รองโฆษกเพื่อไทยตอกโฆษกรัฐบาลตรรกะวิบัติ ให้ข้อเท็จจริงจีดีพีกลายเป็นการแช่งประเทศ
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้ฟัง พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาอธิบายสับสนเรื่องปรับ ครม. โจมตีเรื่องบริหารจัดการน้ำ และยังบอกว่าการให้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ขณะนั้นยืนยันจีดีพีที่ 3.7% เป็นการสาปแช่งประเทศ พร้อมขอจบการตอบโต้รายวัน จริงๆ ถ้าท่านโฆษกคิดได้แบบนี้ตั้งแต่แรก ไม่ออกมากล่าวหานายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน แกนนำพรรคเพื่อไทย ที่มีความรู้ทางเศรษฐกิจคนละระดับกับท่านโฆษกรัฐบาลแบบมั่วๆ ก็ไม่มีใครจะต้องนำข้อมูลมาหักล้างอะไรด้วย จะแถลงผลงานอะไรก็แถลงเนื้องานให้ชัด ไม่จำเป็นต้องพาดพิงรัฐบาลเก่า แต่เมื่อท่านโยนความผิดให้รัฐบาลที่แล้วเสียจนชิน พูดสื่อสารทางเดียวตลอดจนติดเป็นนิสัย พอมีคนมาอธิบายบ้างก็หาว่าไม่รักชาติเท่าพวกท่านซึ่งไม่ถูกต้อง
โฆษกรัฐบาลก็ยังคงแสดงความไม่รู้เศรษฐกิจเหมือนเดิม และอยากขอสอนว่าการที่เรียกร้องให้นายสมคิด ยืนยันว่าเศรษฐกิจไทยจะโต 3.7% ไม่ได้แปลว่าสาปแช่งประเทศตัวเองแต่อย่างใด นายสมคิดเคยพูดไว้เมื่อปลายปีที่แล้วเองว่าปีนี้จะโต 3.7% พอต้นปีกลับค่อยๆ ลดลงเหลือ 3.5% และเมื่อวานบอก 3.2% จะลดลงเรื่อยๆ จนเข้าเป้าหมายหรือไม่ จึงอยากให้ยืนยันแค่นั้น ซึ่งการให้ยืนยันเป้าหมาย ถ้าแปลได้ว่าสาปแช่ง ถือว่าตรรกะวิบัติแล้ว
ส่วนการปรับ ครม.ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กับรัฐบาล คสช.อยู่ในบริบทที่แตกต่างกัน ถ้าจำได้การปรับ ครม.เศรษฐกิจทั้งชุดของรัฐบาล คสช.ในช่วงนั้นเกิดจากแรงกดดันที่สภาวะเศรษฐกิจทรุดหนัก ส่งออกลดลงต่อเนื่อง ประชาชนเดือดร้อนมาก จะนำมาเทียบเคียงกันไม่ได้ หรือแม้แต่การบริหารจัดการน้ำ รัฐบาลพรรคเพื่อไทยพยายามที่จะผลักดันนโยบายบริหารจัดการน้ำ 9 โมดูล ลาทีน้ำท่วม-น้ำแล้ง-น้ำเสีย แต่ก็ทำไม่ได้ ส่วนใครเป็นคนขวาง ใครสั่งล้มเลิกโครงการ คนไทยทราบดี ถ้าความพยายามจะดำเนินการนั้นประชาชนจะเห็นอย่างไร เราก็ไม่เคยโยนความผิดให้รัฐบาลก่อนหน้านั้น
“ขนาดวิกฤตภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบกว่า 50 ปี สูญเสียเม็ดเงินไปกว่าแสนล้าน กระทบจีดีพี เกือบ 1% ที่ท่านแก้ปัญหาโดยให้องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ไปดำเนินโครงการขุดลอกคูคลอง ซึ่งพรรคเพื่อไทยกำลังตรวจสอบอย่างเข้มข้น คสช.เข้ามาบริหารประเทศ 2 ปี ปัญหาภัยแล้งยังโทษรัฐบาลที่แล้วอยู่เลย ซึ่งในความเป็นจริงจะมีรัฐบาลไหนวางงานกลั่นแกล้งรัฐบาล คสช.ได้ล่วงหน้าถึง 2 ปี สำคัญที่สุดที่อยากฝากทุกภาคส่วนในสังคม คือ การลดวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง และสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการปรองดองสมานฉันท์อยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข เพราะถ้าไม่มีใครล้ำเส้น คงไม่มีใครออกมาอธิบายให้เสียบรรยากาศ”