ศาลปกครองสูงสุดพิพากษาเพิกถอนคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือน 10% เป็นเวลา 4 เดือน แก่อดีตเลขาธิการ กกต. “วิจิตร อยู่สุภาพ” ส่วนค่าเสียหายกรณีการประกวดราคาจัดซื้อรถยนต์นั้น คำขอให้ยก
วันนี้ (25 ส.ค.) ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาศาลปกครองกลางในคดีที่ ร.ต.วิจิตร อยู่สุภาพ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฟ้อง กกต., ประธาน กกต. และสำนักงานคณะกรรมการ กกต. ขอเพิกถอนคำสั่งที่ให้ลงโทษตัดเงินเดือน 10% เป็นเวลา 4 เดือน และเรียกค่าเสียหายกรณีการประกวดราคาจัดซื้อรถยนต์เพื่อใช้ในการกิจการเลือกตั้งไม่เป็นไปตามระเบียบของทางราชการ จากพิพากษายกฟ้อง เป็นให้เพิกถอนคำสั่งลงโทษตัดเงินเดือน 10% เป็นเวลา 4 เดือน ส่วนคำขอเรียกค่าเสียหายให้ยก
ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุดให้เหตุผลว่า การที่ประธาน กกต. ได้มีคำสั่งลงโทษปลด ร.ต.วิจิตร ออกจากงาน แต่ต่อมา กกต. ได้มีมติให้ลดโทษเป็นตัดเงินเดือน 10% เป็นเวลา 4 เดือน ประธาน กกต. จึงมีคำสั่งตามมติดังกล่าว คำสั่งลงโทษให้ปลดออกจากราชการ จึงถูกเพิกถอนและถูกแทนที่ด้วยคำสั่งตัดเงินเดือนแล้ว และ ข้อ 50 ของระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 กำหนดให้คณะกรรมการพิจารณาผลการประกวดราคาคัดเลือกสิ่งของซึ่งมีคุณภาพและคุณสมบัติเป็นประโยชน์ต่อทางราชการ และให้ซื้อจากผู้เสนอราคาซึ่งเสนอราคาต่ำสุด การพิจารณาคัดเลือกจึงต้องพิจารณาถึงคุณภาพและคุณสมบัติของสิ่งของที่เป็นประโยชน์ต่อทางราชการมากกว่าเป็นสำคัญ มิใช่พิจารณาจากราคาต่ำสุดแต่เพียงอย่างเดียว และตามประกาศประกวดราคากำหนดว่าสำนักงาน กกต. ทรงไว้ซึ่งสิทธิที่จะไม่รับราคาที่ต่ำสุด
ดังนั้น การที่ ร.ต.วิจิตร ไม่ยกเลิกการประกวดราคาแต่อนุมัติให้จัดซื้อรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุ ซึ่งเสนอขอลดราคา จึงเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดในประกาศประกวดราคา และเป็นการดำเนินการเพื่อประโยชน์ของสำนักงาน กกต. และไม่เกิดความเสียหายแก่สำนักงาน กกต. การกระทำของผู้ฟ้องคดีจึงไม่เป็นความผิดวินัย ฐานไม่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดผลดี หรือความก้าวหน้า และระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของสำนักงาน และฐานไม่ถือปฏิบัติตามระเบียบและแบบธรรมเนียมของสำนักงาน ตามข้อ 56 วรรคหนึ่ง และข้อ 62 ของระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการบริหารงานบุคคล พ.ศ. 2542
ส่วนกรณีที่ผู้ฟ้องคดีฟ้องเรียกค่าเสียหายจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งนั้น ศาลปกครองสูงสุด เห็นว่า การดำเนินการทางวินัยแก่ ร.ต.วิจิตร ดำเนินการไปตามที่ได้รับแจ้งจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน การเผยแพร่ข่าวกรณีดังกล่าวเป็นไปตามปกติทั่วไปที่สื่อมวลชนจะต้องเสนอข่าวของเจ้าหน้าที่ระดับสูง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดแก่ ร.ต.วิจิตร