กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปท.ชงข้อเสนอ พ.ร.บ.เลือกตั้ง กรธ. แนะสอบวินัย ขรก.นอนหลับทับสิทธิ ให้ผู้สมัครแสดงตนก่อน 1 ปี พร้อมอบรมหลักสูตร หนุนรัฐช่วยหาเสียง ห้ามช่วยงานประเพณี ยืดเวลาใช้สิทธิ ยุบ กกต.จังหวัด เพิ่มอำนาจ 5 เสือ กกต. ทหาร-ตร.-ฝ่ายปกครองช่วยเหลือ ให้ลงโทษรวดเร็วรุนแรง แทรกบทเฉพาะกาลเลือกตั้งปี 60 ให้ คสช.ช่วยควบคุมดูแล
วันนี้ (1 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ปฏิรูปด้านการเมือง ของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ที่มีนายเสรี สุวรรณภานนท์ เป็นประธาน ได้จัดทำรายงานเสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เรื่อง ข้อเสนอประเด็นสำคัญเพื่อการจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งหมด 9 ส่วน 27 หน้า โดยมีสาระสำคัญดังนี้ ส่วนที่ 1 เสนอให้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดหรือดำเนินการให้ กระทรวงมหาดไทยจัดการเลือกตั้ง ส.ส. การได้มาซึ่งส.ว. การเลือกตั้งสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่นและการออกเสียงประชามติ ส่วนที่ 4 ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ควรกำหนดโทษตัดสิทธิบางประการ แก่ผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยเฉพาะข้าราชการ พนักงาน และเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ต้องรับโทษมากกว่าประชาชนทั่วไป ด้วยการต้องรับโทษทางวินัยด้วย ส่วนที่ 5 ผู้สมัครและการรับสมัครเลือกตั้ง ควรกำหนดให้ ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกระดับต้องแสดงตนก่อนมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 1 ปี และผู้สมัครฯ ต้องเข้าร่วมอบรมหลักสูตรที่จัดโดย กกต. เช่น บทเรียนเรื่องความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย
ส่วนที่ 6 ค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและวิธีการหาเสียงเลือกตั้ง เสนอให้ลดภาระค่าใช้จ่ายของพรรคการเมือง และผู้สมัครรับเลือกตั้งในการหาเสียง โดยให้รัฐสนับสนุนหรือช่วยเหลือการหาเสียงของผู้สมัครฯ อาทิ การพิมพ์ป้ายโฆษณาหาเสียง การใช้ยานพาหนะ ให้เป็นไปตามที่ กกต.กำหนด ขณะเดียวกัน ให้ กกต. จัดทำรวมเล่มข้อมูลผู้สมัครฯแจกครัวเรือนในเขตเลือกตั้งทุกครัวเรือน กำหนดให้มีมาตรการบังคับอย่างจริง ห้ามผู้สมัครฯ และ ส.ส. บริจาคช่วยประเพณี งานศพ งานบวช งานแต่ง ภายในเขตเลือกตั้งของตน ส่วนที่ 7 การลงคะแนนเลือกตั้ง ขยายเวลาลงคะแนนเป็น 08.00-18.00 น. ให้มีการพัฒนาระบบลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ สามารถตรวจสอบการใช้สิทธิผ่านทางอินเทอร์เน็ตภายหลังลงคะแนนได้ ส่วนที่ 10 ในคดีเลือกตั้ง ให้ประชาชนมีฐานะผู้เสียหาย สามารถร้องคัดค้านการเลือกตั้งต่อ กกต.ได้
พร้อมกันนี้ เสนอให้ยกเลิก กกต.จังหวัด เพื่อให้ กกต.มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการมีอำนาจสั่งให้ฝ่ายทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองของกระทรวงมหาดไทย รวมถึงข้าราชการอื่น ช่วยเหลือกกต.ระหว่างเวลาการเลือกตั้ง โดยมี กกต.เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด นอกจากนี้ ให้เพิ่มอำนาจ กกต. และเจ้าหน้าที่สืบสวนของ กกต.มีสถานะเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา สำหรับการสอบสวนการเลือกตั้ง ให้พนักงานรวมเอกสาร 15 วัน ก่อนส่งให้ กกต.ฟ้องศาลภายในเขตอำนาจอีก 15 วัน แล้วให้ศาลพิจารณาเพิกถอนคำสั่งหรือไม่ภายใน 30 วัน หากเกิดกรณีผู้สมัครฯ ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง แล้ว กกต.เห็นว่ามีผลทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ให้ร้องต่อศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งตลอดชีวิต และหากเป็นการกระทำผิดหรือรู้เห็น ของหัวหน้าพรรคการเมือง กรรมการบริหารพรรคการเมือง และไม่ยับยั้งแก้ไข ให้ถือว่าพรรคการเมือง กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครอง ไม่เป็นไปตามวิถีที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ให้กกต.ดำเนินการ พ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ส่วนประชาชนหากแจ้งพบการทุจริตแล้วคดีถึงที่สุดแล้วให้ได้รับเงินตอบแทนไม่น้อยกว่า 100,000 บาท
ส่วนที่ 11 การคัดค้านการเลือกตั้ง การจะวินิจฉัยให้มีการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ หากคะแนนต่างกันมาก แล้วการเลือกตั้งใหม่ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงก็ไม่ควรมีการเลือกตั้งใหม่ ให้ไปเอาผิดทางอาญาและแพ่งแก่ผู้กระทำผิดแทน การกำหนดโทษให้มีมาตรการทางอาญา ทางแพ่ง และทางการเมืองอย่างรุนแรง และรวดเร็ว เช่น โทษตัดสิทธิตลอดลงสมัครเลือกตั้งชีวิต โทษจำคุก 1-10 ปี ไม่รอลงอาญา และโทษปรับ 20 ล้านบาท อายุความ 20 ปี สุดท้าย บทเฉพาะกาลควรกำหนดให้การเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไปในปี 2560 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้ทำรัฐประหารจะต้องมีบทบาทอย่างสำคัญ ป้องกันคำครหาว่าเป็นการปฏิวัติที่ล้มเหลว จะต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ กกต.ในการควบคุมและดำเนินการการเลือกตั้ง