สะเก็ดไฟ
การเมืองไทยชั่วโมงนี้คงอีกนานกว่าจะเข้ารูปเข้ารอย ได้เลือกตั้ง เลือกนายกฯ เลือก ส.ส. ในแบบที่คุ้นชิน เพราะจากผลประชามติร่างรัฐธรรมนูญ และคำถามพ่วง เรายังอยู่กับวิธิที่การให้ ส.ว. ลากตั้ง มีส่วนกำหนดชื่อคนจะเป็นนายกฯ อย่างน้อยอีก 5 ปี หรือเลือกนายกฯอย่างน้อย สองสมัย
ขั้วอำนาจที่กำหนดชะตาประเทศต่อจากนี้ ยังเป็นทหารต่อไป และดูสัญญาณวันนี้แล้ว ทิศทางยักษ์เขียวยังเดินไปทางเดียวกัน ไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความขุ่นข้องหมองใจออกมาให้เห็น ดังนั้น นักการเมืองยังปิดเทอมยาว
โผทหารที่ออกมา พลิกนาทีสุดท้ายดัน “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วย ผบ.ทบ. เป็นหัวขบวนทัพบกคนใหม่ แต่ดูเหมือนเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายในกองทัพ วันที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม และบรรดารัฐมนตรี เข้าอวยพรวันเกิดปีที่ 96 ของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ เราได้เห็นภาพสามผู้ยิ่งใหญ่ “ป๋าเปรม - บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม” ยืนจับกลุ่มคุยหัวเราะต่อกระซิก
ใครหวังให้มีรอยแยกตรงกลางลืมไปได้เลย
จากภาพที่เห็น แสดงว่า “บ้านสี่เสาเทเวศร์” และ “บ้านลาดพร้าว 71” เห็นตรงกัน คนที่จะพาบ้านเมืองเดินต่อในเวลานี้ คือ “บิ๊กตู่” บวกกับ ท่าทีของนายกฯ ที่สื่อสารออกมาช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์นี้ ไม่ปฏิเสธการเป็นนายกฯต่อไป พูดเสียงดังฟังชัดว่า “มีคนดีในประเทศเยอะแยะ ถ้าหาไม่ได้ค่อยมาพูดกับผม” และ “ต่อให้งานหนักกว่านี้ ไม่ได้เงินเดือน ผมก็จะอยู่ แต่อยู่ด้วยกลไกประชาธิปไตย ให้สง่างาม แต่จะมาอย่างไรก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” ตอกย้ำชัดเจนว่า นายกฯ คนต่อไปคงหนีไม่พ้นคนชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” และวิธีการเข้าสู้หอคอยงาช้าง แบบสง่างามก็เปิดกว้างยิ่งกว่าเส้นทางไฮเวย์
ดูจากรูปการณ์ พรรคการเมืองที่จะได้เสียง ส.ส. มากที่สุด หนีไม่พ้นพรรคเพื่อไทย ที่ฐานเสียงเข้มแข็งในภาคเหนือ และ อีสาน ที่เป็นจุดชี้ชะตานายกฯก่อนหน้านี้ แต่เมื่อวิธีการเปลี่ยนไป การโหวตเลือกนายกฯ ด้วยที่ประชุมรัฐสภา ที่มี ส.ว. ลากตั้ง รออยู่แล้ว 250 คน เพื่อให้ได้เสียง 376 คน สนับสนุนคนเป็นนายกฯ แทบเป็นไปไม่ได้
หันไปดูพรรคการเมืองขนาดกลาง ขนาดเล็ก ที่จะช่วยสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ให้ได้ตำแหน่งนายกฯ แลกกับตำแหน่งรัฐมนตรี กระทรวงเล็กกระทรวงน้อย เหมือนที่ผ่านมา ก็มองไม่เห็น เพราะคนเป็นนักการเมือง ต่างรู้ทิศทางลมดี เวลาแบบนี้คงไม่มีใครโง่พอที่จะไปขวางเรือแป๊ะ ที่กำลังแล่นฉิวยาวไป ยาว ๆ ไป อยู่เป็นแน่
พรรคการเมืองที่พอจะมีศักยภาพ รวมกับพรรคเพื่อไทยแล้วได้เสียงถึง 376 ก็มีแต่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ครั้นมองลึกเข้าไปภายใน วันนี้ก็ไม่อยู่ในสถานะที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า มีเอกภาพ ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะกำลังของ ลุงกำนัน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในพรรคแดนสะตอ มีไม่น้อย ผลประชามติที่ออกมา แสดงให้เห็นชัด ภาคใต้ ฐานเสียงสำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ เลือกเดินตามนายสุเทพ ที่สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญ ของ คสช. อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู ไม่ไว้หน้าหล่อ ๆ ที่ออกตัวไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ช่วงโค้งสุดท้าย จนหัวทิ่มบ่อ กระแทกขี้โคลน
