“ประยุทธ์” โวยพวกปล่อยข่าว รบ.ห้ามหาไข่มดแดง เผยลงพื้นที่ร้อยเอ็ดด้วยใจเชื่อหนุนตน ย้อนใช้อำนาจรังแกป่านนี้เต็มคุกหมดแล้ว รับให้ความสำคัญอีสานมากสุดแม้ไม่รับประชามติ ฉะพวกหวังถูกจับเพื่อให้ ตปท.โจมตี ขู่ประจานคนหนี ตปท.คืนบ้าง ขออย่าจำนำข้าวอีกชาติเสียหาย ชี้ ปชต.สำคัญแต่ไม่ใช่เวลานี้ อย่ากังวลสืบทอดอำนาจ ลั่นนักการเมือง-รมต.ใช้งบตามอำเภอใจไม่ได้ ขอให้เกียรติ สปท.เพราะคัดจากทุกฝ่าย
วันนี้ (24 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.47 น. ที่หอประชุม 60 พรรษา มหาวชิราลงกรณ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขึ้นเวทีปราศรัยต่อพี่น้องประชาชน และข้าราชการ กว่า 2 พันคนที่มารอต้อนรับตอนหนึ่งว่า มาถึงได้รับรายงานเลยว่ามีการปล่อยข่าวรัฐบาลห้ามหาไข่มดแดง คิดว่ารัฐบาลไม่มีอะไรทำหรืออย่างไร ไปหาเอา ลูกตนก็ชอบ และตนมาด้วยใจเกินร้อย มาวางอนาคตให้พวกท่าน มาปฏิรูปประเทศไทย หรือใครอยากให้เป็นแบบเดิม หรือใครไม่อยาก ให้ยกมือขึ้นรับรองไม่มีความผิด ไม่มีมาตรา 44
“ขอบคุณ ผมไม่เคยที่จะใช้อำนาจไปรังแกใครทิ้งสิ้น จะเห็นได้ว่าหากที่ผ่านมาผมใช้อำนาจป่านนี้เต็มคุกไปหมดแล้ว ผมให้โอกาสทุกครั้ง ผมอยู่ภายใต้กติกามาทั้งหมด จนกระทั่งผมอยู่ไม่ได้จึงต้องออกมาแบบนี้ ปล่อยประเทศชาติเสียหายต่อไปไม่ได้อีกแล้ว ที่ไม่ใช่ผมทำ รู้ว่าเป็นใครไปตรวจสอบมา อย่าคิดว่าผมมารังแกคนนั้นคนนี้ มาปราบใคร มันไม่ใช่ ไม่ผิดก็คือไม่ผิด ก็จบ ทุกประเทศเขาอยู่กันมาแบบนี้ โลกใบนี้อยู่กับกฎหมายกระบวนการยุติธรรม และการตรวจสอบรัฐบาลก็ต้องให้มีความยุติธรรม ถึงแม้ผมจะมีอำนาจในการชี้ผิดชี้ถูก ผมก็ไม่ทำ ปล่อยให้สู้คดีไป ผมจะไม่พยายามใช้อำนาจเด็ดขาดแบบนั้น แต่จะใช้อำนาจแค่การบูรณาการ”
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนให้ความสำคัญกับ จ.ร้อยเอ็ด และภาคอีสานมากที่สุด แม้ว่าจะรับหรือไม่รับประชามติก็แล้วแต่ กระบวนการประชาธิปไตยต้องเริ่มต้นด้วยประชามติก่อนถึงมีรัฐธรรมนูญ และนำไปสู่การเลือกตั้ง มีกลไกและกติกาที่จะออกต่อมา อย่าไปกังวลว่าใครจะเป็นนายกฯ แต่ให้ไปดูว่านายกฯ คนต่อไปเป็นใครและทำงานได้ดีหรือเปล่า จะทำได้เท่าที่ตนทำหรือเปล่า ขณะนี้ กรธ.และ สนช.กำลังดำเนินการอยู่ และถ้าฟังทุกคนที่พูดก็สับสน ไม่ฟังก็โง่ เชื่อทั้งหมดก็บ้าตาย ฉะนั้นขอให้เลือกฟังบ้าง เรื่องที่ขัดแย้ง ไร้สาระอย่าไปฟังมาก เอามันไม่ได้ บางคนก็ไปพูดตามช่องทีวี ไอ้พวกนี้จะติดคุกทุกวันยังไม่เข็ด มีกฎหมายทุกเรื่องแต่ก็ฝืนทุกอัน เขาทำเพื่อให้ถูกจับกุม ต้องการให้ภาพออกไปต่างประเทศ ต้องการให้สิทธิมนุษยชนโจมตีเรา ต้องการให้ต่างประเทศดูถูกประเทศไทย ในสิ่งที่เขาทำความเสียหายให้แก่ประเทศไทย จำคำพูดตนไว้ แล้วหลายๆ เรื่องจะกระจ่างเอง
นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่ได้รังแกเขา หลายอย่างไม่ได้ถูกนำเข้ากระบวนการยุตธิรรมมาเลย ตนก็เอาเข้า ซึ่งมี 8-9 คดีที่เป็นคดีใหญ่ๆ และสร้างเสียหายแก่ประเทศ ส่วนแก้ไขปัญหาไม่มีการเมืองไหนที่ทำให้ประชาชนมีปัญหา แต่ถ้ามีปัญหาบางอย่างก็เพื่ออนาคตของท่าน แต่ถ้าต้องการคิดแบบเดิม ไม่ต้องการมีอะไร แล้วจะเรียกร้องจากอะไร ตนนึกไม่ออก วันนี้ต้องคิดไปข้างหน้า อย่าคิดกลับไปข้างหลังที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ใครคิดว่าที่ผ่านมาขัดแย้งกันแล้วมันสนุก ตนจะจนใจ เวลานี้อยากให้ฟังตนเพราะเป็นคนที่จะทำให้ได้ในเวลานี้ วันหน้าใครเขามาทำก็เรื่องของเขา ทุกอย่างต้องเดินหน้า อย่างความมั่นคง พอเกิดเรื่องถามเจ้าหน้าที่ไปไหน ทหาร ตำรวจไปไหน จับโจรไม่ได้สักที แล้วโจรมันจับได้ง่ายนักหรืออย่างไร จับไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เขามีกล้องเป็นหลักฐาน พนักงานสอบสวนก็จบอังกฤษ อเมริกา แต่ไม่รู้เป็นอะไร ทำไมไม่มีใครเชื่อถือ ไม่เชื่อมั่น ต้องให้เวลา ถ้าจะเอาอะไรจากใครสักคน และต้องเป็นทั้งผู้ให้และผู้รับ ให้ใจเขาบ้าง จะเอาอย่างเดียวก็ไม่ไหว มันท้อแท้ ส่วนคนผิด ถ้าผิดก็ลงโทษ ข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ลงโทษหมด คนดีก็ชมเชยเขา ไม่ใช่เหมาหมดว่าเลว
นายกฯ กล่าวว่า เรื่องกระบวนการยุติธรรม ที่ผ่านมารัฐบาล คสช.ถูกมองว่าไม่เป็นธรรม รังแก หากไม่ทำผิด ไม่มีมูลคงไม่มีเรื่อง ก็ทำโทษไม่ได้อยู่แล้ว ต้องระวังอย่าทำความผิด แม้แต่คำสั่งตนไม่ได้ตั้งใจเขียนเพื่อจับกุม แต่เขียนเพื่อไม่ให้คนทำอะไรผิดๆ หรือทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย ความไม่สงบในช่วงการปฏิรูป แต่ก็ยังฝ่าฝืนกัน ทั้งๆ ที่ตนกำลังทำสิ่งที่ดีกว่าที่เคยทำมา จะมาฝ่าฝืนตนทำไม เพื่อให้จับ เสร็จแล้วก็ส่งรูปไปร้องเรียนสหประชาชาติ สถานทูตประจำประเทศตัวเอง วันหลังตนจะประจานบ้าง ในสิ่งที่เขาทำเลวร้ายคืออะไรบ้าง โดยเฉพาะพฤติกรรมของคนที่หนีไปต่างประเทศ แล้วดูว่าเขาจะฟังใคร ในเมื่อเปิดหน้ากันแบบนี้ ตนก็ใช้กฎหมายเท่านั้น
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ที่มา จ.ร้อยเอ็ด ถ้ามารอตนแต่เช้าเกินไป นานจนหิวข้าวต้องโทษผู้ว่าฯ ตนคิดว่าอยากมาก็มา ไม่อยากมาก็ไม่ต้องมา ยังไงก็หนีตนไม่พ้น เพราะต้องพูดทุกคืนวันศุกร์ ที่พูดนั้นเพื่ออะไร ให้คนรักหรือ ที่พูดไปนั้นเหนื่อย บางทีโมโหก็ต้องสงบใจ มนุษย์ก็ต้องมีอารมณ์บ้างเป็นธรรมดา หรือเขาบอกว่าเป็นนายกฯ ต้องไม่มีอารมณ์ ทำทื่อมะลื่อไปอะไรก็ได้ มันได้หรือ ยิ่งตอนนี้มีอารมณ์มากเพราะกำลังเร่งงาน รัฐมนตรีก็คงต้องเครียด
