นายกฯ ไปประชุมจี 20 ที่จีน ก่อนวกมาประชุมที่ลาวเดือนหน้า ลงนามเอกสาร 14 ฉบับ ผุดแนวคิด “เรือแท็กซี่” ให้บริการระยะสั้นแก้รถติด พร้อมแนะ “ฟูดทรัก” อาหารไทยจอดตามที่สาธารณะ เน้นลดค่าครองชีพ โปรโมตอาหารไทย แย้มแนวคิดแก้รถติด รถทะเบียนคู่วิ่งคละวันกับรถทะเบียนเลขคี่ เก็บค่าผ่านทางเพิ่มบางเส้นทาง ให้รถยนต์มีผู้โดยสารอย่างน้อย 2 คน ฝากสังคม-เอ็นจีโอช่วยวิเคราะห์ ก่อนให้แม่น้ำ 3 สายรับไว้พิจารณา
วันนี้ (30 ส.ค.) ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิง ทักษดา สังข์จันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำวันที่ 30 ส.ค. 2559 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเดินทางไปเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ หรือ จี 20 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากนั้นจะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 28 และ 29 รวมถึงการประชุมสุดยอดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 6-8 ก.ย. ณ นครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
โดยในการประชุมจะมีการรับรองเอกสารที่เป็นผลลัพธ์ของการประชุมทั้งหมด เพื่อให้ผลการประชุมสุดยอดนี้มีผลเป็นรูปธรรม โดยเอกสารที่จะรับรองทั้งหมดมี 14 ฉบับ โดยนายกฯ หรือผู้แทนจะเป็นคนลงนามทั้งสิ้น 13 ฉบับ ส่วนอีก 1 ฉบับจะเป็นนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศเป็นผู้ลงนาม
พ.อ.หญิง ทักษดากล่าวถึงข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ เรื่องการจัดเรือโดยสารในคลองผดุงกรุงเกษมว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้แสดงความขอบคุณไปยังกระทรวงวัฒนธรรม ที่ทำหนังสือ “คลองผดุงกรุงเกษม สายน้ำแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม” ซึ่งมีการระบุว่าบริเวณรอบคลองผดุงฯ นั้นมีสถานที่สำคัญอะไรบ้าง นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์สั่งการเพิ่มเติมว่าในปัจจุบันเมื่อมีเรือที่สามารถวิ่งในคลองได้แล้ว อยากให้มีเรือโดยสารขนาดเล็กแบบเรือแท็กซี่เพื่อบริการประชาชนในระยะสั้นเพื่อช่วยลดปัญหาจราจรติดขัด
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังมีข้อสั่งการเรื่องรถยนต์ขายอาหารว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้รถยนต์ขายอาหาร หรือฟูดทรัก ไปจอดตามสถานที่สาธารณะต่างๆ อย่างสวนสาธารณะหรือที่ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ง่าย เพื่อช่วยเหลือประชาชนในเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้นและทำให้ประชาชนได้บริโภคอาหารที่มีคุณภาพ รวมถึงเป็นการประชาสัมพันธ์อาหารไทยอีกทางหนึ่ง
ในตอนหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ยังมีข้อสั่งการถึงเรื่องการแก้ปัญหาการจราจรติดขัดว่า อย่างที่ทราบกันว่าปัญหาการจราจรติดขัดในประเทศไทยเป็นอันดับหนึ่งของโลก นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยในเรื่องนี้มาก จึงได้สั่งการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม จัดประชุมเพื่อหาทางออกแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างความรับรู้ให้กับประชาชน และให้ความสำคัญเรื่องการเชื่อมต่อกับขนส่งมวลชนต่างๆ รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องการจัดระเบียบจราจร อาทิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และอาสาสมัคร ให้ช่วยกันดูแลไม่ว่าจะอาศัยทั้งทางหลักนิติศาสตร์ และรัฐศาสตร์เข้ามาร่วมกันในการแก้ปัญหา
ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้เคยสั่งการให้ทุกกระทรวงตอบคำถามเรื่องการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ไม่ใช่แบบที่นักการเมืองตอบ แต่ให้ใช้วิธีที่ยอมรับความจริงที่สามารถแก้ปัญหาได้ ทั้งแบบเดิมหรือแบบใหม่ที่คิดนอกกรอบ ทุกคนต้องกล้าหาญที่จะทำและสร้างความเข้าใจกับสังคม เช่น เรื่องการแก้ไขการจราจรที่ติดขัด สังคมจะยอมไหม หากจะกำหนดให้รถที่ใช้หมายเลขทะเบียนคู่ วิ่งกันคละวันกับรถที่ใช้เลขทะเบียนคี่ หรือกำหนดให้เส้นทางนี้มีการจ่ายค่าผ่านทางเพิ่ม หรือกำหนดให้รถหนึ่งคันมีผู้โดยสารอย่างน้อย 2 คน
“เรื่องแบบนี้จะต้องสอบถามสังคมให้ช่วยกันวิเคราะห์วิพากษ์ แต่ไม่ได้หมายความว่าตกลงใจที่จะทำ ซึ่งแนวทางต่างๆ นั้นภาคสังคม ภาควิชาการ เอ็นจีโอ ต้องช่วยกันคิดวิเคราะห์ ให้ตกผลึกว่าวิธีการแบบไหนที่เหมาะสมและสังคมยอมรับ และเมื่อสังคมยอมรับแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งสภาปฏิรูปการขับเคลื่อนประเทศ (สปท.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และรัฐบาลก็อาจจะรับข้อเสนอมาพิจารณาในรายละเอียดว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน” พล.ต.สรรเสริญกล่าว