เมื่อหันไปดูประวัติของพรรคประชาธิปัตย์เอง ก็เคยสนับสนุน พล.อ.เปรม ที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคเป็นนายกฯ มาแล้ว คงเป็นเครื่องยืนยันปิดประตูการจับมือของสองพรรคเป็นอย่างดี เพราะ ชั่ง ตวง วัด แล้วโอกาสที่ประชาธิปัตย์จะจับมือกับทหาร ยังง่ายกว่าเป็นไหน ๆ
กระนั้น แม้ชื่อว่าที่นายกฯคนถัดไป จะชัดเจนแล้ว แต่วิธีการก้าวสู่เก้าอี้ ยังไม่ชัด
ตอนนี้มีหลายสูตร ไม่ว่าจะเป็นแบบสง่างามสุด ๆ โดยให้ “บิ๊กตู่” ตั้งพรรคการเมืองลงเลือกตั้งเลย ตามที่ฝ่ายตรงข้ามประสานเสียงยุส่งอยู่ โดยให้พรรคการเมืองที่ลงเลือกตั้งเป็นผู้เสนอชื่อ หรือรอให้มีการเลือกนายกฯ รอบสองให้คนเสนอชื่อ เป็นนายกฯคนนอก
วิธีการแรกคงตัดไปได้เลย ไม่มีประโยชน์ที่ “บิ๊กตู่” จะเดินตามเสียงยุลงเหว โดยการเอาชื่อตัวเองที่มีกองเชียร์ในวันนี้ มาให้นักเลือกตั้งอาชีพ ปู้ยี้ปู้ยำในสนามเลือกตั้ง
วิธีการที่สอง ไม่ว่า “บิ๊กตู่” จะชอบหรือไม่ แต่ดูแล้ว นายไพบูลย์ นิติตะวัน คีย์แมนกลุ่ม 40 ส.ว. ชงชื่อแน่ เพราะเป็นนกรู้ ชิงออกตัวแรงประกาศชัดเจนคนแรก แต่ถ้าได้ ส.ส. ไม่ถึง 25 เสียง ก็หมดสิทธิ์เสนอชื่อนายกฯ ประกวดอยู่ดี
วิธีการที่สาม หากข้อสองเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้คงมีคนแย่งเอาหน้าเป็นคนเสนอชื่อกันพัลวัน แว่วว่า มีปฏิบัติการทั้งจีบอดีตผู้แทนมาตั้งพรรค หรือดูดมาทั้งพรรคมันซะเลยจับยามสามตาแล้ว หนีไม่พ้นนายกฯ คนนี้ และมาตามกติกาที่เขียนไว้ คนจะนินทาหมาจะดูถูก ว่าเล่นนอกเกมไม่ได้
ชัดเจนเรื่องชื่อนายกฯ แต่ประเทศจะเป็นอย่างไร ต้องลุ้นกันต่อ เพราะห้วงเวลาที่ คสช. เข้ามากุมบังเหียน เรื่องความมั่นคง ถือว่าสอบผ่าน เพราะบ้านเมืองอยู่ในความสงบเรียบร้อยกว่าสมัยรัฐบาลก่อน ๆ อย่างเห็นได้ชัด เพราะเมื่อเป็นรัฏฐาธิปัตย์ ก็สามารถใช้อำนาจในมือ ทั้งทหาร ตำรวจ กดหัวฝ่ายต้านให้จมอยู่ในปลักโคลน ไม่สามารถโงหัวขึ้นมาหืออือได้ พวกใจกล้าหน่อย ก็ได้แต่ออกมาด่าผ่านสื่อให้รำคาญเท่านั้น
แต่ที่เสียรังวัดไปพอสมควร คือ เหตุระเบิดป่วนภาคใต้ถึง 7 จังหวัด ถ้าต้องการจะบอกว่า มีฝีมือด้านความมั่นคงที่เป็นจุดขายจริง ต้องเร่งหาตัวผู้ก่อเหตุตัวจริงมาให้ได้
ส่วนการสร้างความปรองดองของคนในชาติ วันนี้ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง จะบอกว่ามีคนคอยต้านอย่างเดียว คงไม่ได้ เมื่อมีอำนาจในมือคงต้องทำอะไรสักอย่างให้เห็นถึงความพยายามไม่ใช่นิ่ง ๆ อยู่แบบนี้
อีกเรื่องที่คนจับตามองตลอดมา คือ เรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ผลงาน คสช. ในเรื่องนี้ไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร การได้มือดีอย่าง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาเป็นรองนายกฯ ยังไม่มีอะไรที่เข้ามาพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน พลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศให้ดีขึ้นแบบเห็นได้ชัด เพราะส่วนมากที่ได้เห็นการจะเน้นไปทางอัดงบประมาณลงโครงการต่าง ๆ ปฏิรูปรากฐานเพื่ออนาคต แต่การดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามา ยังได้ไม่มากเท่าที่ควร อย่างว่าใครก็รู้มันไม่ใช่ประชาธิปไตยเต็มใบ แม้ประชามติผ่านแล้วอาจทำให้อะไรดูดีขึ้นบ้างก็ตาม แต่ระยะยาวก็ยังมองไม่เห็นสัญญาณที่ไฉไล
เมื่อคิดจะเป็นนายกฯอีกครั้ง แบบสง่างาม “บิ๊กตู่” ต้องใช้เวลาที่เหลือปีกว่าตรงนี้ พิสูจน์ให้คนได้เห็นว่า สามารถบริหารประเทศได้ดี ไม่แพ้นักการเมือง และจะเป็นคนที่เข้ามารักษาบาดแผลของประเทศ ไม่ได้มาเพิ่มความขัดแย้ง คนถึงจะได้แซ่ซ้องสรรเสริญ แต่ถ้าพิสูจน์ตัวเองตรงนี้ไม่ได้ การเป็นนายกฯ ครั้งต่อไป คงหนีไม่พ้นได้ก้อนอิฐ และไม่ใช่มาจากฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียว แต่คนที่สนับสนุนอยู่ตอนนี้ ก็จะขว้างใส่จนหน้าสั่น !!!