ส่วนปัญหาเรื่องข้าว ตอนนี้คือราคาในท้องตลาดลดลง ต้องไปดูความต้องการรอบบ้านต่างประเทศว่าต้องการข้าวประเภทไหน เราก็ผลิตตรงนั้นให้เยอะหน่อย ส่วนที่ขายไม่ดีก็ไว้กินไว้ใช้ ถ้าทุกคนผลิตข้าวขายทั้งหมดจะขายใคร จะเอาไปจำนำหรือ ใครยังไม่ได้เงินจำนำข้าว หรือจะรอจำนำรอบใหม่บ้าง ไปดูเถอะข้าวเหลือในคลังเยอะแยะ ไปให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบมา อย่าทำอีกเลย เพราะ 1. รัฐเสียงบประมาณไปโดยไม่จำเป็น ประเทศชาติจะเสียหายด้วยระบบงบประมาณ 2. ทำให้ข้าวเราจะคุณภาพแย่ลง และกระทบต่อระบบปล่อยน้ำ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การบริหารงานไม่เคยคิดเรื่องผลประโยชน์ ถ้าคิดก็คงไม่เข้ามา แม้แต่เรื่องรถไฟฟ้าก็ไม่ใช่ อะไรก็ตามที่ทำไปล้วนแต่มีเจตนาที่ดี วันนี้หากถามว่าการสร้างเส้นทางรถไฟกับการเกษตรอะไรสำคัญกว่ากัน ตนตอบไม่ได้ เพราะมีความสำคัญเท่าๆ กัน หากมีการผลิต ก็ต้องมีการขนส่งสัญจรไปมา วันนี้ลาวสร้างเส้นทางรอแล้ว ถ้าไทยไม่ทำ จะออกไปเส้นทางสู่โลกได้อย่างไร เราจะมามัวทะเลาะขัดแย้งกันโดยไม่ฟังอะไรทั้งหมด การจะเอาประชาธิปไตยมันสำคัญ แต่ไม่ใช่เวลานี้
“อย่ามากังวลว่าผมจะสืบทอดอำนาจ ที่ผ่านมาใช้อำนาจเพื่อเดินหน้าประเทศ ไม่เคยใช้เพื่อให้คนมารักมาเกลียดมาชอบผม ถึงแม้จะไม่ชอบผมแต่โครงการที่ทางจังหวัดของบประมาณมาผมให้หมดพันกว่าล้านอยู่ในแผนงานแล้ว ถ้าทำให้เชื่อมั่นผมให้ได้ บอกพวกที่ไม่มาด้วย ผมไม่เคยโกรธเขาเลย แต่เป็นเพราะเขาไม่เข้าใจ ถูกบิดเบือน ไปฟังพวกพูดเลอะเทอะ” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เชื่อว่าชาวจ.ร้อยเอ็ดสนับสนุนตนทั้งหมด ก่อนหน้านี้แม้ว่าจะลงมติเห็นชอบในร่างรัฐธรรมนูนด้วยหรือไม่ ถึงจะอย่างไร ตนไม่เคยโกรธ เพราะมีการพูดเลอะเทอะอยู่เรื่อยไป มาวันนี้ตนไม่ใช่นักการเมือง มาในฐานะผู้รับใช้ ไม่ได้เป็นเจ้านายของท่าน แต่เป็นทหารมีหน้าที่รับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน เป็นที่พึ่งของทุกคนในทุกโอกาส ขณะเดียวกันก็มาในฐานะนายกฯ ยิ่งพูดก็ยิ่งต้องระวังตัว ต้องมีหิริโอตตัปปะ ความละอายเกรงกลัวต่อบาปเพื่อทำความดี ไม่ใช่สู้ให้สื่อเขียนถึง ทุกอย่างผิดคือผิด ไม่ได้มาหาเสียง หรือทำให้ประชาชนรัก แต่นำพาความรักมายังประชาชน เพราะเรามีโอกาสทำงานร่วมกันอีกระยะหนึ่ง อยากให้ทุกคนมีความหวังและอนาคต แม้สิ่งที่กำลังทำจะยังไม่เกิด แต่แนวความคิดแผนงานกำลังทำอยู่ แต่เทียบกับคนที่ไม่เคยแสดงเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ได้ นั่นไม่ใช่การบริหารราชการแผ่นดิน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า รัฐบาลจะต้องเป็นผู้สร้างความขัดเจนให้เกิดขึ้นทุกมิติ ข้าราชการเองต้องขับเคลื่อนตามนโยบายที่วางไว้ ดูว่าอะไรเป็นความเร่งด่วนต้องทำก่อน อย่าให้ใครมาพูดว่าจะทำนู่นนี่ให้ เพราะถือเป็นการหลอกลวงทั้งเพ เป็นการได้รัฐบาลมาแต่ปัญหาเกิดขึ้น ที่ผ่านมา ข้าวราคาตก ไม่ใช่รัฐบาลไม่อยากขายข้าว แต่เมื่อราคามันตก เกิดความเสียหาย จึงไม่ขาย หลายประเทศถามเราว่า ประเทศไทยจำนำข้าวแล้วดีขึ้นหรือไม่ แต่พอมีปัญหาหลายประเทศบอกว่าโชคดีแล้วที่ไม่ทำตาม
“ถ้าประชาชนขยันก็จะรวยเอง วันนี้รัฐมนตรีมีเงินเดือนเท่าไหร่ แต่ไม่ใช่เอาเงินไปช่วยงานแต่งานศพ เหมือนนักการเมือง เงินเหล่านั้นคือเงินพวกท่านทั้งนั้น วันนี้ผมหยุดเงินพวกนี้ไว้ และอย่ามาต่อว่ารัฐบาล ผมยิ่งพูดก็ยิ่งเหมือนผมเปิดศึก แต่ที่พูดก็เพื่อความเข้าใจ รัฐบาลและคสช.มีจุดมุ่งหมายเป็นของตนเอง ประชาชนก็ต้องมีจุดมุ่งหมายด้วย ต้องคิดอย่าให้ทะเลาะกัน แผนงบประมาณเองก็จะต้องปรับใหม่ ใครมาเป็นนักการเมือง เป็นรัฐมนตรี จะใช้ตามอำเภอใจไม่ได้” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เชื่อใจและเชื่อมั่นตนหรือยัง เชื่อหรือยังว่าตั้งใจ ต้องทำงานเพื่อประชาชน ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย และก่อนหน้านี้ไม่ได้คาดหวังจะเป็นนายกฯด้วย แต่ที่ต้องมายืนตรงนี้ อาจจะเป็นโชคชะตา วันนี้ต้องมาร่วมกันจึงจะดีกว่า อย่าขัดแย้งกันเลย มีเรื่องไม่เข้าใจกันนิดหน่อย ก็สามารถสอบถามกันได้ ปัญหาแก้ได้เลย บางอย่างก็ต้องใช้เวลา ส่วนเรื่องของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ต้องให้เกียรติเขา เพราะเป็นการคัดเลือกจากทุกฝ่าย ทั้งเหลือง แดง เขียว ส้ม เพื่อร่วมกันพิจารณาว่าประเทศจะไปในทิศทางใด แม้มีความเห็นไม่ตรงกันบ้าง แต่เมื่อมติออกมาอย่างไรก็ต้องเป็นอย่างนั้น ซึ่งบางเรื่องจะต้องมีการปรับปรุง เช่น ระบบภาษี ไม่ต้องกังวลว่ารัฐบาลจะขูดรีดคนจน เพราะตนก็เคยจน เคยเป็นนายทหารชั้นผู้น้อยมาก่อน
จากนั้น นายก ฯ และคณะ เดินทางไปยังอ่างเก็บน้ำธวัชชัย อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด รับฟังบรรยายสรุปการพัฒนาอ่างเก็บน้ำธวัชชัย เพื่อเป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา 12 สิงหาคม 2559 โดยนายก ฯ ได้ปลูกต้นมหาโชค ร่วมกับคณะและประชาชนจำนวน 84 ต้น พร้อมทั้งปล่อยพันธุ์ปลาลงอ่างเก็บน้ำ ขณะที่ประชาชนได้ผูกขาวม้าให้นายก ฯ พร้อมกับให้กำลังใจ รวมถึงได้ถ่ายเซลฟี่กับนายก ฯ ขณะนี้ นายก ฯ กล่าวกับชาวบ้านเป็นภาษาอีสานว่า "ข่อยไม่ได้มาหาเสียงเด้อ"