ทีมโฆษก คสช.เผยเหตุเพิ่ม 30 สนช.ตามที่ “วิษณุ” แจงเพราะมีกฎหมายค้างอยู่เพียบ ถูกครหาสืบทอดอำนาจแล้วแต่มุมมอง ยังตอบไม่ได้มีแต่ทหาร ชี้แนวคิดตั้งพรรคทหารเป็นของคนอื่นไม่ใช่ “ประยุทธ์” ยังไม่เคยได้ยินบอกว่าจะลงเล่นการเมือง ตอนนี้มุ่งทำงานแก้ปัญหาให้ ปชช.ในเวลาที่เหลือ อุบไต๋เดินตามแนวทางเปรมโมเดล ปรับ ครม.หรือไม่ อยู่ที่เจ้าตัว
วันนี้ (30 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 30 ส.ค. ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงจะมีการพิจารณาเพิ่มสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จำนวน 30 คนว่า เป็นไปตามที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้ชี้แจงว่าปัจจุบันมีกฎหมายค้างอยู่ในสภากว่า 100 ฉบับ และ สนช.มีวาระอยู่ถึงแค่ช่วงก่อนเลือกตั้งเท่านั้นซึ่งเป็นระยะเวลาเพียงแค่ปีกว่า โดย สนช.ที่เพิ่มขึ้นนี้จะเข้ามาช่วยงานพิจารณาข้อกฎหมายที่ค้างอยู่ ส่วนจะเป็นใครบ้างก็เป็นข้อพิจารณาของผู้ที่จะคัดสรรเข้ามาทำงาน ส่วนที่ถูกมองว่าจะเป็นการสืบทอดอำนาจนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของมุมมองแต่ละคน แต่โดยข้อเท็จจริงจะต้องดูเรื่องงานเป็นหลัก ในส่วนเรื่องของคุณสมบัติอยู่ที่การพิจารณาของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. แต่ตนเข้าใจว่าหัวหน้า คสช.จะมีทีมงานช่วยกันพิจารณาว่ากฎหมายที่มีอยู่กับงานที่ต้องทำ ใครเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมจะเข้ามาทำงานในส่วนนี้
เมื่อถามว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่า สนช.จำนวน 30 คนที่เข้ามาใหม่จะมีแต่ทหาร พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้เพราะยังไม่มีการคัดสรรเข้ามา ตอนนี้อยู่ในช่วงการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เพื่อแต่งตั้ง สนช.เพิ่มอีก 30 คน ส่วนจะแต่งตั้งใครเข้ามาก็ดูอีกที สำหรับแนวคิดการตั้งพรรคทหารนั้นเป็นแนวคิดของบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์กำลังเร่งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน และวางรากฐานอนาคตของประเทศ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์จะลงเล่นการเมืองในอนาคตหรือไม่ ตนยังไม่เคยได้ยินจากปากของ พล.อ.ประยุทธ์
เมื่อถามว่าการที่มีบางคนสนับสนุนแนวคิดพรรคทหารเพื่อต้องการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า ผลสำรวจความคิดเห็นและหลังการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงอีกหลายเรื่อง ผู้ที่มีความรู้สึกที่ดีต่อ พล.อ.ประยุทธ์ มองว่าภาวะสถานการณ์บ้านเมืองขณะนี้ก็อยากได้ผู้บริหารประเทศเป็น พล.อ.ประยุทธ์ แต่ในส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยแสดงเจตนาหรือเจตจำนงว่าจะรับหรือไม่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนนอก หรือจะดำเนินการอย่างไร แต่เจตนาที่เห็นชัดเจนตอนนี้คือการดูแลบ้านเมืองให้สงบเรียบร้อย แก้ไขปัญหาให้แก่ประชาชน สร้างความมีเกียรติและศักดิ์ศรีในเวทีโลก ไม่เคยพูดถึงเรื่องการเมือง ในขณะที่มีบุคคลอื่นเสนอข้อคิดเห็นอันเป็นประโยชน์ควรจะทำแบบนั้นหรือแบบนี้ก็ถือเป็นแนวคิดของแต่ละบุคคล แต่ผลสัมฤทธิ์ยังไม่ได้เกิดในเวลานี้
“หัวหน้า คสช.ย้ำเสมอว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ปี 2560 ต้องมีการเลือกตั้ง ระหว่างนี้เรากำลังพูดถึงกระบวนการต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น จึงอาจมีการพูดถึงรายละเอียดปลีกย่อย แต่โดยหลักการยืนยันว่าหัวหน้า คสช.ยังมีความจำเป็นที่จะต้องดูแลชาติบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย รักษากฎหมายให้มีความเป็นธรรมและทำให้ทุกคนอยู่ภายใต้กรอบกฎหมายเดียวกัน เร่งรัดให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนทำงานเต็มกำลังความสามารถในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ซึ่งเราจะไดยินคำพูดหัวหน้า คสช.ที่ระบุว่าเหลือเวลาเพียงปีเศษที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง และส่งมอบการบริหารราชการแผ่นดินให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง ส่วนจะตัดสินใจเรื่องอื่นๆ นั้น ผมยังไม่เคยได้ยิน” ทีมโฆษก คสช.กล่าว
เมื่อถามว่ามีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองให้เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับเปรมโมเดล พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิดของแต่ละคนที่มีมุมมองแตกต่างกัน เป็นการเสนอแนวคิดทั้งนั้น รวมถึงข้อเสนอการตั้งพรรคทหาร ซึ่งเป็นแนวคิดมาจากคนอื่น ไม่เคยมีสิ่งใดที่ออกมาจากหัวหน้าคสช. เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์เน้นเรื่องงานดูแลประชาชน สิ่งใดที่ยังไม่สัมฤทธิผลก็ให้กำลังใจ ให้เวลาและโอกาส ส่วนจะปรับ ครม.หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ ตนไม่สามารถตอบได้ แต่ทุกอย่างมีทั้งสมควรและไม่สมควรอยู่ในดุลพินิจของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่เชื่อว่ามีทีมที่ปรึกษาที่รอบรู้สามารถวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ว่าควรปรับ ครม.หรือไม่อย่างไร ซึ่งก็ต้องดูกันอีกครั้ง