่ใส่ใบดำ รอ กรธ.ตัดสินหลังยอมรับลักษณะฐานความผิดไม่ชัดเจน
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงว่า กกต.จะส่งร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. พ.ศ. ... ให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ภายในวันนี้ โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญ คือ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งได้เอง เพิ่มค่าการรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต เพิ่มช่องทางรับสมัครทางอินเทอร์เน็ต ควบคู่กันกับวิธีปกติ ผู้สมัครต้องติดป้ายตามขนาดและในพื้นที่ที่ กกต.กำหนดเท่านั้น พรรคการเมืองที่เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีต้องดีเบตนโยบายต่อสาธารณะ ส่วนการคำนวณ ส.ส.แบบจัดสรรปันส่วนผสมจะยึดตามรัฐธรรมนูญกำหนด ที่จะมีปัญหาคือในส่วนของการปรับสัดส่วน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อให้อยู่ในกรอบ 150 คน ตามเจตนารมณ์ของ กรธ.ใช้วิธีการเทียบบัญญัติไตรยางศ์ อย่างไรก็ตาม จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่ออาจมีการเปลี่ยนแปลง กรณี กกต.ยังไม่ประกาศผลในส่วนร้อยละ 5 ของจำนวน ส.ส.ทั้งหมด ภายใน 1 ปี ซึ่งหากมาคำนวณในภายหลังอาจทำให้ผู้ที่ดำรงตำแหน่ง ส.ส.แบบัญชีรายชื่อไปแล้วและอยู่ในลำดับท้ายๆ ต้องหลุดออกจากตำแหน่ง แต่ถ้าพ้นระยะเวลา 1 ปี ไปแล้วจะไม่มีการคำนวณแต่อย่างใด
พ.ต.อ.จรุงวิทย์กล่าวว่า ส่วนการดำเนินการกรณีการเลือกตั้งไม่สุจริต ก่อนการประกาศผลการเลือกตั้ง กกต.สามารถสั่งระงับสิทธิรับสมัครหรือใบส้มได้เป็นเวลา 1 ปี โดยมติ กกต.ถือเป็นที่สุด พร้อมกับสั่งเลือกตั้งใหม่ได้ หลังการประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง กกต.สามารถเสนอให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง หรือใบแดง มีระยะเวลา 5-10 ปี แล้วแต่ความผิด ส่วนกรณีเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือใบดำ มีการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและยอมรับว่าควรจะมีบัญญัติไว้ในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว แต่เนื่องจาก กกต.เห็นว่ายังมีความไม่ชัดเจนว่า กรธ.มีเจตนาที่จะให้หมายถึงความผิดลักษณะใดบ้างจึงยังไม่มีการกำหนดเรื่องดังกล่าวไว้ในร่าง พ.ร.บ. แต่จะมีข้อสังเกตและไปหารือกับ กรธ.ในวันที่ 19 ก.ย.นี้
“เดิมคณะทำงานคิดว่าจะเอาโทษตามมาตรา 53 พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยเลือกตั้ง ส.ส. 2554 ไปใส่ไว้เป็นลักษณะความผิดที่จะเข้าข่ายใบดำ แต่ยังไม่ชัดเจนเพราะการจำแนกโทษระหว่างการเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกับการเพิกถอนสิทธิรับสมัครนั้นเป็นไปได้ยาก อีกทั้งอำนาจในการ่างกฎหมายลูกเป็นของ กรธ. จึงอยากหารือเพื่อหาความชัดเจนก่อนและให้ กรธ.เป็นผู้กำหนดลักษณะความผิดที่จะเข้าข่ายใบดำไว้ในกฎหมายลูกเอง แต่ยอมรับว่าหากไม่มีการกำหนด ในทางปฏิบัติเมื่อเกิดการทุจริตและ กกต.ต้องเสนอต่อศาลเพื่อให้ลงโทษ กกต.ต้องระบุว่าจะให้ศาลลงโทษความผิดใดระหว่างเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิรับสมัคร แต่ทั้งหมดไม่ว่าจะโดนโทษใดตามรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มาตรา 98 (11) ที่กำหนดว่า ผู้ที่เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่าทุจริตเลือกตั้งห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง และกรรมการองค์กรอิสระตลอดไป”