“ประยุทธ์” ต้อนรับ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เยือนเป็นทางการประชุมทวิภาคีครั้งที่ 6 ก่อนร่วมเป็นสักขีพยานลงนาม MOU นิคมอุตสาหกรรมยางพารา “บิ๊กตู่” ขอบคุณบทบาทพูดคุยสันติภาพชายแดนใต้ แนะร่วมมือแก้ปัญหาความมั่นคง ส่งเสริมการค้าชายแดน สร้างสะพานแม่น้ำโกลก ศึกษารถไฟความเร็วสูง กทม.- กัวลาฯ ด้าน “ราจิบ” พร้อมช่วยให้เกิดความเชื่อใจกัน พร้อมร่วมมือสร้างรั้วชายแดน แก้ปัญหาค้ามนุษย์ สร้างข้อมูลแยกคนสองสัญชาติ ยินดีรัฐธรรมนูญผ่านประชามติ ก่อนร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 16.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้า คสช. จัดพิธีต้อนรับ นายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและ ภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีระหว่างนายกฯไทย กับ นายกฯมาเลเซีย ครั้งที่ 6 ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้นำ นายนาจิบ ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ก่อนหารือข้อราชการเต็มคณะ โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายภาณุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ พล.อ.อักษรา เกิดผล ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะพูดคุยสันติสุขชายแดนภาคใต้ร่วมประชุม
ต่อมาเวลา 17.30 น.พล.อ.ประยุทธ์ และนายนาจิบ ได้เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) สงขลา และ นิคมอุตสาหกรรมยางพาราโกตา ปุตรา ระหว่างการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับ บริษัท เทรดวินส์ แพลนเทชัน เบอร์หาด จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ และ นายนาจิบ แถลงข่าวร่วมกัน
โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้สำคัญมาก หารือร่วมกันในหลายประเด็นทั้งการกำหนดวิสัยทัศน์และหาแนวทางในการยกระดับ ซึ่ง 2 ประเทศจะต้องมีความเชื่อมโยงกันมากขึ้น โดยได้เห็นชอบร่วมกันทั้งเรื่องความมั่นคงการค้าการลงทุน การพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน นอกจากนี้ ยังหารือในกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งไทยต้องขอขอบคุณนายนาจิบ ที่ดำเนินบทบาทอย่างสร้างสรรค์ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกของกระบวนการพูดคุย ไทยยังยืนยันที่จะเดินหน้ากระบวนการพูดคุยต่อไป เพื่อให้การพูดคุยเป็นไปด้วยความสร้างสรรค์ ขณะนี้ยังอยู่ในช่วงของการเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างกันก่อนที่จะดำเนินการในระยะต่อไป ส่วนเรื่องความมั่นคงด้านอื่น ๆ นั้น ทั้ง 2 ประเทศต่างเผชิญในเรื่องของภัยความมั่นคงที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นการก่อการร้ายระหว่างประเทศ การเผยแพร่แนวความคิดสุดโต่ง อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ที่จะต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อแก้ไขปัญหา เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นในไทยก็จะมีผลกระทบต่อมาเลเซียด้วยเช่นกัน ดังนั้น เราต้องหาวิธีการที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนงานด้านการข่าวกรอง ข้อมูลการตรวจสอบคนเข้าเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจ เราต่างเห็นชอบร่วมกัน และมาเลเซียเป็นตลาดไทยส่งออกข้าวอันดับ 2 ของไทย ดังนั้น ไทย - มาเลเซีย ต้องทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายในการค้ามูลค่า 31,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2561 จากเดิมที่มีมูลค่า 21,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังสนับสนุนให้ภาคเอกชนมีบทบาทในการสนับสนุนขับเคลื่อนเศรษฐกิจของ 2 ประเทศ วันนี้ได้มีการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย - มาเลเซีย และ สภาหอการค้าไทย - มาเลเซีย แล้ว โดยเราได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจตามเขตชายแดนเพื่อความกินดีอยู่ดีของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ ส่งเสริมให้มีการค้าชายแดนเขตเศรษฐกิจพิเศษ การสร้างสะพาน และเชื่อมโยงทางรถไฟทางคู่หาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์ และ ปาดังเบซาร์ - อิโปร์ การขยายตลาดในด่านสะเดา จ.สงขลา และเห็นชอบร่วมกันก่อสร้างสะพานแม่น้ำโก-ลก ทั้ง 2 แห่ง ในปี 2560 เพื่อแก้ไขปัญหาการขนส่งข้ามแดน โดยจะมีการหารือร่วมกันให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้ ได้หารือถึงการศึกษาการสร้างรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปกัวลาลัมเปอร์ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังสิงคโปร์
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า อีกเรื่องที่สำคัญคือ เรื่องยางพารา โดยไทยขอให้มาเลเซียช่วยเหลือใช้ยางอย่างครบวงจร ทั้งการผลิตและแปรรูป รวมทั้งการตลาดและวันนี้เราได้ทำการปลูกยางน้อยลงแล้ว และไทยริเริ่มโครงการเมืองยางพาราในภาคใต้ซึ่งสอดคล้องกับเมืองยางพาราของมาเลเซีย และขอบคุณมาเลเซียที่ดูแลแรงงานไทย ส่วนเรื่องของสัญชาติที่ต้องดูแลร่วมกัน เพราะประชาชนบางคนถือ 2 สัญชาติ อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณ นายกฯ นาจิบ ที่มาหารือร่วมกันเพื่อนำแนวทางประชุมวันนี้ไปสร้างสรรค์สู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เพื่อประโยชน์ของประชาชน 2 ประเทศและเป็นไปอย่างไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน
ด้าน นายนาจิบ กล่าวว่า จากผลการหารือมีผลสำเร็จทั้งในเนื้อหาสาระของการประชุมครั้งนี้ ตนสนับสนุนและเห็นชอบที่ พล.อ.ประยุทธ์ ที่กล่าวไว้ว่า ผลประโยชน์ระหว่างมาเลเซีย และ ไทย มีความเชื่อมโยงกัน โดยความมั่นคงและความเจริญ และผลประโยชน์ของทั้งสองประเทศไม่สามารถแยกแยะจากกันได้ ซึ่งผู้นำทั้งสองเห็นชอบที่จะร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ จะต้องนำผลการหารือไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรม ซึ่งสิ่งที่จะนำไปปฏิบัติก็ได้มอบหมายให้หน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง นำสิ่งที่ได้ตกลงกันในการประชุมครั้งนี้ไปปฏิบัติในเชิงสร้างสรรค์ให้เป็นรูปธรรม สำหรับสองประเด็นที่ได้หารือทั้งเรื่องความมั่นคงและเศรษฐกิจ
นายนาจิบ กล่าวว่า ในเรื่องความร่วมมือด้านความมั่นคง มาเลเซียยืนยันที่จะดำเนินบทบาทผู้อำนวยความสะดวกในกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ต่อไป และขอยืนยันอีกครั้งว่า รัฐบาลมาเลเซียมีความมุ่งมั่น และเข้าใจว่า สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสถานการณ์ของประเทศไทย ซึ่งจะดำเนินการตามแนวทางที่รัฐบาลไทยกำหนด ซึ่งในฐานะที่รัฐบาลมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวกก็จะช่วยเสริมสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกัน มาเลเซียก็จะช่วยพัฒนาทักษะ ฝีมือแรงงานให้กับเยาวชนไทยในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรการศึกษาเพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนหลักสูตรสามัญและศาสนาควบคู่กันไป
นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า ปัญหาการก่อการร้ายระหว่างประเทศ ไทยและมาเลเซียจะร่วมมือกันอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด เพื่อต่อต้านการก่อการร้าย การลักลอบการค้ามนุษย์ และการก่ออาชญากรรมข้ามชาติ และแนวคิดสุดโต่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญที่ทั้งสองฝ่ายต้องร่วมมือกัน เนื่องจากผู้ก่อความไม่สงบมีการเคลื่อนไหว โดยอาศัยประเทศไทยและมาเลเซีย เป็นฐานในการเคลื่อนไหว ดังนั้น เราต้องร่วมมือกันเพื่อปราบปรามและป้องกัน ด้านข่าวกรอง และการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลที่เป็นที่ต้องการทั้งไทยและมาเลเซียในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนซึ่งกันและกัน
“ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศจะต้องร่วมมือกันในการสร้างรั้วแนวชายแดนไทย - มาเลเซีย โดยจะต้องหารือในรายละเอียดและกำหนดขอบเขตงบประมาณในการก่อสร้างรั้วดังกล่าว นอกจากนี้ ผม และ พล.อ.ประยุทธ์ เห็นชอบร่วมกันในเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์ ถือเป็นปัญหาสำคัญในการร่วมมือกันแก้ไขปัญหา” นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าว
นายนาจิบ กล่าวว่า ในเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติเราจำเป็นต้องดำเนินการตามความเหมาะสมระหว่างสองประเทศ ส่วนเรื่องบุคคลสองสัญชาตินั้น ตนเห็นด้วยกับพล.อ.ประยุทธ์ ที่จำเป็นต้องสร้างฐานข้อมูลร่วมกันบนพื้นฐานโดยอาศัยเครื่องไบโอแมทริกซ์ เพื่อที่จะสามารถกำหนดและแยกแยะบุคคลสองสัญชาติได้ เพราะการที่เราจะมาเปรียบเทียบชื่อคงไม่สามารถรู้สถานะของบุคคลสองสัญชาติได้ เพราะคนเหล่านี้มีหลายชื่อ จึงคิดว่าการเปรียบเทียบโดยใช้เครื่องไบโอแมทริกซ์จะสามารถพิสูจน์จะสามารถพิสูจน์ได้ รัฐบาลมาเลเซียให้ความสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อส่งเสริมความเชื่อมโยงระหว่างสองประเทศและอาเซียน
นายนาจิบ กล่าวด้วยว่า ขอแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญผ่าน ทั้งนี้ เพื่อกำหนดอนาคตทางการเมืองของประเทศไทย และเชื่อว่าหากสองประเทศมีเสถียรภาพความมั่นคงที่ดี ก็จะนำมาสู่ความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองฝ่าย
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีคนที่ 3 ของมาเลเซีย ได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างไทยและมาเลเซีย ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศก็เหมือนเป็นพี่น้องที่ดื่มน้ำจากบ่อน้ำเดียวกัน สะท้อนให้เห็นว่า สถานการณ์ทั้งสองประเทศมีความเชื่อมโยงกัน
จากนั้นเวลา 18.30 น. นายกรัฐมนตรี และ ภริยา จะเป็นเจ้าภาพในงานเลี้ยงอาหารค่ำเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และ ภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก)